นุก/โคเปนเฮเกน (รอยเตอร์) - คณะผู้แทนรัฐบาลสหรัฐฯ นำโดยรองประธานาธิบดี เจดี แวนซ์ เดินทางเยือนเกาะกรีนแลนด์ พบปะทหารที่ฐานทัพสหรัฐฯ พร้อมกล่าวโจมตีเดนมาร์ก ไม่ได้ทำหน้าที่อย่างดีในการปกป้องกรีนแลนด์ จนสุ่มเสี่ยงจะถูกยึดครองโดยจีนและรัสเซีย

คณะผู้แทนของสหรัฐฯ ที่เดินทางมาพร้อมกับแวนซ์ ประกอบด้วย อุชา ภริยาของแวนซ์, ไมเคิล วอลต์ซ ที่ปรึกษาความมั่นคงแห่งชาติ และคริส ไรท์ รัฐมนตรีพลังงาน แวนซ์ แถลงเมื่อเดินทางถึงเกาะกรีนแลนด์เมื่อวันศุกร์ตามเวลาท้องถิ่น (28 มี.ค.) ว่า ความสนใจของสหรัฐฯ ต่อความมั่นคงในอาร์กติกจะมีมากขึ้นเป็นเวลาหลายทศวรรษ ซึ่งบ่งชี้ว่าความพยายามของประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ในการผลักดันให้สหรัฐฯ ควบคุมดินแดนกึ่งปกครองตนเองของเดนมาร์กแห่งนี้ ไม่มีทีท่าว่าจะลดลงเลย พร้อมกับโจมตีเดนมาร์ก ที่ดูแลเกาะกรีนแลนด์ในฐานะดินแดนปกครองตนเองว่า ไม่ได้ทำหน้าที่ดีพอในการปกป้องกรีนแลนด์ จนทำให้ดินแดนแห่งนี้สุ่มเสี่ยงจะถูกยึดครองโดยจีนและรัสเซีย ที่หวังเข้ามาหาผลประโยชน์เพิ่มมากขึ้น และเรียกร้องให้กรีนแลนด์ตัดความสัมพันธ์กับเดนมาร์กมาอยู่กับสหรัฐฯ ซึ่งจะช่วยให้กรีนแลนด์ปลอดภัยและมั่งคั่งมากยิ่งขึ้น

แวนซ์กล่าวทักทายสมาชิกกองทัพสหรัฐฯ ไม่นานหลังจากมาถึง โดยขอบคุณทหารสำหรับการปฏิบัติหน้าที่บนฐานทัพห่างไกล ที่ตั้งอยู่ห่างจากอาร์กติกเซอร์เคิล หรือวงกลมอาร์กติก ไปทางเหนือ 1,200 กิโลเมตร และเสริมว่านี่เป็นครั้งแรกที่เขามาเยือนเกาะแห่งนี้ ท่ามกลางอุณหภูมิหนาวเย็นที่ -19 องศาเซลเซียส

การเยือนฐานทัพสหรัฐฯที่เมืองพิทัฟฟิก (Pituffik) ภาคเหนือของเกาะกรีนแลนด์ มีขึ้นไม่กี่ชั่วโมง หลังจากรัฐบาลผสมชุดใหม่ของกรีนแลนด์ ซึ่งมีเป้าหมายที่จะรักษาความสัมพันธ์กับเดนมาร์กไว้ รวมตัวกันอยู่ในกรุงนุก เพียงไม่กี่ัชั่วโมงหลังจากที่ เยนส์-เฟรเดอริก นีลเซน หัวหน้าพรรคเดโมแครต อดีตรัฐมนตรีอุตสาหกรรมและสินแร่ วัย 33 ปี สาบานตนเข้ารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีอายุน้อยที่สุดของกรีนแลนด์เมื่อวานนี้ ซึ่งเขาต้องเผชิญกับความท้าทายจากความปรารถนาของทรัมป์ที่ต้องการควบคุมเกาะกรีนแลนด์

 นีลเซน นายกรัฐมนตรีคนใหม่ของกรีนแลนด์ กล่าวว่า การเยือนของสหรัฐฯ ส่งสัญญาณถึงการขาดความเคารพ และเรียกร้องให้เกิดความสามัคคีเมื่อเผชิญกับแรงกดดันจากภายนอก ขณะที่สมเด็จพระราชาธิบดีเฟรเดอริก ที่ 10 กษัตริย์แห่งเดนมาร์ก ทรงมีรับสั่งว่า ทุกฝ่ายใช้ชีวิตอยู่ในความเป็นจริงที่เปลี่ยนไป แต่ไม่ต้องสงสัยเลยว่าความรักที่พระองค์มีต่อกรีนแลนด์และความผูกพันของพระองค์ที่มีต่อชาวกรีนแลนด์ยังคงเหมือนเดิม และพระองค์ไม่เห็นด้วยกับแผนการของสหรัฐฯ ที่ต้องการยึดเกาะกรีนแลนด์เป็นของตนเอง