ตราพระนารายณ์
วันนี้เป็นปรากฏการณ์จากละครบุพเพสันนิวาสที่ชวนให้ผู้คนพากันสนใจประวัติศาสตร์ไทยมากขึ้น โดยเฉพาะเรื่องราวที่เกิดขึ้นแผ่นดินพระนารายณ์มหาราช กษัตริย์สมัยอยุธยาตอนปลายเมื่อพ.ศ.๒๑๙๙-พ.ศ.๒๒๓๑ อาทิตย์นี้ขอตามรอยกษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่พระองค์นี้ในมิติการเรียนรู้ประวัติศาสตร์ที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติพระนารายณ์ราชนิเวศน์ ที่คุณนิภา สังคนาคินทร์ เป็นผู้อำนวยการและบ้านรับราชทูต เมืองลพบุรี ด้วยมีจดหมายเหตุชาวต่างชาติอยู่จำนวนมาก จนเป็นที่ทราบกันว่าพระองค์นั้นมีพระราชกรณียกิจสำคัญทั้งด้านการทหาร วรรณคดี และการทูต โดยเฉพาะการส่งคณะราชทูตไปเชื่อมสัมพันธไมตรีกับฝรั่งเศส ในรัชสมัยพระเจ้าหลุยส์ที่ ๑๔ ซึ่งนับเป็นครั้งแรกของกรุงศรีอยุธยา
พระนารายณ์มหาราช หรือ “ขุนหลวงนารายณ์” ในพระนามเรียกเดิมนั้น เป็นพระโอรสของพระเจ้าปราสาททองและพระราชมารดา ผู้เป็นพระราชธิดาของพระเจ้าทรงธรรมพระราชสมภพเมื่อวันจันทร์ เดือนยี่ ปีวอก พ.ศ.๒๑๗๕ เมื่อแรกประสูตินั้นในพระราชพงศาวดารกรุงศรีอยุธยาเล่าว่า พระญาติเห็นพระโอรสมีสี่กร พระราชบิดาจึงโปรดเกล้าฯพระราชทานนามว่า “พระนารายณ์” แต่คำให้การชาวกรุงเก่าและคำให้การขุนหลวงหาวัด เล่าว่า เมื่อเพลิงไหม้พระที่นั่งมังคลาภิเษก พระโอรสเสด็จไปช่วยดับเพลิง ผู้คนเห็นเป็นสี่กร จึงพากันขนานพระนามว่า พระนารายณ์ เมื่อเยาว์วัยนั้นพระนารายณ์ทรงรับการศึกษาจากพระโหราธิบดี พระอาจารย์พรหม พระพิมลธรรม และสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์
ครั้นพระนารายณ์มหาราช มีพระชนมายุ ๒๕ พรรษานั้นได้เสด็จครองราชย์ มีพระนามในพระสุพรรณบัฏว่า “สมเด็จพระรามาธิบดี ที่ ๓” เมื่อวันพฤหัสบดี แรม ๒ ค่ำเดือน ๑๒ จุลศักราช ๑๐๑๘ ปีวอก (ตรงกับวันที่ ๑๕ ตุลาคม พ.ศ.๒๑๙๙) เวลา ๒ นาฬิกา หลังจากประทับในกรุงศรีอยุธยาได้ ๑๐ ปีแล้ว พระองค์โปรดเกล้าฯ ให้สร้างเมืองลพบุรีขึ้นเป็นราชธานีแห่งที่ ๒ ในปีพ.ศ. ๒๒๐๙จากนั้นพระองค์นิยมเสด็จประทับที่ลพบุรีเป็นประจำทุกปีแต่ละครั้งนั้นเป็นเวลานานหลายเดือน จนกระทั่งเสด็จสวรรคตเมื่อพ.ศ.๒๒๓๑ ณ พระที่นั่งสุทธาสวรรย์พระนารายณ์ราชนิเวศน์ จังหวัดลพบุรี รวมครองราชสมบัติเป็นเวลา ๓๒ ปี มีพระชนมายุ ๕๖ พรรษา พระองค์ทรงมีพระราชธิดาเพียงพระองค์เดียว คือ กรมหลวงโยธาเทพ และมี พระปีย์ เป็นบุตรบุญธรรม
ในแผ่นดินพระนารายณ์มหาราชนั้น พระองค์ทรงปราบปรามหัวเมืองน้อยใหญ่ให้มาสวามิภักดิ์ทั้งหัวเมืองทางเหนือ เช่น เชียงใหม่ ลำพูน ส่วนศึกกับพม่านั้นทรงจัดทัพตีพ่ายกลับไปอยู่เนืองๆ โดยมี“ขุนเหล็ก” คือ เจ้าพระยาโกษาธิบดี (เหล็ก) เป็นแม่ทัพและนักรบคู่ราชบัลลังก์ จึงนับว่ามีความเข้มแข็ง ด้วยพระนารายณ์มหาราชทรงชำนาญในการศึก คล้องช้าง และทรงซื้ออาวุธจากต่างชาติใช้ในการสงครามด้วย
อีกทั้งยังมีความสัมพันธ์กับต่างประเทศโดยมีการติดต่อทั้งด้านการค้าและการทูตกับประเทศต่างๆ เช่น จีน ญี่ปุ่น อิหร่าน อังกฤษ และฮอลันดา มีชาวต่างชาติเข้ามาในพระราชอาณาจักรอยู่จำนวนมาก ซึ่งมี คอนสแตนตินฟอลคอน ชาวกรีก เข้ารับราชการอวยยศเป็นถึงเจ้าพระยาวิชเยนทร์ ที่สมุหนายก ขณะเดียวกันพระองค์ทรงโปรดฯ ให้แต่งคณะทูตไปเจริญสัมพันธไมตรีกับราชสำนักฝรั่งเศส ในรัชสมัยพระเจ้าหลุยส์ที่ ๑๔ ถึง ๔ ครั้งด้วยกัน นับเป็นปฐมเหตุการณ์ทูตในครั้งแรกที่เกิดขึ้นโดยมีเจ้าพระยาโกษาธิบดี (ปาน) เป็นหัวหน้าคณะราชทูตที่มีชื่อเสียง พระองค์ทรงรับเอาวิทยาการสมัยใหม่จากยุโรปเข้ามาใช้ เช่น กล้องดูดาว และยุทโธปกรณ์บางประการ รวมทั้งยังมีสร้างน้ำพุ และวางระบบท่อประปาขึ้นภายในพระราชวังด้วย พระองค์ทรงพระปรีชาสามารถในวรรณคดี เช่น สมุทรโฆษคำฉันท์ ส่วนตอนต้นนั้นเชื่อกันว่าพระมหาราชครูเป็นผู้แต่งแต่ถึงแก่อนิจกรรมเสียก่อน พระนารายณ์จึงพระราชนิพนธ์ต่อจนจบ ถือเป็นยุคกวีที่มีผลงานสำคัญหลายเรื่อง คือ ขุนเทพกวี แต่งคำฉันท์กล่อมช้าง (ของเก่า) คราวสมโภชน์ขึ้นระวางเจ้าพระยาบรมคเชนทร์ฉัททันต์ เมื่อพ.ศ.๒๒๐๓ หลวงศรีมโหสถแต่ง เช่น โคลงเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนารายณ์มหาราช พระโหราธิบดีแต่ง จินดามณี เป็นตำราเรียนภาษาไทยเล่มแรก และอนิรุทธคำฉันท์ เรื่องราวในสมัยพระนารายณ์มหาราชนั้น มองซิเออร์ เดอ ลาลูแบร์ได้เขียนถึงกรุงศรีอยุธยาและสยามมากที่สุด และมีภาพลายเส้นประกอบให้ศึกษาหาข้อมูลกัน ผิดถูกอย่างไรก็คงเรียนรู้จากหนังสือเล่มนี้
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี