การดำรงอยู่ในสังคมมนุษย์นั้น ๑ ในปัจจัยสำคัญ ๔ อย่างนั้น อาหารถือเป็นสิ่งจำเป็นที่สุดด้วยต้องเลี้ยงชีพด้วยอาหาร นอกนั้นเป็นความต้องการในเรื่อง ที่อยู่อาศัย เครื่องนุ่งห่ม ยารักษาโรค ดังนั้นการที่ซีพีแรม ได้ให้ความสำคัญต่อการสร้างความยั่งยืนทางอาหาร (Food Sustainability) สู่สังคมประเทศนั้น จึงเป็นความสำเร็จประสงค์ที่น่าสนใจยิ่ง อาทิตย์นี้ได้ตามรอยไปชมโครงการ “เกษตรกรคู่ชีวิต” ที่ผู้ใหญ่บ้านนายประหยัด อุสาย แห่งบ้านนาหนองทุ่ม ต.โนนแดง อ.โนนศิลา จ.ขอนแก่น ได้ให้ชาวบ้านร่วมกันปลูกกะเพราในชุมชนขึ้น
เรื่องนี้ คุณวิเศษ วิศิษฏ์วิญญู กรรมการผู้จัดการซีพีแรม ได้อธิบายถึงความสำคัญของคู่ชีวิตที่จะต้องช่วยกันสร้างความยั่งยืนทางบ่วงโซ่อาหารขึ้น จากการมีแปลงกะเพราสาธิตสู่ความยั่งยืน ที่มีการเรียนรู้ถึงจัดทำแปลงกะเพราสาธิต โดยผลผลิตที่เกิดขึ้นนั้นสามารถนำไปประกอบอาหารแล้ว ยังได้ส่งเสริมความรู้ในเชิงปฏิบัติให้กับชุมชม จนสามารถนำไปประกอบอาชีพสร้างรายได้ให้ครอบครัว และชุมชนในภาพรวม พร้อมทั้งเป็นการยกระดับการสร้างความยั่งยืนทางอาหาร (Food Sustainability)อีกด้วย นั่นคือการแบ่งปันองค์ความรู้ และให้คำแนะนำในการเพาะปลูกกะเพรา มีการส่งเสริมการรับรองระบบมาตรฐาน GAP ให้เกษตรกรนั้น มีความรู้ ความเข้าใจในการทำการเกษตรที่ดีและเหมาะสม ตลอดจนมีการถ่ายทอดเทคโนโลยีที่ทันสมัย เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของเกษตรกรในชุมชนให้ดียิ่งขึ้น นำไปสู่การสร้างงาน สร้างอาชีพให้มีความมั่นคง ยั่งยืนแก่เกษตรกรในชุมชน รวมถึงการบูรณาการองค์ความรู้ต่างๆ ในการทำเกษตรกรรมของเกษตรกรให้เกิดประสิทธิภาพและประสิทธิผลสูงสุดด้วย
จากบทเรียนที่ผ่านมานั้นผู้ใหญ่บ้านและชาวบ้านแห่งนี้ได้ทำการเพาะปลูกพืชผัก สวนครัว จำพวกคะน้า สลัด ผักกาด ผักชี และอีกหลายๆ ชนิดเพื่อส่งขายตามท้องตลาดมาแล้วแต่ต้องประสบกับปัญหาทั้งเรื่องราคา และคุณภาพของผลิตผลดังนั้นเมื่อซีพีแรม ได้เข้ามาส่งเสริมและนำวิธีการปลูกพืช อย่างถูกวิธีและได้ผลผลิตที่ดี พร้อมกับจัดการหาตลาดช่วยเหลือ โดยผลผลิตส่วนใหญ่นั้นจะถูกนำไปวางจำหน่ายในท้องถิ่นนั้น โดยนำกะเพราป่านั้นมาเป็นพืชสวนครัวของโครงการเกษตรกรคู่ชีวิต เพราะ กะเพราป่า เป็นส่วนประกอบที่ทำให้อาหารมีรสชาติชวนรับประทาน ทำให้กะเพราป่า ได้รับการส่งเสริมและรับซื้อเข้าไปในการประกอบอาหารในเมนู กะเพราหมูไก่ กุ้ง และอีกหลายเมนูที่สามารถหาได้จากร้านสะดวกซื้อ
ดังนั้นกะเพราป่าที่มีการวิเคราะห์สายพันธุ์มาอย่างดีแล้วนั้นจึงมีคุณภาพและความต้องการสูง ด้วยเป็นกะเพราที่มีสารน้ำมันทำให้มีรสชาติดีและกลิ่นหอม ซึ่งทำให้รับซื้อมีราคาสูงคือสามารถขายกะเพราต่อกิโลใบหรือใบกะเพราต่อกิโลกรัมถึง ๑๔๐ บาท โดยแม่บ้านช่วยกันทำการตัดแต่งและเด็ดใบ จนเชื่อมั่นว่าสามารถสร้างรายได้ในครอบครัวเป็นอย่างดี นอกจากนี้ยังมีการปลูกพืชอย่างอื่นที่เกี่ยวข้องกัน เช่น พริก ซึ่งเป็นส่วนประกอบในเมนู ข้าวผัดกะเพราอีกด้วย
สำหรับกะเพรานั้นถือเป็นพืชวิเศษ เป็นพืชสมุนไพรชนิดหนึ่งที่มีกลิ่นหอมเป็นเอกลักษณ์ พืชนี้มีต้นกำเนิดมาจากประเทศอินเดีย ผู้คนมักนำมาใช้เป็นยาอายุรเวชเพื่อปรับสมดุลของความเครียดที่เกิดขึ้นภายในร่างกาย ทั้งนี้ยังมีการนำเอาใบ ก้าน และเมล็ดของกะเพรามาใช้ในการรักษาอาการป่วยต่างๆ อีกด้วย ด้วยสรรพคุณทางยาของกะเพรานั้นมีมากมาย สามารถช่วยในการรักษาไข้หวัด โรคหอบ หลอดลมอักเสบ โรคเบาหวาน อาการปวดหูปวดศีรษะ และอาการภายในท้อง รวมทั้งมีความเครียดตลอดจนยังช่วยต้านพิษงูและแมงป่อง และนำมาใช้ในการไล่ยุงได้ด้วย ครั้นเมื่อนำกะเพรานี้มาประกอบกับอาหารแล้วกลับเพิ่มรสชาติให้อาหารนั้นมีรสชาติชวนรับประทานยิ่งขึ้น ประเด็นสำคัญของกะเพราป่านั้นคือ ความสดของกะเพรามีมากเท่าใดย่อมมีคุณค่าทางโภชนาการมากเท่านั้น ดังนั้นการสร้างนวัตกรรมส่งออกเพื่อให้กะเพราเป็นเมนูหนึ่งในอาหารที่เป็นครัวของโลกจึงเป็นเรื่องที่น่าสนใจในอนาคต
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี