8 เม.ย. 2568 สำนักข่าวรอยเตอร์ รายงานข่าว China vows to 'fight to the end' as Trump tariff war rages ระบุว่า จีนประกาศไม่ยอมจำนนต่อการ “ขู่กรรโชก (Blackmail)” จากสหรัฐอเมริกา ขณะที่สงครามการค้าโลกที่จุดชนวนโดยมาตรการขึ้นภาษีศุลกากรครั้งใหญ่ของผู้นำสหรัฐฯ อย่างประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ (Donald Trump) แทบไม่มีทีท่าจะคลี่คลายลงในวันที่ 8 เม.ย. 2568 แม้ว่าตลาดหุ้นที่ร่วงลงอย่างหนักจะฟื้นตัวแล้วก็ตาม
การวิพากษ์วิจารณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากที่ทรัมป์ขู่ว่าจะขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากจีน ซึ่งเป็นมหาอำนาจทางเศรษฐกิจอันดับ 2 ของโลก เป็นมากกว่า มากกว่า 100% ในวันที่ 9 เม.ย. 2568 เพื่อตอบโต้การตัดสินใจของจีนที่จะขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากสหรัฐฯ เพื่อตอบโต้มาตรการขึ้นภาษีที่ทรัมป์ประกาศเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ในอัตราที่เท่ากับที่ทรัมป์ประกาศ
กระทรวงพาณิชย์ของจีน ออกแถลงการณ์ระบุว่า การที่สหรัฐฯ ขู่จะขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนนั้น ถือเป็นความผิดพลาดซ้ำแล้วซ้ำเล่า โดยได้เปิดโปงพฤติกรรมการข่มขู่กรรโชกของฝ่ายสหรัฐฯ อีกครั้ง และหากสหรัฐฯ ยืนกรานที่จะทำตามที่ต้องการ จีนก็จะต่อสู้จนถึงที่สุด
รายงานข่าวกล่าวต่อไปว่า สหภาพยุโรป (EU) เสนอมาตรการภาษีตอบโต้การขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าของทรัมป์ที่แผ่ขยายไปในหลายสิบประเทศ ส่งผลให้ตลาดการเงินเกิดภาวะถดถอย และเกิดความคาดหวังว่าเศรษฐกิจโลกอาจกำลังเข้าสู่ภาวะถดถอย ขณะที่ตลาดหุ้นปรับตัวขึ้นหลังจากที่นักลงทุนเผชิญความผิดหวังในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา ซึ่งทำให้บรรดาผู้นำธุรกิจบางราย รวมถึงผู้ที่ใกล้ชิดกับทรัมป์ เรียกร้องให้ประธานาธิบดีเปลี่ยนนโยบาย
ดัชนี Nikkei ของญี่ปุ่นพุ่งขึ้นร้อยละ 6% ในวันที่ 8 เม.ย. 2568 ฟื้นตัวจากระดับต่ำสุดในรอบ 1 ปีครึ่งในช่วงก่อนหน้า หลังจากทรัมป์และ ชิเงรุ อิชิบะ (Shigeru Ishiba) นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น ตกลงที่จะเปิดการเจรจาการค้า ขณะที่ มาร์โก รูบิโอ (Marco Rubio) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ยังได้พูดคุยกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของปากีสถานเกี่ยวกับภาษีศุลกากรและความสัมพันธ์ทางการค้าในอนาคต
หุ้นบลูชิปของจีนพุ่งขึ้นร้อยละ 1 ซึ่งฟื้นตัวได้เพียงเศษเสี้ยวจากการร่วงลงกว่าร้อยละ 7 ในวันที่ 7 เม.ย. 2568 ดัชนีฮั่งเส็งของฮ่องกงพุ่งขึ้นราวร้อยละ 2 หลังจากประสบกับวันที่เลวร้ายที่สุดนับตั้งแต่ปี 2540 อันเป็นผลจากสิ่งที่ผู้นำศูนย์กลางการค้าแห่งนี้เรียกว่า “ภาษีศุลกากรที่ไร้ความปรานี” ด้านหุ้นฟิวเจอร์สของสหรัฐฯ ยังปรับตัวสูงขึ้นหลังจากร่วงลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบกว่า 1 ปี
อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นอินโดนีเซียได้รับผลกระทบอย่างหนัก โดยหุ้นร่วงลงร้อยละ 9 และค่าเงินรูเปียห์ร่วงลงสู่ระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ ขณะที่การซื้อขายเริ่มดำเนินการอีกครั้งในวันที่ 8 เม.ย. 2568 หลังจากหยุดยาวในช่วงวันหยุด ด้านธนาคารกลางของอินโดนีเซียให้คำมั่นว่าจะเข้าแทรกแซง โดยร่วมมือกับหน่วยงานระดับโลกอื่นๆ เพื่อหยุดยั้งการพังทลายในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา
ทรัมป์ กล่าวว่า ภาษีนำเข้าขั้นต่ำร้อยละ 10 สำหรับสินค้านำเข้าทั้งหมดของสหรัฐฯ และอัตราเป้าหมายสูงถึงร้อยละ 50 จะช่วยให้สหรัฐฯ ฟื้นคืนฐานอุตสาหกรรมในสหรัฐฯ ที่ซบเซาลงจากการเปิดเสรีทางการค้ามานานหลายทศวรรษได้ โดยผู้นำสหรัฐฯ ย้ำในแถลงข่าวที่ทำเนียบขาวว่า นี่เป็นโอกาสเดียวที่สหรัฐฯ มีในการปรับสมดุล เพราะไม่มีประธานาธิบดีคนอื่นใดที่เต็มใจทำอย่างที่ตนกำลังทำอยู่หรือแม้แต่จะดำเนินการนี้
ขณะเดียวกัน คณะกรรมาธิการยุโรป (EC) เสนอมาตรการทางภาษีเพื่อตอบโต้ภาษีนำเข้าสินค้าจากสหรัฐฯ หลายประเภทในอัตราร้อยละ 25 รวมถึงถั่วเหลือง ถั่ว และไส้กรอก แม้ว่าสินค้าประเภทอื่น เช่น วิสกี้เบอร์เบิน จะไม่รวมอยู่ในรายการก็ตาม ถึงกระนั้น มารอส เซฟโควิช (Maros Sefcovic) กรรมาธิการด้านการค้าของสหภาพยุโรป เปิดเผยในการแถลงข่าว ว่า ยุโรปพร้อมที่จะเจรจาข้อตกลง “ศูนย์ต่อศูนย์” กับรัฐบาลของทรัมป์ ซึ่งไม่ว่าจะเร็วหรือช้า ยุโรปจะนั่งที่โต๊ะเจรจากับสหรัฐฯ และหาทางประนีประนอมที่ทั้งสองฝ่ายยอมรับได้
สหภาพยุโรปซึ่งมีสมาชิก 27 ประเทศกำลังดิ้นรนกับภาษีนำเข้าต่อรถยนต์และโลหะที่มีอยู่แล้ว และกำลังจะเผชิญกับภาษีนำเข้าร้อยละ 20 สำหรับสินค้าอื่นๆ ในวันที่ 9 เม.ย. 2568 นอกจากนั้น ทรัมป์ยังขู่ว่าจะขึ้นภาษีเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ของสหภาพยุโรปด้วย ด้านนักลงทุนและผู้นำทางการเมือง ต่างพยายามหาข้อสรุปว่าภาษีนำเข้าของทรัมป์เป็นการถาวรหรือเป็นเพียงกลวิธีกดดันเพื่อให้ประเทศอื่นๆ ยอมประนีประนอมกันแน่
สก็อต เบสเซนต์ (Scott Bessent) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังของสหรัฐฯ ได้หารือกับทรัมป์ที่ฟลอริดาเมื่อวันที่ 6 เม.ย. 2568 เพื่อเรียกร้องให้ทรัมป์เน้นย้ำถึงการทำข้อตกลงการค้ากับพันธมิตร เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับตลาดว่ากลยุทธ์ของสหรัฐฯ นั้นมีจุดจบ อีกทั้งมีการเปิดเผยจากฝ่ายบริหารของทรัมป์ด้วยว่า ประเทศอื่นๆ อีกหลายสิบประเทศได้ติดต่อมาโดยหวังว่าจะยกเลิกการเก็บภาษีนำเข้าสินค้าซึ่งจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 9 เม.ย. 2568
ทรัมป์กำลังดำเนินการตามคำมั่นสัญญาที่จะย้อนกลับการเปิดเสรีทางการค้าที่ดำเนินมาหลายทศวรรษ ที่ผู้นำสหรัฐฯ เชื่อว่าได้บ่อนทำลายเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ซึ่ง เควิน แฮสเซตต์ (Kevin Hassett) นักเศรษฐศาสตร์ประจำทำเนียบขาว กล่าวว่า ทรัมป์กำลังทุ่มเทอย่างเต็มที่ในสิ่งที่รู้ว่าได้ผล และจะยังคงทำเช่นนั้นต่อไป อย่างไรก็ตาม ทรัมป์ก็ยังจะรับฟังพันธมิตรทางการค้าของเราด้วย และหากพวกเขาเสนอข้อตกลงที่ดีเยี่ยมจริงๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อภาคการผลิตและเกษตรกรของสหรัฐฯ ตนแน่ใจว่าทรัมป์จะรับฟัง
รายงานข่าวยังกล่าวอีกว่า ผู้นำวอลล์สตรีทออกคำเตือนเกี่ยวกับภาษีของสหรัฐฯ โดย เจมี ไดมอน (Jamie Dimon) ซีอีโอของเจพีมอร์แกน เชส กล่าวว่า ภาษีนี้อาจส่งผลกระทบเชิงลบในระยะยาว ขณะที่ บิล อัคแมน (Bill Ackman) ผู้จัดการกองทุน กล่าวว่าภาษีดังกล่าวอาจนำไปสู่ “ฤดูหนาวนิวเคลียร์ทางเศรษฐกิจ” ทั้งนี้ อัคแมนเป็นหนึ่งในผู้สนับสนุนทรัมป์ไม่กี่คนที่ตั้งคำถามถึงกลยุทธ์ดังกล่าว
แม้กระทั่งเมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา อีลอน มัสก์ (Elon Musk) มหาเศรษฐีที่เข้าไปช่วยงานทรัมป์ในฐานะหัวหน้าส่วนงานกำกับดูแลประสิทธิภาพของภาครัฐ (DOGE) เรียกร้องให้สหรัฐฯ และยุโรปไม่มีภาษีศุลกากรใดๆ และยังขอให้ทรัมป์ยกเลิกภาษีศุลกากรดังกล่าวโดยตรงอีกด้วย อย่างไรก็ตาม เมื่อวันที่ 7 เม.ย. 2568 ปีเตอร์ นาวาร์โร (Peter Navarro) ที่ปรึกษาการค้าของทรัมป์ ปฏิเสธมัสก์ ซีอีโอของเทสลาว่าเป็น “ผู้ประกอบรถยนต์”
ขณะนี้ นักลงทุนกำลังเดิมพันว่าความเสี่ยงที่เพิ่มมากขึ้นของภาวะเศรษฐกิจถดถอยอาจกระตุ้นให้ธนาคารกลางสหรัฐฯ ปรับลดอัตราดอกเบี้ยเร็วที่สุดในเดือน พ.ค. 2568 ทรัมป์ย้ำคำเรียกร้องอีกครั้งให้ธนาคารกลางปรับลดอัตราดอกเบี้ยเมื่อวันที่ 7 เม.ย. 2568 แต่ เจอโรม พาวเวลล์ (Jerome Powell) ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ ระบุว่า ตนไม่รีบร้อนแต่อย่างใด
ขอบคุณเรื่องจาก
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
https://www.naewna.com/inter/875802 ไร้ความปราณี! 'ทรัมป์'ขู่ขึ้นภาษี'จีน'เพิ่มอีก50% หากรัฐบาลปักกิ่งไม่ยกเลิกมาตรการตอบโต้สหรัฐ
043...
(รอยเตอร์) แผนที่แสดงร้อยละของภาษีนำเข้าสินค้าที่บังคับใช้โดยรัฐบาลสหรัฐฯ ต่อประเทศต่างๆ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี