‘ยูเอ็น’ห่วง‘สหรัฐฯ’เปิดสงครามการค้า-ตัดงบอาหารโลก กระทบ‘กลุ่มเปราะบาง’คนจน-ชาติกำลังพัฒนา

9 เม.ย. 2568 เว็บไซต์ news.un.org ขององค์การสหประชาชาติ (UN) เผยแพร่จดหมายข่าวประชาสัมพันธ์ World News in Brief: Nobody wins trade wars Guterres warns, WFP alert over US funding cuts, ‘modern slavery’ must be eradicated says Yang เมื่อวันที่ 8 เม.ย. 2568 ระบุว่า อันโตนิโอ กูเตร์เรส (Antonio Guterres) เลขาธิการสหประชาชาติ ตอบข้อซักถามจากสื่อมวลชน ในการแถลงข่าวที่สำนักงานใหญ่สหประชาชาติในเมืองนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา ในประเด็นมาตรการกำแพงภาษีที่ โดนัลด์ ทรัมป์ (Donald Trump) ประธานาธิบดีสหรัฐฯ เรียกเก็บขั้นต่ำร้อยละ 10 กับเกือบทุกประเทศในโลก

ภาษีนำเข้าเป็นภาษีที่เรียกเก็บจากสินค้าที่นำเข้ามาในประเทศ ซึ่งโดยปกติจะเรียกเก็บจากประเทศผู้ส่งออกเป็นเปอร์เซ็นต์ของมูลค่า ซึ่งเลขาฯ UN กล่าวว่า สงครามการค้าเป็นผลกระทบเชิงลบอย่างมาก และตนกังวลเป็นพิเศษเกี่ยวกับผลกระทบจากภาษีศุลกากรที่สูงขึ้นซึ่งอาจมีต่อประเทศกำลังพัฒนาที่เปราะบาง และเตือนว่าอาจถึงขั้นเลวร้าย

“ผมหวังเป็นอย่างยิ่งว่าเราจะไม่เกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอย เพราะภาวะเศรษฐกิจถดถอยจะส่งผลกระทบอย่างรุนแรง โดยเฉพาะอย่างยิ่งต่อผู้คนที่ยากจนที่สุดในโลก” กูเตร์เรส กล่าว

โครงการอาหารโลก (WFP) แสดงความกังวลอย่างยิ่งต่อข่าวที่สหรัฐฯ ยุติการให้เงินทุนช่วยเหลือด้านอาหารฉุกเฉินเพื่อช่วยชีวิตใน 14 ประเทศ โดยบัญชีแพลตฟอร์ม X ของ WEP โพสต์ข้อความเมื่อวันที่ 7 เม.ย. 2568 ระบุว่า หากนำไปปฏิบัติจริง อาจเท่ากับโทษประหารชีวิตผู้คนนับล้านที่เผชิญกับความหิวโหยและอดอยากขั้นรุนแรง ขณะที่ ซินดี้ แมคเคน (Cindy McCain) ผู้อำนวยการบริหารของ WEP กล่าวว่า การตัดงบประมาณโครงการต่างๆ อย่างต่อเนื่องจะยิ่งทำให้ความหิวโหยรุนแรงขึ้น มีความไม่มั่นคงด้านเชื้อเพลิง และทำให้โลกปลอดภัยน้อยลงมาก

แมคเคน ยังเรียกร้องให้ผู้นำโลกพิจารณาถึงผลที่ตามมา โดยระบุว่า การยุติการสนับสนุนไม่เพียงแต่ทำให้ชีวิตผู้คนต้องสูญเสียไป แต่ยังทำลายเสถียรภาพของโลกอีกด้วย ทั้งนี้ องค์การอาหารโลกกำลังติดต่อกับทางการสหรัฐฯ เพื่อขอความกระจ่างและเรียกร้องให้สนับสนุนโครงการต่างๆ ต่อไป

ผู้ลี้ภัยที่อาศัยอยู่ในยูกันดาซึ่งมีจำนวนรวมกว่า 1.8 ล้านคนจะได้รับผลกระทบ ซึ่งสำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ (UNHCR) ระบุว่าโดยเฉลี่ยแล้วมีผู้ลี้ภัยราว 10,000 - 12,000 คนที่เดินทางเข้าประเทศทุกเดือนตั้งแต่ปี 2565 เป็นต้นมา สถานการณ์ดังกล่าวส่งผลกระทบต่อทรัพยากรท่ามกลางการตัดงบประมาณอย่างต่อเนื่อง ซึ่งบังคับให้หน่วยงานต้องให้ความสำคัญกับด้านต่างๆ เช่น การดูแลสุขภาพและการคัดกรองที่ศูนย์รับผู้ลี้ภัย

แมทธิว เครนต์ซิล (Matthew Crentsil) ผู้แทน UNHCR ในยูกันดา ให้สัมถาษณ์กับสื่อเมื่อวันที่ 8 เม.ย. 2568 ว่า งบประมาณที่จัดสรรไว้สำหรับทั้งปีกำลังถูกใช้จนหมดไปแล้วเนื่องจากมีผู้ลี้ภัยหลั่งไหลเข้ามา ตนไม่อยากพูดถึงปัญหาขาดแคลนอาหารของ WFP ไม่มีการรับประกันเงินทุนสำหรับ WFP ในการจัดหาอาหารสำหรับผู้ลี้ภัยในยูกันดาเกินกว่าเดือน มิ.ย. 2568 ดังนั้น เหตุการณ์ทั้งหมดนี้จึงทำให้สถานการณ์ที่ไม่มั่นคงอยู่แล้วในยูกันดาเลวร้ายลง

รายงานข่าวกล่าวต่อไปว่า ในวันที่ 8 เม.ย. 2568 ฟิเลมอน หยาง (Philemon Yang) ประธานสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติ แสดงความยินดีกับการเผยแพร่รายงานล่าสุดของคณะกรรมาธิการโลกว่าด้วยการค้ามนุษย์สมัยใหม่และการค้ามนุษย์ และเรียกร้องให้ประเทศสมาชิก เสริมสร้างมาตรการในการต่อสู้กับระบบทาสสมัยใหม่และการค้ามนุษย์ ซึ่งเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐาน ซึ่งปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชนได้กำหนดไว้ชัดเจนในการห้ามการบังคับคนลงเป็นทาสและการค้าทาสทุกรูปแบบ

เพื่อยุติการละเมิดเหล่านี้ หยางกล่าวว่า สิ่งสำคัญคือต้องแก้ไขสาเหตุหลักที่ทำให้ผู้คนเสี่ยงต่อการถูกค้ามนุษย์หรือตกเป็นทาสตั้งแต่แรก การดำเนินการตามแผนปฏิบัติการระดับโลกของสหประชาชาติ ซึ่งสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติรับรองในปี 2553 เพื่อเสริมพิธีสารการค้ามนุษย์ของสหประชาชาติ กำหนดให้ประเทศสมาชิกทบทวนในช่วงปลายปีนี้ โดยจะกำหนดเป้าหมายใหม่ในการปราบปรามการค้ามนุษย์ในระหว่างการทบทวน

หยางสนับสนุนให้ประเทศสมาชิกบังคับใช้นโยบายที่คำนึงถึงความรุนแรงและเน้นที่ผู้รอดชีวิต และเสริมว่านโยบายดังกล่าวควรส่งเสริมการเติบโตที่ครอบคลุมและให้ผู้รอดชีวิตเข้าถึงการดูแลสุขภาพ การศึกษา การฝึกทักษะ และงานได้อย่างเท่าเทียมกัน อีกทั้งยังกล่าวเตือนว่า มีความจำเป็นอย่างเร่งด่วนที่จะต้องขจัดระบบทาสสมัยใหม่และการค้ามนุษย์

ขอบคุณเรื่องจาก

https://news.un.org/en/story/2025/04/1162016

043...