เมืองนราธิวาสมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์มากหลาย แต่หนึ่งในสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ชาวนราฯ และคนไทยจากเมืองอื่นๆ รวมถึงชาวมาเลย์ให้ความเคารพนับถือเป็นอย่างมากคือ เจ้าแม่มาจู หรือเจ้าแม่โต๊ะโมะ
ตามความเชื่อของบรรพชนกล่าวว่า เจ้าแม่มาจู ก็คือเจ้าแม่ทับทิม เทพธิดาแห่งท้องทะเล
ตำนานกล่าวว่า แต่เดิมนั้น เจ้าแม่เป็นชาวจีน บิดาเป็นผู้ตรวจราชการมณฑลฮกเกี้ยน เจ้าแม่มีพี่น้องทั้งหมด 6 คน เจ้าแม่คือผู้ที่ทางครอบครัวได้บนบานเพื่อขอจากเจ้าแม่กวนอิม โดยถือกำเนิดเมื่อปี พ.ศ.1503 และเชื่อว่าเจ้าแม่เกิดในวันที่ 23 เดือน 3 ในวัยเด็กเจ้าแม่เป็นผู้มีความเฉลียวฉลาดมาก อ่านท่องตำราเล่มโตๆ เพียงครั้งเดียวก็จดจำได้หมด เมื่อเจ้าแม่อายุ 16 ปี ได้เกิดเหตุอัศจรรย์ เมื่อได้พบกับเซียนตนหนึ่งซึ่งปรากฏตัวจากบ่อน้ำแล้วลอยขึ้นสู่ท้องฟ้า สาวใช้ที่อยู่กับเจ้าแม่ตกใจ วิ่งหนีไปจนหมด เหลือแต่เจ้าแม่เท่านั้นที่เมื่อเห็นเซียนแล้ว ก็จึงคุกเข่าแสดงความเคารพ เซียนจึงมอบคัมภีร์ให้เจ้าแม่หนึ่งเล่ม
เจ้าแม่ศึกษาคัมภีร์อย่างแตกฉาน จนชีวิตเปลี่ยนแปลงไปอย่างพิสดาร เพราะสามารถช่วยปกป้องผองภัยให้ชาวเมืองได้ และยังมีฤทธิ์เหาะเหินไปช่วยเหลือผู้ประสบภัยในท้องทะเล จึงทำให้ชาวเมืองผู้อาศัยอยู่ริมทะเลพากันเลื่อมใสศรัทธาในคุณความดีของเจ้าแม่ และชาวเมืองได้ร่วมกันสร้างศาลเพื่อสักการบูชาเจ้าแม่
ตำนานระบุว่า ในปี พ.ศ.1523 วันที่ 8 เดือน 9 เจ้าแม่เบื่อความวุ่นวายทางโลก จึงออกแสวงหาความสงบ โดยได้เดินทางไปยังเหมยซาน หรือภูเขาเหมย บรรดาญาติพี่น้องและผู้คนเห็นเจ้าแม่เดินบนอากาศ โดยมีก้อนเมฆอยู่ใต้เท้า จากนั้นก็มีลมพัดพาร่างเจ้าแม่หายลับไปในกลีบเมฆ แล้วก็ไม่มีใครเห็นเจ้าแม่อีกเลย
หากอ้างตามตำนาน ก็จะเห็นได้ว่าเจ้าแม่มาจู หรือเจ้าแม่โต๊ะโมะไม่ได้มีความเกี่ยวข้องใดๆ กับจังหวัดนราธิวาสเลย แล้วเหตุใด ผู้คนจึงสร้างศาลเจ้าแม่ขึ้นที่จังหวัดนราธิวาสคำตอบคือ ในยุคที่มีการหาทองคำในเขตภูเขาโต๊ะโมะ (ปัจจุบันคือตำบลภูเขาทอง) อำเภอสุคิริน จังหวัดนราธิวาสช่วงก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2 หัวหน้าขุดหาทองคำ ชื่อกัปตันคิว และคนงานล้วนนับถือเจ้าแม่มาจู จึงอัญเชิญท่านไปในการขุดหาแหล่งทองคำ และก่อนจะสำรวจก็จะต้องอัญเชิญเจ้าแม่ให้ประทับร่างทรง มีอยู่ครั้งหนึ่งร่างทรงของเจ้าแม่บอกว่าบริเวณที่จะสำรวจนั้นอันตราย และห้ามสำรวจต่อไป แต่ชาวฝรั่งเศสผู้ได้รับสัมปทานหาแร่ทองคำไม่เชื่อ แล้วสั่งให้สำรวจต่อไป จนในที่สุดได้เกิดดินถล่มทับคนงานกว่าร้อยชีวิต เมื่อเจ้าของสัมปทานเห็นเหตุการณ์เลวร้ายเกิดขึ้น จึงเชื่อในความศักดิ์สิทธิ์ของเจ้าแม่ แล้วสั่งให้กัปตันคิวเดินทางไปประเทศจีนเพื่ออัญเชิญองค์จำลองของเจ้าแม่มาประดิษฐาน ณ ศาลเจ้าที่แหล่งสำรวจในอำเภอสุคิริน จากนั้นทุกครั้งก่อนจะสำรวจหาทองคำ เจ้าแม่ในร่างประทับทรงก็จะชี้แนะให้ขุดหาพบแร่ทองคำทุกครั้ง จนทำให้ความศักดิ์สิทธิ์ของเจ้าแม่แพร่กระจายไปทั่วจังหวัด และเมืองใกล้เคียง แล้วจากนั้นก็มีการถวายนามว่า เจ้าแม่โต๊ะโมะ
ต่อมาเมื่อเกิดสงครามมหาเอเชียบูรพา ก็จำต้องยุติการทำเหมืองทองคำ ผู้คนก็หนีกระจัดกระจายไป แล้วทิ้งศาลเจ้าแม่ให้ร้าง จนกระทั่งสงครามยุติลง ลูกชายของกัปตันคิวได้กลับขึ้นไปยังเขาโต๊ะโมะแต่ไม่พบรูปปั้นเจ้าแม่ จึงนำกระถางธูปจากศาลไปไว้ในศาลที่หมู่บ้านเจ๊ะเห อำเภอแว้ง จังหวัดนราธิวาส แล้วต่อมาได้นำกระถางธูปนี้ไปไว้ที่บ้านสามแยก อำเภอแว้ง แล้วสร้างองค์จำลองของเจ้าแม่ขึ้นมา จากนั้นต่อมาก็ได้มีการสร้างศาลถวายเจ้าแม่ที่อำเภอสุไหงโก-ลก เมื่อวันที่ 15 มกราคม 2495 โดยในวันที่ 23 เดือน 3 ตามปฏิทินจีน ซึ่งจะอยู่ในช่วงเดือนเมษายน จะถือว่าเป็นวันเกิดของเจ้าแม่มาจู ซึ่งจะมีการจัดงานเทศกาลเฉลิมฉลองประจำปีให้กับเจ้าแม่ ซึ่งงานเฉลิมฉลองนี้ยังจัดต่อเนื่องมาจนปัจจุบัน
Mr. Flower เพิ่งจะพาแฟนคอลัมน์กลุ่มเล็กๆ (15 คน) ทุกคนมีความเป็นกันเองมาก ไปท่องเที่ยวจังหวัดนราธิวาส ยะลา และปัตตานี เมื่อเร็วๆ นี้ ถ้าหากคุณๆ ต้องการจะไปกราบนมัสการเจ้าแม่โต๊ะโมะ และท่องเที่ยวสถานที่น่าสนใจมากมาย รับประทานอาหารรสอร่อย และซื้อหาผ้าพื้นเมืองคุณภาพดี ในจังหวัดปัตตานี ยะลา นราธิวาสโปรดติดต่อได้ที่หมายเลขโทรศัพท์ 091-7233615 ขอเรียนย้ำว่า ทริปของเราเป็นทริปคุณภาพ อบอุ่น และเป็นกันเอง แต่ที่สำคัญคือท่องเที่ยวแบบเจาะลึก
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี