ในยุคถัดจากนี้ ที่จะเป็นยุคของ เทคโนโลยี 5G ซึ่งมีความเร็วของการส่งข้อมูลสูงกว่า 4G ที่เราใช้อยู่ในปัจจุบันอย่างน้อย 10 เท่า จะทำให้โลกอุตสาหกรรมในอนาคตมนุษย์และหุ่นยนต์ทำงานร่วมกัน สอดประสานราวกับวงดนตรีที่เล่นเพลงเดียวกันอย่างไพเราะด้วยเครื่องดนตรีที่หลากหลาย โดยที่หุ่นยนต์ถูกเชื่อมต่อเข้ากับระบบคลาวด์ เพื่อความปลอดภัยและสั่งการควบคุมกระบวนการได้แบบเรียลไทม์
5G ไม่ได้เป็นการก้าวกระโดดเพียงในเรื่องความเร็วเท่านั้น แต่ยังมาพร้อมกับการเพิ่มจำนวนเครือข่ายที่สามารถเชื่อมต่อกันได้มากขึ้น และสามารถรองรับการใช้งานเทคโนโลยี Internet of Things (IoT) ที่มีการเชื่อมต่อระหว่างอุปกรณ์นับล้านชิ้น
ทั้งนี้ การวิเคราะห์และคาดการณ์โดยสำนักวิจัยหลายแห่ง สามารถสรุปได้ว่าอุตสาหกรรมสื่อและโทรคมนาคมจะถูกพลิกโฉมครั้งยิ่งใหญ่ภายในปี ค.ศ.2023-2025 ตามมาด้วยการพลิกโฉมของอุตสาหกรรมการเงินการธนาคารและธุรกิจการค้าปลีก ในช่วงปี ค.ศ.2025 ไปจนถึงอุตสาหกรรมพลังงานในปี ค.ศ.2030 ซึ่งภายหลังจากปี ค.ศ.2030 เราจะได้เห็นภาพจริงของการอพยพจากอุตสาหกรรมเก่าเข้าสู่ยุคอุตสาหกรรม 4.0 อย่างสมบูรณ์แบบ
ในส่วนของผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ ต่างกำลังก้าวไปสู่ระบบ 5G โดยหลายประเทศได้วางโครงข่ายครั้งแรกเมื่อปี ค.ศ.2018 ซึ่งถือได้ว่าเร็วกว่าที่เคยคาดการณ์ไว้ถึง 2 ปี อันเป็นผลมาจากการแข่งขัน ในความพยายามที่จะผลักดันให้การบริการเครือข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ สามารถให้บริการแพลตฟอร์มดิจิทัล
ในทุกอุตสาหกรรมทั่วโลก
ความต้องการเพิ่มความเร็วเครือข่ายในระดับ Gbps และการมีแอพพลิเคชันที่หลากหลาย ส่งผลทำให้ 5G มีผลกระทบต่อบทบาทและขอบเขตของการให้บริการโทรคมนาคมอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นการเงินการธนาคาร, ประกันภัย, การขนส่ง, ค้าปลีก, บันเทิง ไปจนถึงพลังงาน
ขณะเดียวกันเครือข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ก็จะกลายเป็นเครื่องมือหลักในการเข้าถึงและเชื่อมต่อ ทั้งระหว่างผู้ใช้งาน และระหว่างคนกับอุปกรณ์หรือเครื่องจักร อันจะส่งผลกระทบต่อทุกสิ่งทุกอย่างบนอินเทอร์เน็ต, รถยนต์ขับเคลื่อนด้วยตัวเอง, หุ่นยนต์ ไปจนถึงระบบเมืองอัจฉริยะให้เกิดการเชื่อมโยงด้วย IoT
การสำรวจของ Ericsson พบว่า ผู้นำด้านเครือข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่กว่า 95% เชื่อว่า 5G จะเข้ามาช่วยสนับสนุนการใช้ข้อมูลปริมาณมหาศาลจากอุปกรณ์ IoT ซึ่งผลสำรวจพบว่ามีการนำ 5G มาใช้ โดย 64% จะใช้เครือข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ในการส่งผ่านข้อมูลไปยังอุปกรณ์ต่างๆ แทนการเชื่อมต่อ WiFi ขณะที่ 38% จะใช้เพื่อดำเนินการด้านสุขภาพ เช่น บริษัทเกี่ยวกับการดูแลสุขภาพใช้อุปกรณ์ IoT ในการเชื่อมต่อ 5G เพื่อตรวจสอบผู้ป่วยที่กำลังฟื้นตัวจากการรักษา และ 36% ใช้ในการควบคุมระยะไกลแบบเรียลไทม์ เช่น บริษัทน้ำมันและก๊าซธรรมชาติใช้การเชื่อมต่อ 5G เพื่อสำรวจและตรวจสอบความพร้อมและความผิดปกติของระบบต่างๆ
“จากการสำรวจพบว่า 64% ของผู้ใช้งาน จะใช้เครือข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ในการส่งผ่านข้อมูลไปยังอุปกรณ์ต่างๆ แทนการเชื่อมต่อ WiFi”
สำหรับมุมมองของ Nokia เชื่อว่าเครือข่าย 5G จะทำให้ผู้ใช้งาน VR สามารถทำงานร่วมกันได้ราวกับว่าอยู่ใกล้กัน ซึ่งอาจจะดูเหมือนวีดีโอเกมยุคใหม่ และการทำงานร่วมกันจากระยะไกล โดย 5G จะทำให้เกิดความเป็นไปได้ในการนำระบบอัตโนมัติมาใช้กับทุกสิ่งทุกอย่าง
ด้าน Facebook เองได้ประกาศว่าโครงการ Telecom Infra Projectเป็นความคิดริเริ่มในการออกแบบเพื่อปรับปรุงโครงสร้างเครือข่ายโทรคมนาคมใหม่ ให้สอดคล้องกับความต้องการใช้งานข้อมูลที่มีเพิ่มขึ้นของโลก โดยบริษัท ได้ร่วมมือกับผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่และผู้จำหน่ายอุปกรณ์ เช่น Nokia, Intel และ Deutsche Telekom เพื่อให้สามารถดำเนินการรับมือกับการใช้งานข้อมูลจำนวนมหาศาล อย่างระบบ VR และการดูวีดีโอออนไลน์ ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
จุดเด่นอีกประการของ 5G คือความสามารถในการลดความหน่วงเวลาได้อย่างมาก (Ultra-low Latency) ทำให้เราสามารถติดต่อสื่อสารกับรถยนต์ได้อย่างต่อเนื่องแบบเรียลไทม์ ช่วยพัฒนาความปลอดภัยของยานพาหนะได้อย่างมาก ยิ่งไปกว่านั้น ความหน่วงเวลาที่ต่ำของ 5G จะช่วยให้เครือข่ายหุ่นยนต์สามารถดำเนินงานที่มีความซับซ้อนได้มากยิ่งขึ้น
อย่างไรก็ตาม ความท้าทายที่สำคัญของผู้ให้บริการเครือข่าย 5G ในอนาคต คือ มาตรฐานการให้บริการ การสร้างโครงสร้างพื้นฐาน และความมั่นคงปลอดภัย ซึ่งในอนาคตข้างหน้า 5G จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ทั้งการใช้งานในชีวิตประจำวัน การทำงาน ความบันเทิงอีกทั้งจะเป็นปัจจัยที่มีผลต่อการให้บริการและโมเดลธุรกิจในทุกอุตสาหกรรมในอนาคต
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี