จากประสบการณ์ในแวดวงการศึกษา ได้คลุกคลีอยู่กับเด็ก บวกกับเป็นคนจังหวัดบุรีรัมย์โดยกำเนิดแล้ว “พรทิพย์ อัษฎาธร” กรรมการผู้จัดการ เพ ลา เพลิน บูติค รีสอร์ท แอนด์ แอดเวนเจอร์แคมป์ ที่มองว่าโอกาสของเด็กอีสานที่จะได้สัมผัสแหล่งเรียนรู้นอกห้องเรียนแทบไม่ค่อยจะมี จึงมีแนวคิดที่จะสร้างแหล่งเรียนรู้กลางแจ้งในบุรีรัมย์ และด้วยต้องการที่อยากจะสร้างสถานที่เรียนรู้นอกห้องเรียนให้กับนักเรียนที่เข้าร่วมหลักสูตร และต้องเทรนนิ่ง หาที่พักให้อาจารย์ชาวต่างชาติและเจ้าหน้าที่ที่มาสอนภาษาในภาคอีสาน จึงตัดสินใจสร้างรีสอร์ท และแอดเวนเจอร์แคมป์ ขึ้นมารองรับ โดยตั้งอยู่ที่ อ.คูเมือง จ.บุรีรัมย์
อีกทั้ง ยังมองว่าคนภาคอีสานไม่ค่อยมีแหล่งพักผ่อน แหล่งเรียนรู้ และสังเกตเห็นว่าพืชดอกในอีสานใต้ไม่ค่อยมีคนปลูกเป็นอาชีพ จึงอยากทำเป็นตัวอย่าง ให้เป็นแหล่งเรียนรู้ได้จริงๆ นำสิ่งไกลตัวมาไว้ใกล้ตัว เช่น ดอกทิวลิป ที่คนเห็นแล้วก็ยังถามว่าจริงหรือปลอม ซึ่งถือเป็นเรื่องยากที่ดอกไม้เมืองหนาวจะสามารถเติบโตและออกดอกบานได้ในภาคอีสานตอนใต้
พรทิพย์ บอกถึงความหมายของ เพ ลา เพลิน ให้ฟังว่า จริงๆ เพ ลา เพลิน บูติค รีสอร์ท แอนด์ แอดเวนเจอร์ แคมป์ มาจากคำว่า Play + Learn = Plearn หรือเพลิน ทั้งเรียนและเล่นอย่างเพลิดเพลิน ถือเป็นโครงการต่อยอดธุรกิจการศึกษาในเครือ The Bright Group ซึ่งเป็นกิจการของครอบครัว ที่ทำร่วมกับ Mc Grow HiLL ในการบริหารจัดการหลักสูตร 2 ภาษาให้กับโรงเรียน 86 แห่งทั่วประเทศ
กรรมการผู้จัดการ เพ ลา เพลิน บอกว่า ในโครงการแบ่งเป็น 4 โซน คือ แอดเวนเจอร์แคมป์แอนด์รีสอร์ท อุทยานไม้ดอก แปลงเกษตรแปลงดอกไม้กลางแจ้ง และสวนน้ำ ในส่วนของแอดเวนเจอร์แคมป์รองรับกรุ๊ปสัมมนา มีโรงแรมห้องพัก และห้องประชุมไว้รองรับ ส่วนอุทยานไม้ดอก แบ่งเป็นการจัดแสดงพันธุ์พืช 6 โรงเรือนโดยมีเสียงบรรยายทั้งไทยและอังกฤษ จัดแสดงพืชตามธีมที่กำหนด เช่น โรงเรือนที่ 1 จะปลูกและจัดแสดงพันธุ์พืชตามฤดูกาลหมุนเปลี่ยนทั้งปี โดยในช่วง กุมภาพันธ์-มีนาคม จะเป็นดอกลิลลี่ เดือนเมษายน-พฤษภาคม เป็นพันธุ์ไม้นานาแห่งอาเซียนและกุหลาบพันปี ช่วงเดือนมิถุนายน-สิงหาคม เทศกาลดอกกระเจียว ส่วนในช่วงเดือนกันยายน–พฤศจิกายน แสดงโชว์ดอกไฮเดรนเยียและไฮไลท์ของปี ช่วงเดือนธันวาคม-มกราคม เป็นดอกทิวลิปฮอลแลนด์
สำหรับโรงเรือนที่ 2 เป็นการแสดงพันธุ์พืชดึกดำบรรพ์ เช่น เฟิร์น โรงเรือนที่ 3 จะเป็นสีสันของพืช เช่น สับปะรดสี พืชกินแมลง ส่วนโรงเรือนที่ 4 จะจัดแสดงโชว์ดอกกล้วยไม้สายพันธุ์ต่างๆ ที่หายาก โรงเรือนที่ 5 จะเป็นพืชทะเลทราย เช่น ตะบองเพชรสายพันธุ์ต่างๆ และสุดท้ายโรงเรือนที่ 6 จัดแสดงดอกหน้าวัว ภายใต้ธีมศิลปะอีสานใต้ เพื่อให้เห็นความงามของภูมิปัญญาท้องถิ่น อุปกรณ์การทอผ้า การแต่งกาย และบ้านเรือนในแต่ละยุคสมัยตามอารยธรรมแบบอีสานใต้ พร้อมรวบรวมต้นหน้าวัวหลากหลายสายพันธุ์ที่หาชมได้ยากมาไว้ด้วย
พรทิพย์ เล่าอีกว่า ในส่วนพื้นที่เกษตรกลางแจ้ง ประกอบไปด้วย เสาวรสหวาน มัลเบอร์รี่ องุ่น แคนตาลูป แก้วมังกร พร้อมมีแปลงสาธิตปลูกกระเจียว ให้นักเรียน เกษตรกรผู้สนใจเข้ามาเยี่ยมชม ดูเป็นตัวอย่างเผื่อเกิดแรงบันดาลใจนำไปต่อยอดได้อีก สำหรับโรงเรือนเพาะเลี้ยงพืชเมืองหนาวมีการเตรียมระบบโรงเรือนที่ดีและได้น้ำดี เป็นจุดสำคัญที่ทำให้บริษัทต่างชาติขายพันธุ์ทิวลิปให้ เพราะเรามีระบบการดูแลอย่างดีโดยเฉพาะโรงเรือนพืชเมืองหนาวก็ใช้ระบบอีแวบ (EVAP : Evaporative Air Cooling System) ทำความเย็นให้พืชเติบโตได้ และโซนสุดท้ายจะเป็นสวนน้ำขนาดใหญ่พื้นที่ 5 ไร่ เพื่อให้เป็นแหล่งพักผ่อนและทำกิจกรรมของเด็กและครอบครัว
“ทุกๆ ครั้งก็จะลงสนามไปทำเอง เวลาเปลี่ยนการจัดแสดง เปลี่ยนพันธุ์พืช ต้องเอาใจใส่อย่างมาก เพราะพันธุ์พืชมันแกว่ง ไม่นิ่ง ก็จะใส่หมวกแบบคนสวน ใช้หมวกอีโม่งปิดหน้าเหลือแต่ลูกตาลงพื้นที่ ซึ่งช่วยกันความร้อนได้มาก เวลามีคนมาหาที่แผนกต้อนรับก็จะไม่เจอ จะเจออยู่ท้ายไร่ หรือบางทีมีกิจกรรมต่างๆ ก็จะถือไมโครโฟนพูดเชิญชวนให้ความรู้นักท่องเที่ยว คนเดินผ่านไปก็เข้าใจว่าเป็นพนักงานต้อนรับ ทำแบบนี้ก็ได้ใจพนักงาน และอีกอย่างเพื่อแสดงให้เห็นถึงความจริงใจในการทำงานของเราว่าเราจริงจัง ลูกน้องเห็นว่าขนาดหัวเรือใหญ่ยังทำเต็มที่ขนาดนี้พวกเขาก็จะมีกำลังใจเช่นกัน”
พรทิพย์ บอกว่า อยากให้อุทยานไม้ดอก เพ ลาเพลิน เป็นแลนด์มาร์คในภาคอีสาน และระดับประเทศให้ได้ การลงทุนครั้งนี้อยากตอบโจทย์เรื่องการศึกษา ให้เป็นศูนย์การเรียนรู้ระดับประเทศ ก็พยายามทำอะไรแปลกใหม่ตลอดเวลา จะได้ดึงนักท่องเที่ยวภูมิภาคอื่นเข้ามาด้วย นอกจากนี้ เธอก็อยากทำให้เป็นศูนย์การเรียนรู้ระดับอาเซียน เพราะบุรีรัมย์ก็เปิดด่านหลายส่วนแล้ว เชื่อมไปกัมพูชา ลาว ไม่ไกลมาก และตอนนี้บุรีรัมย์มีนักท่องเที่ยวจาก ลาว และกัมพูชา เข้ามามาก สังเกตได้จากป้ายทะเบียนรถที่ขับเข้ามา นั่นเป็นความคาดหวังในอนาคตที่อยากให้เกิดขึ้น
“ในเดือนตุลาคมนี้ จะจัดกิจกรรมมหัศจรรย์ดอกไม้เปลี่ยนสี เทศกาลดอกไฮเดรนเยีย เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวให้เข้ามาเยี่ยมชมอุทยานไม้ดอก เพ ลา เพลินมากขึ้นในช่วงเดือนตุลาคม-พฤศจิกายนนี้ เนื่องจากอุณหภูมิเริ่มลดลง เหมาะกับการท่องเที่ยว เราจึงนำดอกไฮเดรนเยียสายพันธุ์ฮอลแลนด์ ซึ่งเป็นดอกไม้เมืองหนาวที่มีความสวยงามหลากหลายสีสันมาจัดแสดงให้นักท่องเที่ยวได้ชื่นชมและสัมผัสความสวยงาม นอกจากนักท่องเที่ยวแล้วสิ่งที่เราคาดหวังก็คือ อยากจะสร้างให้ เพ ลา เพลิน กลายเป็นจุดหมายปลายทางของคู่รักที่ต้องการจะสร้างประสบการณ์ที่พิเศษร่วมกัน โดยอาจจะเข้ามาชื่นชม หรือ เก็บภาพความประทับใจ เช่น ถ่ายภาพพรีเวดดิ้ง เพราะนอกจากความสวยงามของดอกไม้และสถานที่แล้ว เพ ลา เพลิน ยังมีความพร้อมในด้านห้องพักที่สามารถรองรับได้โดยคาดหวังว่าจะมีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาชมเฉลี่ยวันละ 1,000-1,500 คน
หัวเรือใหญ่แห่ง เพ ลา เพลิน ทิ้งท้ายว่า สำหรับในช่วงปลายปีได้เตรียมงบประมาณกว่า 20 ล้านบาทเพื่อจัดกิจกรรมกระตุ้นการท่องเที่ยว โดยในแต่ละเดือนก็จะมีกิจกรรมเพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวให้เข้ามาเยี่ยมชม ทั้งการจัดมินิคอนเสิร์ต กิจกรรมสร้างการเรียนรู้ รวมถึงกิจกรรมใหญ่ปลายปีในช่วงเดือนธันวาคม ซึ่งในปีนี้เรียกได้ว่าเป็นกิจกรรมที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของประเทศเลยก็ว่าได้นั่นก็คือ กิจกรรม Flora Carnival 2015 @ Play la Ploen ที่จะมีขบวนรถดอกไม้ยิ่งใหญ่อลังการ พร้อมการแสดงขบวนพาเหรดสีสันสวยงาม โดยรถของแต่ละขบวนจะดึงเอาความโดดเด่นของแต่ละโรงเรือนออกมาแสดงโชว์ พิเศษด้วย ดารา ซูเปอร์สตาร์ชื่อดังจะมาร่วมขบวนด้วย เช่น นุ่น-วรนุช ภิรมย์ภักดี, หญิง- รฐา โพธิ์งาม, เบลล่า-ราณี แคมเปน, เมญ่า-นนธวรรณ ทองเหล็ง,เต้ย-พงศกร เมตตาริกานนท์ และ พอร์ช-ศรัณย์ ศิริลักษณ์ นอกจากนี้ ยังมีคอนเสิร์ตยิ่งใหญ่ของศิลปินนักร้องมากมาย อาทิ เช่น บี้-สุกฤษฎิ์ วิเศษแก้ว, ลีเดีย- ศรัณย์รัชต์, ณัฐ ศักดาทร และ ป๊อป แคลอรี่บลาบลา เป็นต้น
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี