อารักษ์ อ่อนวิลัย, ปรวรรณ มหัทธนะสุข, ภูภวิศ กฤตพลนารา และ เจริญวิทย์ เพ็ญพงศ์
เอสซีจี สานต่อแนวคิดเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) ภายใต้แนวปฏิบัติ SCG Circular Way ล่าสุด เปิดตัวโครงการ “แบ็ก ทู เดอะ ฟิวเจอร์” (Bag to the Future) โดยร่วมมือกับ กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ และ 3 แบรนด์แฟชั่นแถวหน้าของเมืองไทยอย่าง ISSUE, KLOSET & ETCETERA และ URFACE ร่วมออกแบบกระเป๋าลิมิเต็ด เอดิชั่น แฟชั่นไอเท็มสุดฮิปที่ผลิตขึ้นจากการอัพไซเคิล (Upcycle) “ถุงเหลือใช้จากการบรรจุปูนซีเมนต์”ของแบรนด์ต่างๆ ในเครือเอสซีจีมาพร้อมดีไซน์อันโดดเด่นสะท้อนเอกลักษณ์ของแต่ละแบรนด์ออกมาได้อย่างชัดเจน โดยเปิดตัวครั้งแรกภายในงาน STYLE Bangkok 2019งานแสดงสินค้าไลฟ์สไตล์แห่งปี ณไบเทคบางนา พร้อมวางจำหน่ายตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป
ปรวรรณ มหัทธนะสุข Customer and Brand Management Director บริษัท เอสซีจี ซิเมนต์-ผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง จำกัด กล่าวว่า“โครงการ “Bag to the Future” เป็นการนำถุงเหลือใช้จากการบรรจุปูนซีเมนต์มาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดด้วยการทำเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ ทั้งยังเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดการวัสดุเหลือใช้โดยนำกลับมาเป็นทรัพยากรที่ใช้หมุนเวียนในระบบด้วยกระบวนการที่เหมาะสม และเพื่อให้การถ่ายทอดแนวคิดเรื่องเศรษฐกิจหมุนเวียนกับกลุ่มผู้บริโภคง่ายขึ้น รวมถึงเป็นการสร้างการรับรู้ในวงกว้างด้วยการออกแบบและสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ที่เข้าถึงไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคได้ จึงเป็นที่มาของการจัดทำกระเป๋า ลิมิเต็ด เอดิชั่น ซึ่งเป็นกระเป๋าที่ผลิตจากถุงเหลือใช้จากการบรรจุปูนซีเมนต์ของแบรนด์ต่างๆ ในเครือเอสซีจี ผลิตขึ้นเพียงแบรนด์ละ 100 ใบให้เหล่าแฟชั่นนิสต้าได้เลือกมิกซ์แอนด์แมทช์ ตามสไตล์ของตัวเอง โดยรายได้หลังหักค่าใช้จ่ายจะนำไปบริจาคให้กับมูลนิธิที่อยู่อาศัย ประเทศไทย เพื่อนำไปพัฒนาคุณภาพชีวิตของคนไทยผ่านการสร้างบ้านและพัฒนาชุมชนเพื่อนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงสังคมที่น่าอยู่ให้ดียิ่งขึ้น”
Bag to the Future โดย URFACE
ภูภวิศ กฤตพลนารา ผู้ก่อตั้งและดีไซเนอร์จาก ISSUE เล่าถึงแนวคิดในการออกแบบกระเป๋า ลิมิเต็ด เอดิชั่นว่า “ทางแบรนด์ ISSUE รู้สึกเป็นเกียรติอย่างมากที่ได้มีส่วนร่วมในการออกแบบกระเป๋าให้กับโครงการดีๆ ที่ตระหนักถึงความสำคัญของการนำวัสดุเหลือใช้มาเพิ่มประสิทธิภาพ สำหรับแนวคิดการออกแบบกระเป๋า ลิมิเต็ด เอดิชั่น ในครั้งนี้ คือ การดึงจุดเด่นของถุงบรรจุปูนซีเมนต์ที่นอกจากจะเป็นวัสดุที่มีความทนทาน สามารถบรรจุของในปริมาณมากได้แล้ว ยังมีน้ำหนักเบา ดังนั้นรูปแบบของกระเป๋าจึงเน้นความเรียบง่ายและดีไซน์ที่ไม่ซับซ้อน แต่ยังคงแฝงไว้ด้วยเสน่ห์จากความประณีตในการตัดเย็บ นอกจากนี้เรายังเน้นเรื่องฟังก์ชั่นการใช้งานควบคู่กันไปด้วย เช่น สามารถพกพา และเปิดใช้งานได้อย่างสะดวก จุของได้มาก เรียกว่าตอบโจทย์คนรักแฟชั่นที่มองเห็นความสำคัญของการนำวัสดุเหลือใช้มาใช้ให้เกิดประโยชน์ และยังเป็นการรักษาสิ่งแวดล้อมได้อย่างแน่นอนครับ”
เจริญวิทย์ เพ็ญพงศ์ ดีไซเนอร์จากแบรนด์ KLOSET & ETCETERAเผยถึงความท้าทายในการออกแบบครั้งนี้ว่า “แบรนด์ KLOSET รู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้มาเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยเหลือและแบ่งปันสิ่งดีๆ ร่วมกับโครงการนี้ เรียกว่าเป็นอีกหนึ่งโปรเจกท์ที่สนุก และมีความท้าทายอีกด้วย เพราะโจทย์หลัก คือ การออกแบบกระเป๋าที่ใช้วัสดุอย่าง “ถุงบรรจุปูนซีเมนต์เหลือใช้” เป็นวัสดุหลัก ด้วยความที่ถุงปูน เป็นวัสดุที่มองแล้วให้ความรู้สึกแข็งแรงดุดัน เราจึงนำเสนองานดีไซน์ในรูปแบบของการออกแบบลายปริ้นต์ โดยเลือกที่จะนำลายเสือมาเป็นจุดเด่น และเพิ่มดีเทลด้วยการใช้เทคนิคงานปัก ซึ่งเป็นเทคนิคหลักของแบรนด์ KLOSET ทำให้โลโก้รูปเสือ และลวดลายเสือบนกระเป๋าดูมีมิติ และโดดเด่นมากยิ่งขึ้นโดยออกแบบในดีไซน์กระเป๋าทรงสี่เหลี่ยม (Tote bag) ทำให้ใช้งานได้ง่าย และสะดวกในการใส่ของที่ต้องใช้ในชีวิตประจำวันครับ”
Bag to the Future โดย ISSUE
อารักษ์ อ่อนวิลัย ดีไซเนอร์จาก URFACE กล่าวถึงแรงบันดาลใจในการออกแบบลวดลายบนกระเป๋าลิมิเต็ด เอดิชั่น ว่า “เราได้แรงบันดาลใจมาจากจุดเด่นของถุงบรรจุปูนซีเมนต์ที่มีความทนทานสูง จึงเลือกนำเสนอจุดเด่นนี้ผ่านลวดลายงานศิลปะซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์ URFACE โดยเน้นจุดเด่นคือ “รูปเสือ” จากโลโก้ของถุงบรรจุปูนซีเมนต์ที่ถูกรายล้อมไปด้วยน้ำและไฟ เพื่อสื่อถึงความทนทานของถุงปูนและเพิ่มตัวอักษรภาษาลาวลงไปเป็นส่วนหนึ่งของกราฟิกด้วย ใช้สีที่ฉูดฉาดตามเอกลักษณ์ของแบรนด์ อีกหนึ่งไฮไลท์ของกระเป๋า URFACE คือการที่สามารถใช้งานได้ทั้งด้านนอกและด้านในโดยด้านที่มีลวดลายนั้นทำมาจากหนัง PU ที่มีคุณสมบัติกันน้ำและรอยขีดข่วน ส่วนอีกด้านจะเป็นลายของถุงบรรจุปูนซีเมนต์ครับ”
สำหรับกระเป๋า ลิมิเต็ด เอดิชั่นที่ออกแบบโดยดีไซเนอร์จาก ISSUE, KLOSET & ETCETERAและ URFACE ผลิตขึ้นเพียงแบรนด์ละ100 ใบ ให้เหล่าแฟชั่นนิสต้าได้เลือกมิกซ์แอนด์แมทช์ตามสไตล์ของตัวเองแฟชั่นนิสต้ารักษ์โลกสามารถหาซื้อได้ที่ช็อปของแต่ละแบรนด์ กระเป๋าแบรนด์ ISSUE ซื้อได้ที่ ร้าน ISSUEสาขาสยามสแควร์ ซอย 3 หรือ LINE: @issuethailand ราคาใบละ
3,590 บาท กระเป๋า KLOSET & ETCETERA ซื้อได้ที่ร้าน KLOSET & ETCETERA สาขาสยามเซ็นเตอร์หรือ LINE: @kloset_etc ราคา 3,450 บาท และ กระเป๋า SURFACE วางจำหน่ายในราคา1,880 บาท ซื้อได้ที่ ร้าน URFACE สาขาเซ็นทรัลเวิลด์ สยามดิสคัฟเวอรี่ ไอคอนสยาม เอ็มควอเทียร์ และ Facebook.com/urfacestore
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี