26 เม.ย. 2568 สำนักข่าวรอยเตอร์ รายงานข่าว Trump administration to restore foreign students' legal status, for now ระบุว่า รัฐบาลสหรัฐอเมริกา ภายใต้การนำของประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ (Donald Trump) เปิดเผยเมื่อวันที่ 25 เม.ย. 2568 ว่า จะคืนสถานะทางกฎหมายของนักศึกษาต่างชาติหลายร้อยคนที่เคยถูกยกเลิกไปก่อนหน้านี้ในสหรัฐฯ ขณะเดียวกันก็พัฒนานโยบายที่จะวางกรอบสำหรับการยกเลิกสถานะทางกฎหมายในอนาคต
การตัดสินใจดังกล่าวถูกการประกาศในระหว่างการพิจารณาคดีต่อหน้าผู้พิพากษาของรัฐบาลกลางในเมืองบอสตัน รัฐแมสซาชูเซตส์ของสหรัฐฯ ซึ่งเป็นประธานในการพิจารณาคดีที่นักศึกษาต่างชาติคนหนึ่งจากทั่วประเทศยื่นฟ้องต่อศาลเกี่ยวกับการกระทำที่รัฐบาลดำเนินการกับพวกเขา ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการปราบปรามผู้อพยพที่แข็งกร้าวของทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ จากพรรครีพับลิกัน
หนึ่งในนักศึกษาต่างชาติที่ถูกเพิกถอนการรับรองสถานะทางกฎหมาย ซึ่งขอไม่เปิดเผยชื่อ กล่าวว่า แม้จะได้รับการคืนสถานะทางกฎหมาย แต่ก็ยังกังวลเกี่ยวกับขั้นตอนต่อไป ทั้งนี้ สหรัฐฯ มีฐานข้อมูลชาวต่างชาติผู้ถือวีซ่านักศึกษาประมาณ 1.1 ล้านคน ซึ่งผู้ที่ถูกยกเลิกการรับรองสถานะทางกฎหมายนั้นสุ่มเสี่ยงต่อการถูกเนรเทศ ตามข้อมูลของสมาคมทนายความด้านการย้ายถิ่นฐานของอเมริกา ตั้งแต่ทรัมป์เข้ารับตำแหน่งเมื่อวันที่ 20 ม.ค. 2568 ทะเบียนของนักศึกษามากกว่า 4,700 คนถูกลบออกจากระบบฐานข้อมูลนักศึกษาและผู้เยี่ยมชมโครงการแลกเปลี่ยน (SEVIS) ที่ดูแลโดยสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองและศุลกากรของสหรัฐฯ (ICE)
ฐานข้อมูลดังกล่าวจะติดตามการปฏิบัติตามเงื่อนไขของวีซ่าและบันทึกที่อยู่ของนักศึกษาต่างชาติ ความคืบหน้าในการสำเร็จการศึกษา และข้อมูลอื่นๆ เพื่อให้ยังคงอยู่ในฐานข้อมูล ผู้ถือวีซ่านักศึกษาจะต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขต่างๆ เช่น ข้อจำกัดในการจ้างงานและหลีกเลี่ยงกิจกรรมที่ผิดกฎหมาย ขณะที่กลุ่มมหาวิทยาลัยกล่าวว่าการยกเลิก ซึ่งก่อให้เกิดความกลัวในมหาวิทยาลัย มีความเสี่ยงที่จะทำให้บรรดานักศึกษาต่างชาติซึ่งเป็นแหล่งที่มาของบุคลากรที่มีความสามารถจากทั่วโลกและมีส่วนสนับสนุนเศรษฐกิจของสหรัฐฯ มูลค่า 44,000 ล้านเหรียญสหรัฐ (เกือบ 1.5 ล้านล้านบาท) ตามข้อมูลในปี 2567 หวาดกลัวและหนีไป
ในการต่อสู้ในชั้นศาล ฝ่ายบริหารของรัฐบาลทรัมป์ กล่าวว่า สิทธิการพักอาศัยในสหรัฐฯ ของนักศึกษาต่างชาติอาจถูกเพิกถอนได้หากตรวจพบประวัติอาชญากรรม แต่กลุ่มนักศึกษาที่ร่วมลงชื่อฟ้องในคดีนี้ ยืนยันว่า สถานะของพวกตนถูกเพิกถอนแม้เคยมีประวัติกระทำผิดเพียงเล็กน้อย หรือแม้กระทั่งเคยมีคดีแต่ศาลตัดสินยกฟ้อง ทั้งที่ตามกฎหมายแล้ว การเพิกถอนสถานะทางกฎหมายจะทำได้ก็ต่อเมื่อถูกตัดสินว่ามีความผิดฐานก่ออาชญากรรมรุนแรงเท่านั้น
นักศึกษาที่ถูกลบข้อมูลทะเบียนออกจาก SEVIS มากกว่า 200 คนได้รับคำสั่งศาล ซึ่งสั่งห้ามฝ่ายบริหารดำเนินการกับพวกเขาเป็นการชั่วคราว ซึ่งรวมถึงนักศึกษาจากมหาวิทยาลัยบอสตัน แคร์รี เจิ้ง (Carrie Zheng) ด้วย
โดยในช่วงเวลาไม่นานก่อนการพิจารณาคดีของเธอในวันที่ 25 เม.ย. 2568 ผู้พิพากษาศาลแขวงสหรัฐฯ เอฟ. เดนนิส เซย์เลอร์ (F. Dennis Saylor) เปิดเผยว่า ตนได้รับอีเมลจากฝ่ายกฎหมายของรัฐบาลที่แจ้งให้ทราบถึงการเปลี่ยนแปลงแนวทางของ ICE
ตามอีเมลดังกล่าว รบุว่า ICE กำลังพัฒนานโยบายที่จะจัดทำกรอบการทำงานสำหรับการยกเลิกทะเบียน SEVIS ซึ่งจนกว่าจะมีการออกนโยบายดังกล่าว ทะเบียน SEVIS ของเจิ้งและโจทก์รายอื่นๆ ที่อยู่ในสถานการณ์เดียวกันจะยังคงใช้งานได้หรือที่ถูกเพิกถอนไปแล้วก็จะได้รับคืน ขณะที่ในเอกสารที่ยื่นต่อศาลในเวลาต่อมาของวันเดียวกัน กระทรวงยุติธรรม ระบุว่า นักศึกษาที่ได้คืนสถานะในระบบทะเบียนของ SEVIS ประกอบด้วยทั้งผู้ที่ฟ้องและไม่ฟ้องรัฐบาล
อีกด้านหนึ่ง ทริเซีย แมคลาฟลิน (Tricia McLaughlin) โฆษกกระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิสหรัฐฯ ออกแถลงการณ์ระบุว่า หน่วยงานที่ดูแล ICE ไม่ได้ยกเลิกคำสั่งเพิกถอนวีซ่า แต่ได้คืนสิทธิการเข้าถึงระบบทะเบียน SEVIS ให้กับบุคคลที่วีซ่าไม่ได้ถูกเพิกถอน และเนื่องจากการคืนสถานะทะเบียนในระบบ SEVIS ของนักศึกษาอีกครั้งจะต้องใช้เวลาสักระยะ จึงจะขยายคำสั่งห้ามชั่วคราวที่ออกก่อนหน้านี้ ซึ่งห้ามเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองจับกุมหรือเนรเทศเจิ้ง ขณะที่ทนายความของเจิ้งไม่ได้ตอบรับคำขอแสดงความคิดเห็น
ขอบคุณเรื่องจาก
043...
(รอยเตอร์) 25 เม.ย. 2568 ศาลของรัฐบางกลางสหรัฐฯ ในเมืองบอสตัน รัฐแมสซาชูเซตส์
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี