นานแค่ไหนแล้วที่คุณไม่เคยเข้าไปสูดอากาศสะอาดบริสุทธิ์ในเขตป่าที่อุดมไปด้วยต้นไม้นานาชนิด และนานแค่ไหนแล้วที่คุณไม่เคยนั่งเล่นสบายๆ แล้วเอาเท้าแช่น้ำที่ใสสะอาดเย็นฉ่ำในลำธารจากขุนเขา
หากคุณไม่เคยได้สัมผัสความวิเศษสุดของธรรมชาติมานานหลายปีแล้ว ทริปนี้ผมขอชวนคุณๆ ไปอยู่ท่ามกลางความเขียวของป่าพรุ และสัมผัสกับธารน้ำใสไหลเย็นที่ป่าพรุท่าปอม คลองสองน้ำบ้านหนองจิก ต.เขาคราม อ.เมือง จ.กระบี่
ความมหัศจรรย์ของที่แห่งนี้คือ น้ำในลำธารที่เป็นการผสมผสานกันระหว่างน้ำจืดจากแหล่งต้นน้ำซึ่งเป็นเขาหินปูน บนเขาช่องพระแก้ว และน้ำทะเลในยามที่น้ำหนุนสูงในช่วงวันขึ้น 12 ค่ำ ไปจนถึงช่วงวันแรม 5 ค่ำ ในยามที่น้ำทะเลหนุนสูงน้ำในลำธารแห่งนี้จะมีสีครามขุ่น แต่เมื่อน้ำทะเลลง น้ำในลำธารก็จะแปรเปลี่ยนเป็นสีขาวใสสะอาดที่มองดูแล้วเห็นเป็นสีเขียวอมฟ้าใสแจ๋วมองเห็นพื้นของลำธารได้อย่างชัดเจน ความยาวของคลองนี้คือ 5 กิโลเมตร ไหลออกสู่ทะเลอันดามัน แต่ยังมีอีกสิ่งหนึ่งที่ชวนมองอย่างมากคือ รากของต้นไม้นานาพันธุ์ อาทิ ชมพู่น้ำ ตังหน เสม็ด ซึ่งรากของมันถูกกระแสน้ำที่ไหลรินกัดเซาะจนเห็นรากที่เปลือยเปล่าพันรัดขดไขว้กันไป-มาอย่างแสนวิจิตร จนบางคนเรียกว่ารากของต้นไม้แห่งป่าหิมพานต์ เพราะยิ่งดูก็ยิ่งแสนเพลินในความมหัศจรรย์
ป่าพรุ ท่าปอม คลองสองน้ำแห่งนี้ คือแหล่งศึกษาเชิงนิเวศวิทยาของจังหวัดกระบี่ เป็นที่ซึ่งยังคงความอุดมสมบูรณ์ของพันธุ์ไม้ และพันธุ์สัตว์ขนาดเล็ก อาทิ ปลา ปู และหอย รวมถึงนกอีกหลายชนิดเราสามารถเดินชมป่าพรุแห่งนี้ได้ตามทางเดินศึกษาธรรมชาติความยาวประมาณ 2 กิโลเมตรเศษ โดยจะได้ชมป่า 3 ประเภท คือ ป่าชายเลน (ที่เต็มไปด้วยต้นโกงกาง) ป่าพรุน้ำจืด (ป่าพรุที่นี้แตกต่างจากป่าพรุที่อื่นคือเป็นป่าพรุบนดอนที่น้ำไม่ท่วมขัง และป่าดิบชื้น ที่ยังคงมีต้นไม้ใหญ่ขึ้นอยู่อย่างหนาแน่น
ป่าพรุท่าปอม อยู่ห่างจากตัวเมืองกระบี่ประมาณ 28 กิโลเมตร ไปตามทางหลวงหมายเลข 4 เส้นที่จะไป อ.อ่าวลึก จุดสังเกตคือเมื่อขับรถไปถึงบ้านทุ่ง หลักกิโลเมตรที่ 126 จะมีป้ายบอกทางไปป่าพรุ ท่าปอม คลองสองน้ำ เลี้ยวซ้ายเข้าไปประมาณ 5 กิโลเมตร ก็จะถึงป่าพรุแสนสวยแห่งนี้
ค่าเข้าชม สำหรับคนไทย ผู้ใหญ่ 20 บาท เด็ก 10 บาท ส่วนชาวต่างชาติ ผู้ใหญ่ 50 บาท เด็ก 30 บาท ค่าจอดรถเก๋งและรถกระบะเล็กคันละ 20 บาท เวลาให้บริการเข้าชมตั้งแต่ 08.30-16.30 น. ทุกวัน
หากต้องการรายละเอียดการท่องเที่ยวป่าพรุท่าปอมเพิ่มเติม โปรดโทร.สอบถามที่ อบต.เขาคราม โทร.075-694198, 075-694165 หรือเบอร์เดียวเที่ยวทั่วไทย โทร.1672
จบจากทริปป่าพรุท่าปอมแล้ว ขอพาคุณไปพาเรือคายัคหรือเรือแคนูที่อ่าวท่าเลนต่ออีกสักหน่อยนะครับ เหตุผลที่พาคุณไปพายคายัคที่ท่าเลนเพราะอ่าวแห่งนี้ได้รับการยอมรับจากนักท่องเที่ยวว่าเหมาะสำหรับพายคายัคชมธรรมชาติมากที่สุด เพราะได้ชมทั้งภูเขาหินปูน ป่าชายเลน ลากูน และทะเลที่คลื่นลมค่อนข้างสงบ อีกทั้งยังไม่ชมสิงสาราสัตว์สารพัดชนิด เช่น ลิงแสม ปลา ปู ค้างคาว
ณ อ่าวท่าเลนนี้ คุณสามารถเช่าคายัคพายได้ตามความต้องการ เช่น ครึ่งวัน หรือเต็มวันและยังมีการพาทัวร์โดยการพายคายัคอีกด้วย โดยราคาค่าบริการก็เริ่มตั้งแต่ 700-800 บาท และ 1,200-1,400 บาท ขึ้นกับระยะทาง เช่น 4 กิโลเมตร และ 7 กิโลเมตร ซึ่งใช้เวลาตั้งแต่ 4 ชั่วโมง ไปจนถึง 6 ชั่วโมง
อ่าวท่าเลน อยู่ที่ ต.เขาทอง อ.เมือง จ.กระบี่ ห่างจากตัวเมืองกระบี่ประมาณ 35 กิโลเมตร ไปตามทางหลวงหมายเลข 4 แล้วต่อเข้าทางหลวงหมายเลข 4033 เข้าไปประมาณ 15 กิโลเมตร ก็จะถึงอ่าวท่าเลน
หากต้องการรายละเอียดการท่องเที่ยวเพิ่มเติม โปรดโทร.1672 เบอร์เดียวเที่ยวทั่วไทย
หมายเหตุ
สำหรับแฟนๆ ของ ธรรมกร คอลัมน์บุคคลแนวหน้า ซึ่งให้การสนับสนุนโครงการไถ่ชีวิตโคกระบือเพื่อนำไปมอบให้เกษตรกร ธรรมกร ฝากเรียนทุกท่านว่า ในเดือนสิงหาคมปีนี้จะจัดทริปแบบเช้าไป-เย็นกลับ เพื่อไปไหว้พระที่พระนครศรีอยุธยา และสุพรรณบุรี แล้วจะแวะไปเยี่ยมโคกระบือที่มอบให้กับชาวนาที่อำเภอศรีประจันต์และเดิมบางนางบวช
ท่านที่ประสงค์จะร่วมทริปด้วยกัน โปรดติดต่อหมายเลข 091-7233615 สัปดาห์หน้าจะนำเสนอรายละเอียดของทริปให้ทราบครับผม
ล่องทะเลกระบี่
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี