เป็นนักบริหารที่มากความสามารถอีกคน สำหรับ “ดร.นวณัฐ สุขะมงคล” รองประธานกรรมการบริหาร วิจิตรา กรุ๊ป และดูแลอีกมากมายหลายบริษัทในเครือ ทั้งวิจิตรา ดิเวลลอปเม้นท์, มารวย เรียลเอสเตท, พัฒนายนต์ชลบุรี, บางนาพืชผล อิมปอร์ต-เอ็กซ์ปอร์ต เป็นนักบริหารที่มากความสามารถขนาดนี้ ทางรายการ “ผู้หญิงแนวหน้ากับคุณแหน” ทุกวันอาทิตย์ เวลา 16.00-16.25 น. ทางสถานี TNN2 ช่อง 784 ช่วง Focus On พิธีกร “ขิม-ทิพย์ลดา พูนศิริวงศ์” จึงไม่พลาดที่จะพาไปพูดคุยด้วย
ดร.นวณัฐ สุขะมงคล เล่าให้ฟังว่า “จบการศึกษาจากคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ หลังจากนั้นไปเรียนทางด้านการเงิน ที่ประเทศอังกฤษ และปริญญาเอก สาขาวิชารัฐประศาสนศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏวไลยอลงกรณ์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ ตอนกลับจากอังกฤษอยากจะเป็นมืออาชีพ อยากไปทำงานที่อื่นก่อน ก็ไปคุยกับเพื่อนคุณแม่ที่เป็นนายธนาคารใหญ่แห่งหนึ่ง ปรากฏว่าโดนดุกลับมา บอกว่าทำไมครอบครัวคุณมีธุรกิจตั้งเยอะ ทำไมคุณไม่ไปปรับปรุง ไปทำให้ธุรกิจของคุณให้เป็นแบบมืออาชีพอย่างที่คุณต้องการ เราก็แบบพอโดนดุมา ก็สะดุ้งไปนิดหนึ่ง ก็เออจริง เอ๊ะทำไมเราจะต้องไปทำที่อื่นก่อน มันไม่จำเป็น เราสามารถทำที่ธุรกิจของครอบครัวเราได้เลย
ตอนนี้ก็บริหาร กลุ่มของเรา คนจะรู้จักในนามวิจิตรากรุ๊ป แล้วก็ย่อยลงมาก็จะเป็นในส่วนของ Patco Group สำหรับ Patco Group ก็จะแบ่งเป็น 3 ส่วน ส่วนหนึ่งเราเรียกว่า Patco Power จะเกี่ยวกับพวกเครื่องจักรกล ทำไมถึงเป็นเพาเวอร์ เพราะว่าเราทำพวกเครื่องปั่นไฟ พวกเครื่องปั๊มน้ำแล้วก็เครื่องยนต์เรือ ที่เป็นพวกเรือยอช์ท เรือท่องเที่ยว เรือตรวจการอะไรต่างๆ ที่วิ่งตามทะเล ตามแม่น้ำ กลุ่มตรงนั้นจะเป็นเกี่ยวกับเครื่องจักรกล เลยเรียกว่า Patco Power
ส่วนอีกอันก็จะเป็น Patco Agro ก็คือเกี่ยวกับกากเทรดดิ้งคอมมูนิตี้ พวกกากถั่วเหลือง พวกข้าวโพด พวกมันสำปะหลัง หรือไม่ก็พวกเมล็ดทานตะวัน ก็จะเป็นเกี่ยวกับพวกอาหารสัตว์ต่างๆ อีกอันก็ Patco Property ซึ่ง Patco Property ก็จะเป็นเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ และเราก็จะแยกแบรนด์ของเราออกมาเป็นในส่วนของ วิจิตราธานี กับ เดอะรอยัลสามมุก ซึ่งจะเป็นแบรนด์ที่ค่อนข้างไฮเอนด์ ช่วง 10 ปีที่ผ่านมา เราก็ปั้นแบรนด์น้องใหม่ของเราชื่อว่าแบรนด์มารวย จะเน้นไปทางภาคตะวันออก ไม่ว่าจะเป็นชลบุรี ฉะเชิงเทรา และล่าสุดเราเพิ่งไปเปิดแถวอรัญประเทศ ก็เรียกว่ามีเสียงตอบรับจากทางฝั่งโน้นดีมาก
สำหรับโปรเจกท์มารวย จะเป็นคอนเซ็ปต์ที่แตกต่างจากตอนแรกที่ทำไป คือจะเป็นระดับกลาง ถามว่าความแตกต่าง การบริหารและคอนเซ็ปต์แตกต่างกันอย่างไรบ้างนั้น คือโปรเจกท์ในสมัยก่อนที่เราทำจะเป็นโปรเจกท์ใหญ่ อย่างโปรเจกท์วิจิตราธานี จะเป็นโปรเจกท์ประมาณ 800 ไร่ ก็จะมีเล็กใหญ่ 70 ไร่ จะแบ่งพื้นที่เป็นโซนๆ บางโซนเราก็จะขายเป็นที่ดินเปล่า บางโซนเราจะขายเป็นบ้านพร้อมที่ดิน เร็วๆ นี้เราก็จะมีทำเป็นโซนทอสคาน่า เป็นมิดเดิลอิตาลี แล้วเราก็พยายามจำลองแบบบ้านทั่วทุกมุมโลกเลย มาใส่ในโซนต่างๆ ของวิจิตราธานี ดังนั้น ตัววิจิตราธานีก็จะเป็นโปรเจกท์ที่ใหญ่ที่ทยอยทำเป็นเฟสๆ ไป ในเนื้อที่ทั้งหมดคือ 800 ไร่
ส่วนอีกโปรเจกท์หนึ่ง ก็จะเป็นโปรเจกท์ที่ย่อยลงมา ก็จะอยู่ประมาณสัก 30-50 ไร่หรือถึง 100 ไร่ เราก็จะไปหาพื้นที่ที่เราคิดว่ามันมีศักยภาพสูง เช่น การเดินทางสัญจรไป-มาสะดวก ติดโรงเรียน ติดโรงพยาบาล หรือว่าช็อปปิ้งมอลล์ต่างๆ แล้วเราก็มาดูว่าแบรนด์น้องใหม่ตัวนี้ เราจะทำอย่างไรให้คนที่มาอยู่รู้สึกว่า เขามาอยู่แล้วเขามีความสุข มีความเจริญก้าวหน้าในหน้าที่การงาน เราก็เลยเอ๊ะถ้าอย่างนั้นชื่อที่เราจะให้เป็นชื่อสำหรับแบรนด์น้องใหม่ของเราในกลุ่มวิจิตรกรุ๊ป งั้นเราชื่อว่า มารวย แล้วกัน
นี่เป็นแบรนด์ที่เรานั่งคิดกับทีมงาน คือเรารู้สึกว่าบ้านมันมีจุดหนึ่งก็คือว่า ไม่ว่าเราจะออกไปเหน็ดเหนื่อยในหน้าที่การงานต่างๆ มากน้อยแค่ไหน เรากลับมาบ้านเรารู้สึกอบอุ่น เราก็จะรู้สึกว่ายิ่งเรามีครอบครัวที่อบอุ่นมาคอยให้กำลังใจเรา มันก็เหมือนเป็นฐานที่มั่นคง เราก็เลยรู้สึกว่าตรงนี้แหละมารวย ใครก็ตามที่มีบ้าน ก็รู้จักอดออม ที่สำคัญบ้านมันเป็นการออมชนิดหนึ่ง สมมุติบางคนอาจจะทยอยผ่อนประมาณหมื่นกว่าบาทสองหมื่นบาทต่อเดือน แทนที่จะไปผ่อนรถคือซื้อปุ๊บราคาตกทันที แต่ถ้าคุณมาผ่อนบ้าน แถมได้ดอกเบี้ยในส่วนที่คุณมาได้ใช้ชีวิตที่ดีกับครอบครัวของคุณ มันก็เรียกว่าได้ทั้งต้นได้ทั้งดอก แล้วในอนาคตราคาไม่ว่าจะเป็นที่ดินบ้าน มันเพิ่มขึ้นตลอดเวลาอยู่แล้ว
โดยเฉพาะในโครงการมารวย เราก็จะเน้นเรื่องฮวงจุ้ย เราก็ได้เชิญอาจารย์เกรียงไกรซึ่งเป็นมือหนึ่งทางด้านเกี่ยวกับการดูฮวงจุ้ยต่างๆ ที่ดินแต่ละแปลงที่เราแบ่งผังทุกตัว ก็คืออาจารย์จะเป็นคนดูให้ ผ่านการเช็คฮวงจุ้ยที่ถูกต้องทั้งหมดเลย นี่คือคอนเซ็ปต์ของมารวย ที่สำคัญก็คือ ดูแดด ดูทิศทางลมต่างๆ ให้คนที่มาอยู่ อยู่แล้วสบาย อย่างบางที่จะต้องเปิดแอร์ตลอดเวลา แต่ของเรานี่คือ ลมพัดผ่าน คือเรียกว่าอยู่กับบ้าน ไม่ต้องเปิดแอร์ก็ได้ และล่าสุดนี่ก็คือคนมาซื้อ ซื้อปุ๊บถูกรางวัลที่หนึ่งก็เลยกลายเป็นว่าสมกับชื่อ มารวย
นอกจากจะบริหารงานแล้ว ก็ยังมีกิจกรรมยามว่างที่ชอบทำด้วย ก็โชคดีเป็นคนแข็งแรงตั้งแต่เด็ก กิจกรรมส่วนใหญ่ที่เราทำคือ ปั่นจักรยาน ครอบครัวหลายๆ คนก็ชอบปั่นจักรยาน ก็มีจักรยานเยอะเลย จริงๆ แล้วมีเป็นสิบคัน เรียกว่าเป็นกิจกรรมที่โปรดเลย เพราะว่าพอเราปั่นจักรยาน ข้อดีก็คือว่าหัวเข่าไม่เป็นอะไร มันก็จะทำให้แอพซอฟไปด้วย ที่สำคัญเราก็ได้ชื่นชมธรรมชาติ เพราะจริงๆ แล้วเป็นคนชอบอยู่กับธรรมชาติมาก
ถามว่ามีเวลามาปั่นเหรอ เราก็ใช้เวลาในช่วงเย็นหรือไม่ก็เช้า คือถ้าช่วงเช้าเราตื่นนอนเร็ว ตีห้าก็ตื่น และเช้าขึ้นมาก็จะเดินจงกรมก่อน นั่งสมาธิก่อนสักครึ่งชั่วโมง หลังจากนั้นถ้ายังมีเวลาอีกเราก็จะเริ่มออกกำลังกายสักชั่วโมง หลังจากนั้นก็อาบน้ำแต่งตัวไปทำงาน ส่วนใหญ่ก็จะเป็นช่วงเช้า แล้วก็ช่วงเย็นถ้าช่วงเย็นเราเลิกเร็ว หมายถึงงานไม่มีมิตติ้งต่อไม่มีนัดทานข้าว ก็พยายามหาเวลาไปว่ายน้ำช่วงเย็น ส่วนกิจกรรมอื่นๆ นั้น เนื่องจากว่าเราชอบปั่นจักรยาน ที่ผ่านมาเราก็จอย Bike For Dad, Bike For Mom นอกจากนี้ เราก็ยังมีไปเลี้ยงอาหารเด็กกำพร้าต่างๆ แล้วก็มีไปสร้างศูนย์วิปัสสนาด้วย แล้วก็ไปทำบุญทำทานตามที่ต่างๆ ใครบอกบุญมาก็จะช่วยเขาไป
สำหรับแผนการในอนาคต ถามว่าจะมีโปรเจกท์ใหม่ๆ อีกไหม ก็จะมีตอนนี้วางแผนไว้ก็คือ 2 โครงการ อย่างที่บอกก็คือชอบอะไรที่เป็นธรรมชาติมาก เราก็เลยเลือกโลเกชั่นที่เป็นริมแม่น้ำ ริมแม่น้ำบางปะกง แล้วก็กำลังจะมีโปรเจกท์ก็คือ มารวยริเวอร์ไซด์ โครงการนี้เราจะเริ่มเปิดตัวประมาณเดือนสิงหาคม 2559 นี้
เรื่องหลักการในการดำเนินชีวิตและธุรกิจให้สำเร็จนั้น ส่วนใหญ่ทุกครั้งไม่ว่าเราจะทำงานอะไร เราจะถามตัวเราเองว่า งานที่เราทำแล้วมีความสุขหรือเปล่า เราทำแล้วสมมุติว่าเป็นงานที่ได้เงิน แต่เราทำแล้วเราไม่แฮปปี้กับมันเลย เราก็เลือกที่จะไม่เล่นกับมัน คือเรียกว่าเลือกที่จะไม่ทำ เหมือนกับเวลาเราเล่นเกมส์ ถ้าเกมส์นี้เป็นเกมส์ที่เล่นแล้วมันไม่สนุก เราไม่เล่นเพราะเรารู้สึกว่าในชีวิตคนเรา เราเลือกได้ เราเลือกที่จะเล่นในเกมส์ธุรกิจแบบไหน ดังนั้นถ้าเกมส์ธุรกิจนั้นเป็นเกมส์ธุรกิจที่เราเล่นแล้วไม่สนุกและ เราก็ไม่เล่น
เช่นกันหลักการบริหารงาน ถ้าเราทำงานแล้วทำแล้วเราไม่มีความสุขเราก็รู้สึกว่าอย่างนี้เราจะทำไปเพื่ออะไร หลายๆ ครั้งเรามักจะถามตัวเองว่าเราทำไปเพื่ออะไร ดังนั้น หลักการก็คือ เราก็จะเน้นว่าเราเป็นองค์กรที่มีความสุข การที่เรามีความสุข ทีมงานมีความสุข ผลงานที่เราจะส่งต่อให้กับลูกค้า เรามั่นใจเลยว่าจะต้องออกมาเป็นผลงานที่มีคุณภาพ แล้วก็ดีต่อลูกค้าของเราด้วย ดังนั้น เราก็จะเน้นมากๆว่าตรงนี้คุณต้องมีความสุขก่อน เวลาประชุม บางทีก็ต้องมีเบรก บางทีเริ่มเครียด เราก็แบบหัวเราะกันหน่อย หาเรื่องสนุกๆ มาผ่อนคลายปุ๊บ เราก็จะหาช่องทางออก บางทีปัญหาที่เราเจอข้างหน้ามันตันมาก เราก็ต้องเรียกว่าหยุด แล้วเราก็ไปผ่อนคลาย หรือว่าคุยเรื่องสนุกเฮฮาให้มันเบาลง สร้างความสุขให้ทุกคน หลังจากนั้นตรงนี้มันจะเริ่มมองเห็นทางออก มองเห็นว่าต่อไปเราจะเดินต่อไปอย่างไร จะทำอย่างไร”
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี