“นิทรรศการ การเรียนรู้แบบ Project Approach” ของเด็กนักเรียนโรงเรียนอนุบาลกุ๊กไก่ ชั้นอนุบาล 3/1 ที่พวกเขาใช้เวลานานกว่า 7 สัปดาห์ ในการเรียนรู้ ศึกษาและหาข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องต่างๆ ที่ตัวเองสนใจ โดยเนรมิตบรรยากาศภายในห้องเรียนให้กลายเป็นสถานีรถไฟที่จิ๋ว มีรถไฟขนาดใหญ่แล่นอยู่กลางห้องเรียน ปู๊นๆ ฉึกฉักๆ บรรยากาศรอบๆ ห้องก็รายล้อมไปด้วยผลงานชิ้นโบแดงที่เกี่ยวข้องกับรถไฟ ซึ่งเป็นผลงานจากเด็กๆ อีกด้วย
คุณครูวารุณี หรือ ครูอู๊ด คุณครูประจำชั้นเล่าให้ฟังถึงการเรียนรู้แบบ Project Approach ว่า เด็กๆได้เรียนรู้กระบวนการศึกษาควบคู่ไปกับศาสตร์วิชาแขนงต่างๆ สัปดาห์แรก เด็กๆ ช่วยกันทำกราฟโหวตเพื่อเลือกหัวข้อที่ต้องการจะศึกษา น้องชาลี-ด.ช.สิรพัชร์ วชิระสมบูรณ์ เล่าว่า “ผมอยากเรียนเรื่องปฏิทินครับ อยากรู้ว่าวันนี้เป็นวันอะไรวันที่เท่าไหร่และมีวันไหนบ้างที่เป็นวันสำคัญ” ขณะที่เด็กคนอื่นๆ ก็แสดงความคิดเห็นที่ต้องการจะศึกษา แต่หัวข้อที่ได้รับความสนใจมากที่สุดคือ “รถไฟ” สัปดาห์ที่ 2 คุณครูให้เด็กเล่าถึงประสบการณ์เดิมที่มีเกี่ยวกับรถไฟ ผ่านการแสดงความคิดเห็นและสร้างสรรค์ผลงานออกมาเป็นศิลปะ รวมไปถึงนำสิ่งของเหลือใช้มาประดิษฐ์เป็นผลงาน สัปดาห์นี้ เด็กๆ ได้ใช้กระบวนการทางความคิดสร้างสรรค์ทำผลงาน
ออกมาในวิชาศิลปะเป็นอย่างดี
“การลงมือทำก็เป็นส่วนหนึ่งของการเรียนรู้ ซึ่งเราจะได้เห็นว่าการเรียนรู้ของเด็กๆ สามารถสะท้อนให้เห็นได้จากผลงานที่เด็กๆ ลงมือประดิษฐ์เป็นผลงานออกมา และแต่ละผลงานมีความแตกต่างไปตามความสนใจของเด็กๆ ซึ่งเราเปิดกว้างให้เด็กๆ ได้คิดและสร้างสรรค์อย่างเต็มที่ไม่มีปิดกั้นค่ะ” คุณครูไก่-วิวรรณ สารกิจปรีชา ผู้อำนวยการและเจ้าของโรงเรียนกล่าว
สัปดาห์ที่ 3 สืบค้นข้อมูล เด็กๆ ช่วยกันค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับรถไฟผ่านทางอินเตอร์เนต “สิ่งสำคัญของการสืบค้นนอกเหนือจากความรู้ที่ได้รับแล้ว ยังเรียนรู้ว่าจะรู้อะไรจริงๆ ต้องสำรวจสืบค้นจากแหล่งเรียนรู้ที่หลากหลาย แต่เชื่อถือได้ว่าข้อมูลน่าจะถูกต้องที่สุด เมื่อได้ข้อมูลแล้วก็ต้องรู้จักคิดเปรียบเทียบ วิเคราะห์และสังเคราะห์ เพื่อให้ความรู้ตกผลึก” คุณครูไก่กล่าวเสริม
การเรียนแบบ Project Approachยังเชื่อมโยงความรู้จากศาสตร์วิชาหลายแขนงอาทิ วิชาสังคมและประวัติศาสตร์ วิชาวิทยาศาสตร์และการใช้เทคโนโลยี วิชาคณิตศาสตร์ในการนับขบวนโบกี้รถไฟ คำนวณค่าตั๋วรถไฟและจำนวนประเภทของรถไฟ น้องนิว-ด.ช.สนันต์สุขะนินทร์ กล่าวว่า “รถไฟคันแรของโลกสร้างขึ้นโดย จอร์จ สตีเฟนสัน เป็นหัวรถจักรไอน้ำใช้ถ่านหินในการขับเคลื่อนที่ มีโบกี้เอาไว้ใช้ในการบรรทุกผู้โดยสารหรือสิ่งของ” สัปดาห์ที่ 4 ทัศนศึกษาที่สถานีรถไฟหัวลำโพง กรุงเทพฯเรียนรู้ถึงประสบการณ์จริงโดยการโดยสารรถไฟจากสถานีหัวลำโพงไปยังสถานีคลองตัน น้องฮิโกะ-ด.ญ.ศิรีน เบญจฤทธิ์ เล่าว่า “ก่อนนั่งรถไฟ ต้องไปซื้อตั๋วในราคา 2 บาท และไปรอรถไฟที่ชานชาลา รู้สึกกลัวเพราะเสียงของหัวรถจักรที่ทำงานอยู่มันดังมาก แต่พอได้ขึ้นและรถไฟแล่น สนุกมากๆ ได้เห็นบรรยากาศสีเขียวของต้นไม้ ประทับใจมาก” สัปดาห์ที่ 5 ศึกษาว่ารถไฟไปที่ไหนบ้างจากหนังสือ “ถ้าวันหนึ่งฉันจะนั่งรถไฟ” เด็กๆ ได้แบ่งเส้นทางของรถไฟทั้งหมดออกเป็น 4 สาย ได้แก่ สายตะวันออกสายอีสาน สายเหนือและสายใต้ สัปดาห์ที่ 6ได้รับเกียรติจาก แสงอรุณ จันทร์สกุลทิพย์และ รุ่งกานต์ แสงทองสกุลเลิศ ผู้ปกครองของเพื่อนๆ มาเล่าประวัติความเป็นมาและประสบการณ์ในการโดยสารรถไฟในประเทศญี่ปุ่น รวมไปถึงการช่วยเด็กๆ จำลองรถไฟขนาดใหญ่จากกระดาษ ซึ่งน้องชาลี-ด.ช.สิรพัชร์สรุปให้ฟังว่า “รถไฟฟ้าในประเทศญี่ปุ่นใช้ระบบไฟฟ้าเพื่อประหยัดพลังงานน้ำมัน ค่าโดยสารใช้เงินสกุลเยน” สัปดาห์สุดท้าย เด็กๆ ช่วยกันสรุปและทบทวนข้อมูลทั้งหมดอีกครั้งเพื่อจัดแสดงโชว์ใน “นิทรรศการการเรียนรู้แบบ Project Approach” และช่วยกันประดับตกแต่งห้องเรียนให้กลายเป็นสถานที่โชว์ผลงานที่มีความสวยงามและน่าสนใจ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี