เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ หมายถึงเครื่องดื่มที่มีเอทิลแอลกอฮอล์ผสมอยู่ ผลิตจากวัตถุดิบที่มีส่วนประกอบของน้ำตาลหมัก และเติมยีสต์ลงไปเพื่อให้ยีสต์กินน้ำตาลในวัตถุดิบ และเปลี่ยนกลายเป็นแอลกอฮอล์ ซึ่งมีฤทธิ์ในการกดระบบประสาทส่วนกลาง ถ้าดื่มในปริมาณไม่มาก จะรู้สึกผ่อนคลาย เนื่องจากแอลกอฮอล์ไปกดจิตใต้สำนึกที่คอยควบคุมตนเองอยู่ แต่ถ้าดื่มมากขึ้นก็จะมีฤทธิ์กดสมองบริเวณอื่นๆ ทำให้เสียการทรงตัว พูดไม่ชัด และอาจทำให้หมดสติได้ในที่สุด
ซึ่งวัดระดับแอลกอฮอล์ที่ส่งผลกับร่างกายได้หลายอาการ เช่น ในระดับที่สูงเกินกว่า 0.05% ในกระแสเลือด จะทำให้สูญเสียการควบคุมระบบเคลื่อนไหว ถ้าดื่มในระดับ 0.2% จะสูญเสียเรื่องอารมณ์ เช่น ส่งเสียงตะโกนโหวกเหวก ถ้าดื่มในระดับ 0.3% จากการดื่มเหล้าอย่างรวดเร็วสัก 1 ขวดแบน ก็อาจหมดสติได้ และถ้าดื่มในระดับ 0.3 - 0.5% อาจทำให้ถึงตายได้ เพราะไปกดระบบการหายใจ ซึ่งคนที่ดื่มแอลกอฮอล์แล้วมีอาการหน้าแดงง่าย มีสาเหตุจากสารอะเซตาดีไฮด์และพรอสตาไซคลิน ทำให้เกิดเส้นเลือดขยาย และบางคนขาดสารเอนไซม์ ซึ่งสลายสารอะเซตาดีไฮด์ ทำให้มีการคั่งของสารอะเซตาดีไฮด์สูงในตับและในเลือด โดยเฉพาะคนจีนกว่า 50% (หรืออาจรวมในไทยที่มีเชื้อจีน) ไม่มีสารเอ็นไซม์นี้ ดังนั้นจึงมีโอกาสจะเป็นโรคตับแข็งง่ายกว่าชาติอื่น
โดยเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แบ่งเป็น 3 ประเภทคือ 1.เบียร์ มีแอลกอฮอล์ในระดับ 3-8% 2.ไวน์มีตั้งแต่ 8-12% และ 3.เหล้า มีแอลกอฮอล์ 20-50% ขึ้นอยู่กับว่าเป็นวิสกี้ ยิน หรือวอดก้า ส่วนเหล้าของไทย เหล้าโรง เหล้าเถื่อน อาจจะถึง 45% หรือสูงกว่านั้น
ข้อดีของการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
คือ สามารถลดอัตราการเสียชีวิตลงได้หากคุณดื่มเพียงวันละ 1 แก้ว ตัวอย่างเช่น
-โรคหัวใจ ถ้าดื่มวันละ 1 แก้ว (ผสมแล้ว) ลดการเกิดโรคหัวใจอุดตัน 30- 50% ถ้าดื่มมากกว่านั้น กลับเพิ่มการเป็นโรคหัวใจ ซึ่งจะอธิบายได้ว่า อัตราส่วนของไขมันชนิดต่ำต่อไขมันชนิดสูง ถ้าสูงเกิดโรคหัวใจได้ แต่เหล้าไปเพิ่มไขมันชนิดสูง และลดไขมันชนิดต่ำ แอลกอฮอล์ยังช่วยลดการอุดตันของเส้นเลือด และเพิ่มการทำลายไฟบริน จากหลักฐานของฝรั่งเศส และประเทศแถวเมดิเตอร์เรเนียน พบว่าคนที่ดื่มไวน์ เป็นโรคหัวใจน้อยกว่าประเทศอื่น เพราะในไวน์นอกจากมีแอลกอฮอล์แล้ว ยังมีสารแอนติออกซิแคนท์และฟลาโวนอยด์ด้วย
-ภาวะอัมพาตและอัมพฤกษ์ (อัมพาตชั่วคราว) ในอังกฤษพบว่าถ้าดื่ม 2-5 แก้ว/วัน ในผู้ชาย หรือ 2-4 แก้วในผู้หญิง จะมีอัตราในการเป็นอัมพฤกษ์น้อยกว่าคนที่ไม่ดื่ม และคนที่ดื่มสม่ำเสมอดีกว่าคนดื่มกระปริดกระปรอย ซึ่งการวิจัยยังพบอีกว่า ถ้าดื่ม 2 แก้วต่อวัน จะเพิ่มการเกิดอัมพาตจากเส้นเลือดแตกได้มากกว่า และถ้าดื่ม 3 แก้วขึ้นไป อาจทำให้เกิดมีโอกาสเกิดอัมพาตถึง 2-3 เท่า
-ก้อนหินในถุงน้ำดี หากคุณดื่มวันละ 5 แก้วในผู้ชาย และดื่ม 2 แก้วในผู้หญิง สามารถป้องกันการเกิดก้อนหินในถุงน้ำดีได้
ข้อเสียของการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
-การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทำให้เป็นโรคตับแข็งได้ทุกชนิด รวมทั้งมะเร็งตับ ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับเวลาและจำนวนที่ดื่ม ถ้าเป็นแล้วดื่มต่อไป โรคจะแย่ลงและมีโอกาสเป็นมะเร็งได้ 5 - 10%
-ระบบจิตประสาท ในกลุ่มคนวัยรุ่นจะทำให้เกิดอันตรายได้สูง อาทิ การขับขี่รถยนต์ การก่ออาชญากรรม เป็นเด็กถูกทอดทิ้งและมีปัญหา อย่างในประเทศสหรัฐช่วงปี 1996 มีอุบัติเหตุสูงถึง 40% จากผู้ขับขี่ที่ดื่มสุรา และผู้ดื่มมากกว่า 5 แก้ว/วัน
-มีโอกาสป่วยโรคจิตซึมเศร้า การฆ่าตัวตาย ในโรงพยาบาลพบว่า การรักษาผู้ป่วยโรคพิษสุราของคนกลุ่มนี้ มีโอกาสฆ่าตัวตายสูงถึง 75 เท่าของคนปกติ
ทั้งนี้ สำหรับการดื่มสุรา ผู้ชายควรดื่มไม่เกิน 2 แก้ว (ผสมแล้ว) ต่อวัน ผู้หญิงดื่มประมาณ 1 แก้ว/วัน คนสูงอายุให้ดื่มครึ่งแก้ว/วัน เพียงเท่านั้น ก็ถือว่ามากแล้ว ถ้าดื่มเกินกว่านี้ เป็นอันตรายแน่นอน
ข้อมูลโดย นพ.ธาดา เปี่ยมพงศ์สานต์ นายกสมาคมเวชสำอางและศัลยศาสตร์ผิวพรรณ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี