โซล (รอยเตอร์ส/ยอนฮัพ)-ตำรวจเกาหลีใต้ตั้งข้อหาชายคนหนึ่งที่ต้องสงสัยว่าเป็นผู้ก่อเหตุที่ทำให้เกิดไฟป่าครั้งรุนแรงที่สุดของเกาหลีใต้ที่ยังดับได้ไม่หมดในขณะนี้ และทำให้มีผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 30 ศพ และสร้างความเสียหายให้กับอาคารหลายหลังรวมถึงวัดที่สำคัญทางประวัติศาสตร์

สำนักข่าวยอนฮัพของเกาหลีใต้รายงานว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจเชื่อว่าผู้ต้องสงสัยรายนี้ ซึ่งเป็นชายวัย 56 ปี จุดไฟที่เทศมณฑลอึยซอง ทางตะวันออกเฉียงใต้ของประเทศ ระหว่างทำพิธีเซ่นไหว้บรรพบุรุษที่หลุมศพของครอบครัวเมื่อวันที่ 22 มีนาคมที่ผ่านมา ไฟลุกลามอย่างรวดเร็วไปในพื้นที่ใกล้เคียง เจ้าหน้าที่กล่าวว่าขณะนี้กำลังอยู่ในกระบวนการตรวจสอบหลักฐาน สำหรับระบบกฎหมายของเกาหลีใต้นั้น การตั้งข้อหาเป็นการแจ้งผู้ต้องสงสัยแต่ยังไม่ถึงขั้นจับกุมหรือตั้งข้อหา

ก่อนหน้านี้ เว็บไซต์เดอะโคเรียเฮรัลด์ ซึ่งเป็นหนังสือพิมพ์รายวันภาษาอังกฤษที่เก่าแก่ของเกาหลีใต้รายงานว่า ไฟป่าหลายจุดที่เกิดขึ้นในเกาหลีใต้ขณะนี้ ล้วนมีต้นเพลิงมาจากมนุษย์ นอกจากไฟป่าในเทศมณฑลอึยซอง ที่มาจากชายคนหนึ่งจุดไฟแช็กแล้ว เจ้าหน้าที่พบว่าไฟป่าที่เกิดขึ้นในเทศมณฑลซันชอง จังหวัดคยองซังใต้ ก่อนไหม้ลามไปยังหลายเมือง ต้นเพลิงเกิดจากเครื่องตัดหญ้าที่ฟาร์มแห่งหนึ่ง เช่นเดียวกับไฟป่าในเทศมณฑลอุยจูและเทศมณฑลฮัมยังเมื่อวันเสาร์ที่พบว่า เกิดจากการเชื่อมโลหะขณะที่ไฟป่ากิมแฮที่ปะทุขึ้นเมื่อวันเสาร์ที่แล้ว และถูกดับได้หมดในวันอังคาร ก่อนปะทุขึ้นอีกในวันพุธ เกิดจากกองไฟเล็กๆ ที่คนดูแลสุสานจุดขึ้นเพียงเพราะต้องการเผาถุงขนม แม้ไฟไหม้ในวงไม่กว้าง แต่ก็ทำให้คน 148 คน ต้องอพยพเพื่อความปลอดภัย นอกจากความสะเพร่าของมนุษย์แล้ว สภาพอากาศร้อนและแล้ง ห็มีส่วนทำให้ไฟป่าในขณะนี้กลายเป็นภัยพิบัติครั้งเลวร้ายที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์ของเกาหลีใต้

ไฟป่าหลายจุดในเกาหลีใต้ ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 30 ศพ เผาทำลายพื้นที่ไปแล้วประมาณ 300,000 ไร่ ทำลายอาคารสั่งปลูกสร้าง 4,000 หลัง รวมถึงวัดเก่าแก่ที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ ชาวบ้านหลายหมื่นคนต้องอพยพจากบ้านเรือนไปยังสถานที่ปลอดภัย เมื่อวันศุกรที่ 28 มี.ค.เจ้าหน้าที่สามารถควบคุมไฟส่วนใหญ่ไว้ได้แล้ว แต่เจ้าหน้าที่ดับเพลิงยังคงพยายามดับไฟป่าในจุดเล็กๆ ที่ปะทุขึ้นมาในวันเสาร์ ส่วนเมื่อวันที่ 30 มี.ค. มีไฟป่าเกิดขึ้นอีกในพื้นที่ทางใต้ใกล้กับเมืองซุนช็อนชี และเจ้าหน้าที่ส่งรถดับเพลิง 23 คัน เฮลิคอปเตอร์ 4 ลำ และเจ้าหน้าที่ดับเพลิง 123 คนลงพื้นที่ไปดับไฟ