วิทยาลัยนานาชาติ มหาวิทยาลัยมหิดล จัดงานเปิดบ้าน MUIC OPEN DAYS : The Matter of Being Different สัมผัสประสบการณ์การเรียนรู้มาตรฐานระดับโลก วันที่ 23-24 สิงหาคมนี้ เวลา 08.30-16.00 น. ณ อาคารอทิตยาทร วิทยาลัยนานาชาติ หลังจากพัฒนาหลักสูตรจนได้รับรองมาตรฐาน AACSB มหาวิทยาลับระดับโลก
รองศาสตราจารย์ แพทย์หญิงจุฬธิดา โฉมฉาย คณบดีวิทยาลัยนานาชาติ มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่า ในศตวรรษที่ 21 นี้ เทคโนโลยีที่ก้าวหน้าส่งผลให้สภาวะของสังคมโลกเปลี่ยนแปลงไปในทุกมิติ ทั้งวิถีชีวิต การคมนาคม การสื่อสาร รวมไปถึงการศึกษาล้วนต้องเผชิญกับการปฏิรูปที่เกิดจากการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีดิจิทัล (Digital Disruption) วิทยาลัยนานาชาติ มหาวิทยาลัยมหิดล (MUIC) สถาบันอุดมศึกษาภาครัฐแห่งแรกของประเทศไทยที่เปิดสอนหลักสูตรนานาชาติจึงเร่งพัฒนาอย่างไม่หยุดยั้งมาตลอดระยะเวลา 33 ปี จนได้รับการรับรองจากองค์กรระดับโลก
“นักศึกษาในปัจจุบันมีการเปลี่ยนแปลงจากสมัยก่อนค่อนข้างมาก มีความเป็นผู้ใหญ่ที่มุ่งมั่นจะเพิ่มทักษะและความชำนาญ เพื่อความได้เปรียบในการทำงาน อาจารย์ต้องเปลี่ยนบทบาทจาก “ผู้สอน” เป็น “ผู้นำกระบวนการ” (Facilitator)หรือต้นแบบ ด้านหลักสูตรก็ต้องมีความยืดหยุ่น ตอบโจทย์ความต้องการที่แตกต่างกันของผู้เรียนแต่ละคน โดยที่ Learner Centric นักศึกษาคือศูนย์กลาง ดังนั้น มหาวิทยาลัยจึงต้องให้มากกว่าความรู้ ซึ่งหลักสูตรของวิทยาลัยนานาชาติเน้นการสร้างประสบการณ์การศึกษาที่นักศึกษาจะได้รับความรู้ ควบคู่ไปกับทักษะในการดำรงชีวิตและการทำงาน พร้อมที่จะจบไปเป็นทรัพยากรอันทรงคุณค่าของสังคม นักศึกษาจะได้รับการฝึกฝนทั้งพื้นฐานของศิลปะและวิทยาศาสตร์ อันเป็นรากฐานของการพัฒนาตนเองและกรอบความคิดแบบเติบโต (Growth Mindset) ซึ่งจะทำให้เขาพร้อมที่จะเรียนรู้และปรับตัวให้เข้ากับสภาวการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไปได้เป็นอย่างดี
“การผลิตบัณฑิตให้มีทักษะที่หลากหลาย และตอบโจทย์ความต้องการที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วของตลาดแรงงานในปัจจุบัน สะท้อนให้เห็นถึงความสำคัญของกระบวนการเรียนการสอน รวมถึงหลักสูตรที่ได้มาตรฐาน และเป็นที่ยอมรับในตลาดแรงงานยุคใหม่ วิทยาลัยนานาชาติ มหาวิทยาลัยมหิดล จึงมุ่งเน้นพัฒนาคุณภาพหลักสูตร จนเป็นที่ยอมรับจากสถาบันรับรองมาตรฐานการศึกษาด้านบริหารธุรกิจและการบัญชีทั่วโลก Association to Advance Collegiate Schools of Business (AACSB) ซึ่งการรับรองมาตรฐานโดย AACSB นี้จะเป็นการยืนยันว่าผู้ที่จบมาจากสถาบันเหล่านี้ จะได้รับโอกาสการจ้างงานที่สูงกว่า”
ด้าน ดร.กันดาภา ตาณะสุต ประธานกลุ่มสาขาวิชาบริหารธุรกิจ วิทยาลัยนานาชาติ มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวเสริมว่า ปัจจุบันมีสถาบันการศึกษาที่มีหลักสูตรด้านการบริหารธุรกิจทั่วโลก ไม่ถึง 5% ที่ได้รับการรับรอง AACSB นี้ ซึ่งการได้รับการรับรองมาตรฐานจาก AACSB นั้น แสดงให้เห็นถึงคุณภาพของหลักสูตรที่ก้าวทันมาตรฐานระดับสากล เพื่อให้มั่นใจได้ว่านักศึกษาที่ผ่านหลักสูตรนี้จะเป็นผู้ที่มีความรู้ความสามารถ และเป็นผู้นำที่มีประสิทธิภาพเมื่อสำเร็จการศึกษา ทั้งนี้ การรับรองมาตรฐานโดย AACSB จะมีการตรวจสอบทุกๆ 5 ปี ดังนั้น หลักสูตรจึงต้องมีการพัฒนาอย่างไม่หยุดนิ่ง นักศึกษาและผู้ปกครองจึงมั่นใจได้ว่าผู้ที่จบจากมหาวิทยาลัยที่ได้รับการรับรองโดย AACSB จะสามารถนำความรู้ไปปฏิบัติจริงได้ และเมื่อต้องการเรียนต่อปริญญาโทหรือเอกในมหาวิทยาลัยชั้นนำทั่วโลกที่ได้รับการรับรองเช่นเดียวกัน ก็ทำให้การติดต่อหรือสมัครเรียนทำได้ง่ายและสะดวกขึ้น
“วิทยาลัยนานาชาติ มหาวิทยาลัยมหิดล ผลิตบัณฑิตระดับปริญญาตรีผ่านหลักสูตรนานาชาติ 6 หลักสูตร และปริญญาโท 2 หลักสูตรโดยผลการสำรวจพบว่า บัณฑิตส่วนใหญ่ได้รับการจ้างงาน และมักได้รับตำแหน่งสำคัญในองค์กร
ชั้นนำทั้งระดับประเทศและนานาชาติชั้นนำของโลก อาทิ วงการธุรกิจ การสื่อสาร อุตสาหกรรมบันเทิง สายศิลปะ เทคโนโลยี การท่องเที่ยวและการบริการ การศึกษา การแพทย์ การวิจัย วิทยาศาสตร์ รวมทั้งในองค์กรของรัฐและองค์กรเอกชนต่างๆ”
ทั้งนี้ วิทยาลัยนานาชาติ มหาวิทยาลัยมหิดล ชวนผู้ปกครอง นักเรียน และผู้สนใจ สัมผัสประสบการณ์การเรียนรู้มาตรฐานระดับโลกได้ในงานเปิดบ้านMUIC OPEN DAYS: The Matter of Being Different วันที่ 23-24 สิงหาคมนี้ เวลา 8.30-16.00 น. ณ อาคารอทิตยาทร วิทยาลัยนานาชาติ มหาวิทยาลัยมหิดล วิทยาเขตศาลายา จ.นครปฐม หรือสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ LINE @muicopenday
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี