กรุงธนบุรี
จากการที่กรุงธนบุรีครบ ๒๕๐ ปี เมื่อ พ.ศ.๒๕๖๐ที่ผ่านมานั้น ทำให้กรมศิลปากร ศูนย์มนุษยวิทยาสิรินธร,คณะโบราณคดี มหาวิทยาลัยศิลปากรและมูลนิธิเล็ก-ประไพ วิริยะพันธุ์ ต่างได้ร่วมกันจัดเสวนาทางวิชาการเพื่อเสนอมุมมองเรื่อง กรุงธนบุรี ราชธานีเชื่อมต่อกรุงศรีอยุธยาต่อกรุงเทพ และเรื่อง ธนบุรีในวัฏจักรการเปลี่ยนแปลงมองผ่านชีวิคคนและชุมชน โดยมีงานวิจัยการเปลี่ยนแปลงสังคมกับวัฒนธรรมของคนกลุ่มต่างๆ ที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ธนบุรีตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันนอกเหนือไปจากหลักฐานทางประวัติศาสตร์ วรรณคดีและศิลปวัฒนธรรมที่รู้กันมาก่อนแล้ว ด้วยเหตุที่กรุงธนบุรีนั้นเป็นราชธานีที่มีระยะเวลาสั้นที่สุดของไทยระหว่างพ.ศ.๒๓๑๐-๒๓๒๕ รวมเวลา ๑๕ ปีเท่านั้นอีกทั้งยังมีสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี ที่เรียกรู้กันทั่วไปว่า สมเด็จ พระเจ้าตากสินมหาราช นั้นทรงเป็นกษัตริย์เพียงพระองค์เดียวที่ทรงครองราชย์หลังจากกู้แผ่นดินจากข้าศึกจนรวมเป็นอาณาจักรไทยโดยใช้เมืองธนบุรีศรีสมุทรเดิมนั้นมาตั้งเป็นราชธานีแทนกรุงศรีอยุธยา พระองค์ทรงแก้ปัญหาและสร้างเมืองให้เป็นศูนย์กลางการค้าติดต่อกับต่างประเทศได้ในที่สุด พร้อมกับทำสงครามขยายอาณาเขตจนกว้างใหญ่ไพศาล ซึ่งมีการสู้รบป้องกันข้าศึกที่พระองค์ให้เจ้าเมืองทวายคุมกองทัพมาควบคุมสถานการณ์ของอาณาจักรอยุธยาเดิม เมื่อปลาย พ.ศ.๒๓๑๐ครั้งนั้นสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรีทรงนำทัพตีข้าศึกแตกพ่ายด้วยพระองค์เอง ในระหว่างพ.ศ.๒๓๑๑-๑๓ นั้นสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรีได้ทำการปราบชุมนุมต่างๆที่ตั้งตนเป็นใหญ่จนสำเร็จ ซึ่งมีการจัดการการปกครองและคณะสงฆ์หัวเมืองฝ่ายเหนือใหม่ นับเป็นการรวมพระราชอาณาเขตให้เป็นปึกแผ่นหนึ่งเดียว และทรงสถาปนากรุงธนบุรีให้เป็นราชธานีของแผ่นดินโดยสมบูรณ์
สำหรับการปกครองในสมัยกรุงธนบุรีนั้นยังนำรูปแบบจากกรุงศรีอยุธยามาใช้ โดยให้กรุงธนบุรีเป็นศูนย์กลาง มีอัครมหาเสนาบดีตำแหน่ง “เจ้าพระยา” คือ สมุหนายก เป็นอัครมหาเสนาบดีฝ่ายพลเรือนเป็นผู้ดูแลหัวเมืองฝ่ายเหนือ ทั้งในราชการฝ่ายทหารและพลเรือน ในฐานะเจ้าเสนาบดีกรมมหาดไทย ผู้นี้มียศเป็น“เจ้าพระยาจักรีศรีองครักษ์” หรือที่เรียกว่า “ออกญาจักรี”และ สมุหพระกลาโหม ซึ่งเป็นอัครมหาเสนาบดีฝ่ายทหารเป็นผู้ดูแลหัวเมืองฝ่ายใต้ทั้งปวง มียศเป็น “เจ้าพระยามหาเสนา” หรือที่เรียกว่า “ออกญากลาโหม” ส่วนจตุสดมภ์มีเสนาบดีตำแหน่ง “พระยา” จำนวน ๔ กรม ได้แก่ กรมเวียงหรือนครบาล มีพระยายมราชทำหน้าที่ดูแล และรักษาความสงบเรียบร้อยภายในพระนคร กรมวัง หรือธรรมาธิกรณ์ มีพระยาธรรมาธิกรณ์ ทำหน้าที่ดูแลความสงบเรียบร้อยในเขตพระราชฐาน กรมคลัง หรือโกษาธิบดีมีพระยาโกษาธิบดี ทำหน้าที่ดูแลการซื้อขายสินค้าภายหลังได้รับการแต่งตั้งให้ดูแลหัวเมืองฝ่ายตะวันออกด้วยกรมนา หรือเกษตราธิการ มีพระยาพลเทพทำหน้าที่ดูแลการเกษตรกรรม หรือการประกอบอาชีพของประชากรอย่างกรุงศรีอยุธยา
สำหรับการ ปกครองส่วนภูมิภาคนั้นมีหัวเมืองชั้นใน มี ผู้รั้งเมือง เป็นผู้ปกครอง จะอยู่โดยรอบไม่ไกลจากราชธานี เมืองพระยามหานคร แบ่งเป็น เมืองเอก โท ตรี จัตวา มีเจ้าเมืองเป็นผู้ปกครอง เมืองประเทศราช เป็นเมืองที่ต้องส่งเครื่องราชบรรณาการมาให้กรุงธนบุรีมี นครศรีธรรมราช เชียงแสน เชียงใหมลำปาง ลำพูน พะเยา แพร่ น่าน ปัตตานี ไทรบุรีตรังกานู มะริด ตะนาวศรี พุทไธมาศ พนมเปญ จำปาสักหลวงพระบาง และเวียงจันทน์ ฯลฯ เป็นต้น ในช่วงต้นรัชกาลนั้นสภาพบ้านเมืองเสียหายมากจากผลการสงคราม และเกิดทุพภิกขภัยครั้งร้ายแรงที่สุดในประวัติศาสตร์ไทย เนื่องจากไม่มีการทำนามานาน ทำให้ราคาข้าวในแผ่นดินสูงอยู่ตลอดรัชกาล บางครั้งพระองค์ทรงสละทรัพย์ส่วนพระองค์ซื้อข้าวมาให้แก่ราษฎรทั้งหลายนับหมื่นราย พระองค์ได้โปรดให้ผู้คนหลายกลุ่มหลายชาติได้เข้ามาอาศัยอยู่ในกรุงธนบุรีและสืบลูกหลานอาศัยอยู่มาจนถึงทุกวันนี้ ตลอดรัชกาลนั้นพระองค์ได้ทรงทำนุบำรุงการค้าขายทางเรือกับต่างชาติ ส่งเสริมการขายสินค้าพื้นเมือง พระองค์ทรงพยายามผูกไมตรีกับจีนเพื่อที่จะให้เกิดประโยชน์ทางการค้ามากขึ้น จนในที่สุดกรุงธนบุรีจึงเติบโตเป็นศูนย์กลางการค้าและราชธานีที่มีเส้นทางน้ำลำคลองและท่าสำหรับค้าขายกับต่างชาติที่เดินเรือมาทางฝั่งทะเลอันดามันแทนกรุงศรีอยุธยา โดยมีการค้าดีบุกจำนวนมาก เช่นเดียวกับเมืองไชยาและเมืองสงขลา จนมีการกล่าวกันว่า ที่แห่งใดมีชาวจีนอาศัยอยู่มากท้องที่แห่งนั้นย่อมเจริญ ดังไม่แปลกที่มีชุมชนคนจีน และชนชาติอื่นๆ จะอยู่ทุกแห่งในกรุงธนบุรี
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี