ในยุคที่สังคมไทยมีการแข่งขันที่สูงขึ้นโดยเฉพาะในเมืองใหญ่ต่างๆทำให้ใครๆ ก็อยากให้ลูกมีสุขภาพดีเติบโตแข็งแรงสมวัยรวมทั้งยังมีความฉลาดล้ำ มีความคิดสร้างสรรค์เป็นเลิศ ซึ่งว่ากันว่าความรู้และทักษะต่างๆ สามารถเรียนรู้ได้ส่วนความคิดสร้างสรรค์ของเด็กจะเปลี่ยนแปลงไปพร้อมกับพัฒนาการและการเจริญเติบโตทางสติปัญญา ทั้งนี้ต้องดูแลเรื่องอาหารและโภชนาการต่างๆให้หลากหลายในปริมาณเหมาะสมในแต่ละช่วงวัยตั้งแต่อยู่ในครรภ์จนเติบโตในแต่ละช่วงวัย
ข้อมูลจาก รศ.พญ.ทิพวรรณ หรรษคุณาชัย กุมารแพทย์ด้านพัฒนาการเด็ก เปิดเผยว่า ถ้าพ่อแม่อยากให้ลูกเป็นนักคิดซึ่งเป็นพื้นฐานของการเป็นเด็กฉลาด สามารถคิด วิเคราะห์ และแก้ไขปัญหาต่างๆ ได้ด้วยตัวเองจะต้องรู้จักส่งเสริมและพัฒนาทักษะการคิดให้ลูกตั้งแต่เยาว์วัย เพราะการคิดเปรียบเสมือนแบบฝึกหัดหรืออาหารชนิดหนึ่งของสมองที่ยิ่งได้ใช้มากเท่าไร เส้นใยประสาทก็จะยิ่งเจริญเติบโตมีกระบวนการคิดวิเคราะห์ที่รวดเร็วและเต็มประสิทธิภาพ
ถึงเวลาแล้วที่คุณจะต้องเตรียมความพร้อมและฝึกฝนลูกให้เป็นนักคิดที่ดี ส่วนจะมีขั้นตอนและวิธีการอย่างไรบ้างนั้นเราไปเรียนรู้พร้อมๆ กัน
1.เปิดโอกาสให้ลูกได้คิดและตัดสินใจ
พื้นฐานสำคัญที่สุดในการสร้างลูกให้เป็น หนูน้อยสร้างสรรค์ คือการเปิดโอกาสให้ลูกได้ลองคิดและปล่อยให้เขาได้ทำสิ่งใหม่ๆ ที่ไม่เคยทำมาก่อนด้วยตนเอง โดยที่ไม่ได้ถูกบังคับหรือตีกรอบความคิดให้ต้องทำตาม ถือเป็นการกระตุ้นให้ลูกคิด กล้าแสดงออก และบ่มเพาะพลังแห่งการสร้างสรรค์ในตัวลูกได้เป็นอย่างดี แต่ทั้งนี้พ่อและแม่ต้องทำเพียงแค่ยืนอยู่ข้างๆ คอยให้คำปรึกษาเมื่อลูกต้องการเท่านั้น อย่าตำหนิ ลงโทษ หรือตัดสินผิดถูก เพราะจะทำให้ลูกกลัวผิด ไม่กล้าคิด ซึ่งเป็นการปิดกั้นจินตนาการของลูก เมื่อบรรยากาศการเรียนรู้เป็นไปอย่างอิสระ ลูกก็จะเป็นเด็กที่มั่นใจ กล้าวางแผน กล้าลงมือทำ และสนุกกับกิจกรรมนั้นมากขึ้น
2.เปลี่ยนข้อสงสัยเป็นคำตอบที่สร้างสรรค์
เมื่อลูกถึงวัยเป็นเจ้าหนูทำไม ถามทุกอย่างที่ขวางหน้า คุณควรถือโอกาสนี้ส่งเสริมการเรียนรู้ของลูกด้วยการตอบคำถาม และฝึกให้เขาต่อยอดความคิด ด้วยการปลูกฝังการเป็นเด็กช่างคิด ช่างสงสัย และรู้จักค้นหาคำตอบ เพื่อช่วยกระตุ้นความอยากรู้อยากเห็นให้เกิดเป็นความคิดที่สร้างสรรค์ โดยบางครั้งคุณอาจจะตั้งคำถามลูกกลับไปบ้าง หรือหากิจกรรมสนุกๆ ให้ลูกได้ต่อยอดความคิด เช่น การวาดรูป เพื่อต่อยอดคำถามให้ลูกได้เล่า ได้ลองแลกเปลี่ยนความคิดเห็น ลูกก็จะได้เรียนรู้ว่าทุกคำถามมีคำตอบและภูมิใจที่ได้แสดงความคิดเห็นให้คุณฟัง
3.ต่อยอดความคิดจากสิ่งรอบตัว
พ่อและแม่สามารถกระตุ้นความคิดสร้างสรรค์ของลูกได้จากการพาเขาไปสัมผัสกับสิ่งแวดล้อมรอบๆ ตัวที่หลากหลาย เช่น ไปสวนสัตว์ พิพิธภัณฑ์ ท่องเที่ยวตามธรรมชาติดูงานศิลปะ หรือเพียงแค่พาเขาออกไปเดินเล่นตามสวนสาธารณะ เพราะการเปลี่ยนสถานที่ทำกิจกรรมประจำวันนอกจากทำให้เขาได้เรียนรู้สิ่งต่างๆ จากการสังเกต ซักถามในสิ่งที่สงสัยจนได้คำตอบแล้ว ยังสร้างแรงบันดาลใจให้ลูกรู้สึกตื่นเต้น อยากค้นหาและได้ประสบการณ์ที่แตกต่างมากขึ้นถือเป็นการฝึกจินตนาการและต่อยอดการเรียนรู้แบบไม่สิ้นสุด
4.ตั้งคำถามกระตุ้นจินตนาการ
พ่อแม่ต้องให้ความสำคัญกับการให้ลูกได้คิดเอง โดยการตั้งคำถามให้ลูกเกิดความอยากรู้ อยากเห็น และอยากค้นคว้าเพิ่มเติม โดยการใช้คำถามประเภท ทำไม? อย่างไร? ที่ไหน? เพื่อให้ลูกได้แสดงความคิดเห็นได้มากกว่าคำที่มีคำตอบเพียงแค่ถูกหรือผิด ใช่หรือไม่ใช่ เท่านั้น ถือเป็นการเปิดโอกาสให้ลูกได้สื่อออกมาถึงพลังความคิดและทักษะการแก้ปัญหา โดยการปล่อยให้ลูกได้ตอบคำถามและแสดงความคิดอย่างเต็มที่ อย่าปิดกั้นความคิด และรับฟังทุกคำตอบที่ลูกบอก โดยมีคุณเป็นผู้ให้ข้อมูลที่ถูกต้องเพิ่มเติม
5.ต้องได้ลองลงมือทำ
เพราะการเรียนรู้ที่ดีที่สุดคือการลงมือปฏิบัติด้วยตัวเอง ดังนั้นนอกจากจะเปิดช่องให้ลูกได้คิดแล้ว พ่อแม่ควรเปิดโอกาสให้ลูกได้มีโอกาสลงมือทำสิ่งต่างๆ รวมถึงการเล่น หรือทำกิจกรรมใหม่ๆ อยู่ตลอด แม้จะต้องใช้เวลานานและไม่ตรงเป๊ะตามแบบที่มันควรจะเป็น แต่นั่นเป็นส่วนที่ทำให้ลูกคุณมีกระบวนการคิด การหาเหตุและผลกับสถานการณ์ตรงหน้า ซึ่งจะทำให้ลูกได้เรียนรู้และได้ประสบการณ์ที่แตกต่างมากขึ้น ในกรณีที่กิจกรรมนั้นไม่อาจทำให้สำเร็จได้ด้วยตนเองหรืออาจไม่ปลอดภัย คุณก็อาจคอยให้คำชี้แนะและดูแลอยู่ใกล้ๆ แต่ยังคงให้เขาได้ทำอย่างอิสระ ได้ลองผิดลองถูกและสนุกกับการเรียนรู้อย่างเต็มที่
6.ปล่อยให้คิดอย่างอิสระ
พ่อแม่ต้องสร้างบรรยากาศที่บ้านให้เอื้อต่อการเรียนรู้ หรือให้ลูกได้ช่วยออกแบบความคิดในการทำกิจกรรมร่วมกับครอบครัวพร้อมลงมือทำด้วยกัน เช่น ให้ทุกวันหยุดมีช่วงเวลาของการวาดภาพ ปั้นแป้งโดว์ตามจินตนาการการทำอาหาร การปลูกต้นไม้ เริ่มตั้งแต่ขั้นตอนการเลือกกระทั่งลงมือทำสำเร็จ โดยไม่ต้องกดดันและมีข้อจำกัด หรือตีกรอบข้อบังคับ จะช่วยให้ลูกได้ฝึกคิดมีจินตนาการและดึงความคิดสร้างสรรค์ได้อย่างอิสระ
นอกจากเคล็ดลับ 6 ข้อนี้แล้ว สิ่งที่พ่อแม่จะต้องหมั่นเติมเต็มให้ลูกอยู่เสมอก็คือ ความรัก ความเข้าใจ หมั่นชื่นชมและให้กำลังใจ เพื่อพัฒนาเขาสู่การเป็นนักคิดที่สร้างสรรค์ในอนาคต
ผศ.(พิเศษ)ดร.อภิสิทธิ์ ฉัตรทนานนท์
ประธานมูลนิธิคุณแม่คุณภาพ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี