นพ.นิวัฒน์ จี้กังวาฬ ผอ.รพ.สมิติเวช ธนบุรี พร้อมด้วย ศ.นพ.ปกิต วิชยานนท์ พญ.สุเพ็ญญา วโรทัย, พญ.จุฬามณี ชัยรัตนธนานนท์, นพ.วรวิชญ์ เหลืองเวชการ, มาลัย มหามณีรัตน์ ผอ.การฝ่ายการพยาบาล และ กิ่งกาญจน์ ตุ้ยคำ ผจก.ฝ่ายการพยาบาล
สถาบันโรคภูมิแพ้สมิติเวช โรงพยาบาลสมิติเวช ธนบุรี จัดงานประชุมวิชาการเรื่อง “The 1st Samitivej Allergy and Immunology Teleconference Round” ในหัวข้อ “โรคผิวหนังอักเสบจากภูมิแพ้” โดยมี ศาสตราจารย์นายแพทย์ปกิต วิชยานนท์ ผู้อำนวยการสถาบันโรคภูมิแพ้สมิติเวช โรงพยาบาลสมิติเวช ธนบุรี พร้อมด้วย แพทย์หญิงสุเพ็ญญา วโรทัย อาจารย์ภาควิชาตจวิทยา คณะแพทยศาสตร์ ศิริราชพยาบาล ร่วมให้ความรู้ ณ ห้องประชุม สถาบันโรคภูมิแพ้สมิติเวช ชั้น 2 โรงพยาบาลสมิติเวช ธนบุรี
นายแพทย์ปกิต วิชยานนท์
ศาสตราจารย์นายแพทย์ปกิต วิชยานนท์ ผู้อำนวยการสถาบันโรคภูมิแพ้สมิติเวช โรงพยาบาลสมิติเวช ธนบุรี กล่าวว่า “โรคผิวหนังอักเสบภูมิแพ้ (Atopic Dermatitis) เป็นโรคผิวหนังอักเสบเรื้อรังเป็นๆ หายๆ โรคนี้พบบ่อยประมาณร้อยละ 10 ของประชากร ผู้ป่วยโรคนี้มักมีประวัติแพ้อากาศ ไอ จามบ่อยๆ หรือหอบหืดร่วมด้วย และมีแนวโน้มทางพันธุกรรมเป็นพื้นฐาน คืออาจมีคนในครอบครัวมีประวัติเป็นโรคภูมิแพ้ นอกจากสาเหตุทางพันธุกรรมแล้ว ยังมีปัจจัยภายนอกที่เป็นสาเหตุอีกด้วย คือความผิดปกติของผิวหนัง ความผิดปกติของภูมิคุ้มกัน รวมไปถึงสิ่งแวดล้อมและสิ่งกระตุ้น เช่น สารก่อภูมิแพ้ในอาหาร พวกไข่และนม, สารภูมิแพ้ในอากาศ เช่น ไรฝุ่นและขนแมว การติดเชื้อที่ผิวหนังจากเชื้อแบคทีเรีย ไวรัส เชื้อรา รวมไปถึงการสัมผัสสิ่งระคายเคืองต่างๆ เช่น ผ้าที่มีขน สารเคมีจากสบู่หรือน้ำยาทำความสะอาดเสื้อผ้า และสภาวะอากาศที่แห้งชื้น หรือร้อนและมีเหงื่อมากๆ”
สำหรับอาการของผู้ป่วย จะมีผื่นคันอักเสบเป็นตุ่มหรือปื้นแดงๆ จะเป็นๆ หายๆ และเรื้อรัง ซึ่งลักษณะอาการของโรคแตกต่างกันตามช่วงอายุของผู้ป่วย ซึ่งแบ่งออกเป็น 3 กลุ่มคือ วัยทารก อายุ 2 เดือน – 2 ปี จะพบผื่นแดงคันหรือมีตุ่มแดงที่บริเวณแก้มมากที่สุด, วัยเด็ก อายุระหว่าง 2 – 12 ปี จะพบตุ่มนูนแดง แห้งๆ มีขุยเล็กน้อยที่บริเวณรอบคอ ข้อพับด้านในของแขน ขา เป็นส่วนใหญ่ และ วัยรุ่น- วัยผู้ใหญ่ มักพบผื่นบริเวณรอบคอ ข้อพับแขน ขา
ส่วนการรักษาโรคผิวหนังอักเสบจากภูมิแพ้นั้น ต้องดูแลผิวหนัง และเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิวหนัง โดยการแช่น้ำเกลือ โดยใช้เกลือ 10 กรัม ต่อน้ำ 1 ลิตร แช่นาน 30 นาที ทำวันละ 2 ครั้ง พร้อมหลีกเลี่ยงสารก่อภูมิแพ้และสิ่งกระตุ้น เช่น หากแพ้ไรฝุ่น ให้คลุมที่นอนด้วยผ้าคลุมกันไรฝุ่น เลือกใช้เสื้อผ้านุ่ม เช่น ผ้าฝ้าย ผ้าแพร พร้อมกับหลีกเลี่ยง การออกกำลังกายที่ทำให้เหงื่อออก ส่วนในกรณีที่แพ้อาหาร ก็ควรหลีกเลี่ยงอาหารที่แพ้ สำหรับการใช้ยานั้น แนะนำให้ทายาต้านการอักเสบชนิดที่มีสเตียรอยด์ หรือยาทาในกลุ่ม calcineurin inhibitor ได้แก่ tacrolimus และ pimecrolimus อาจใช้เป็นตัวเลือกแทนยาคอร์ติโคสตีรอยด์ เพื่อลดการกำเริบของโรค และลดการทาสเตียรอยด์ลงได้ ถ้ามีอาการมาก และรักษาด้วยไม่ได้ผล จะต้องฉีดวัคซีนภูมิแพ้ในผิวหนังอักเสบ จากภูมิแพ้ชนิดที่เกิดจากสารก่อภูมิแพ้ในอากาศ และการใช้ยากดภูมิคุ้มกันต้านทานโรคของร่างกายแทน
แพทย์หญิงสุเพ็ญญา วโรทัย
ด้าน แพทย์หญิงสุเพ็ญญา วโรทัย อาจารย์ภาควิชาตจวิทยา คณะแพทยศาสตร์ ศิริราชพยาบาล กล่าวเสริมว่า เมื่อผิวของคนเรามีลักษณะเป็นขุย และแห้งมาก เราก็จะเกิดอาการคัน พอคันก็จะเกา เกาจนผิวเกิดการอักเสบขึ้นมา ซึ่งสาเหตุมาจากการที่ผิวของเราสูญเสียสารให้ความชุ่มชื้นตามธรรมชาติ และชั้นปกป้องผิวของเราอ่อนแอเนื่องจากการขาดไขมันที่จำเป็นในผิว ซึ่งทำให้เชื้อแบคทีเรียแพร่เข้าสู่ผิวได้ง่ายขึ้น เพราะฉะนั้นเราต้องเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมเพื่อช่วยทำให้ผิวมีสุขภาพดีขึ้น เช่น การทามอยส์เจอร์ไรเซอร์หลังอาบน้ำไม่เกิน 3 นาที เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิว และในการทามอยส์เจอร์ไรเซอร์นั้นต้องทาให้สม่ำเสมอ พร้อมเลือกให้เหมาะกับตำแหน่งที่จะใช้ และเหมาะกับสภาพผิวของเราด้วย ถ้าเราเป็นคนผิวแห้งมากๆ ก็อาจต้องการมอยส์เจอร์ไรเซอร์ที่มีความข้นและความทึบมาก ลักษณะจะคล้ายๆ วาสลีน แต่ถ้าหากผิวเราแห้งไม่มาก ก็ใช้มอยส์เจอร์ไรเซอร์ที่มีความบาง ก็จะเป็นในรูปแบบของโลชั่น อาจจะต้องเลือกดูเวลาที่ทา เช่น ตอนเช้า ต้องทาทุกอย่างที่หน้า มีทั้งเครื่องสำอาง มีทั้งครีมกันแดด ก็ต้องใช้มอยส์เจอร์ไรเซอร์ที่บางๆ แต่ถ้าตอนกลางคืนก็เลือกเนื้อที่หนาได้เลย เป็นต้น
สำหรับคนแพ้ง่าย ควรหลีกเลี่ยงพวกมอยส์เจอร์ไรเซอร์ที่มีส่วนผสมของน้ำหอม มีกลิ่น และแต่งสี ส่วนตัวสารกันเสีย ต้องดูเป็นรายๆ ไป เพราะว่าไม่ใช่ทุกคนจะแพ้สารนั้น ถ้ารู้ตัวว่าเป็นคนแพ้ง่าย ทุกครั้งที่เราจะเลือกใช้มอยส์เจอร์ไรเซอร์เราควรจะทดลองใช้ดูก่อน โดยทาที่ต้นแขนด้านในขนาดเล็กๆ ทาที่เดิมอย่างนี้ เช้าและเย็น เป็นเวลา 7 วัน ถ้าเกิดทาแล้วไม่มีผื่น ก็แปลว่าเราไม่แพ้ แต่ถ้าเป็นตัวทาหน้า ให้ลองทาที่หลังหูบริเวณเดิม เป็นเวลา 7 วันเช่นกัน ถ้าไม่มีผื่นขึ้นก็ใช้ทาหน้าเราได้เลย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี