กลุ่มอาหารที่มีวิตามิน B1
เพราะ “การกิน” ส่งผลถึงสุขภาพและการดำเนินชีวิตของมนุษย์ ดังนั้นคำกล่าวที่ว่า “You are What you eat” กินอะไรได้อย่างนั้น หากเราเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ครบ 5 หมู่ ร่างกายก็จะแข็งแรง เมื่อร่างกายแข็งแรงก็จะส่งผลต่อสุขภาพจิตแต่ในปัจจุบันพฤติกรรม “การกิน”ของคนไทยเปลี่ยนไปจากเดิมมาก จากการสำรวจพบว่าคนไทยบริโภคน้ำตาลเกินปริมาณที่จำเป็นต่อร่างกาย เฉลี่ยต่อรายสูงถึง 29 ช้อนชา ส่งผลให้เกิดปัญหาเรื่องรูปร่างและสุขภาพ โดยช่วง 10 ปีที่ผ่านมา คนไทยป่วยเป็นโรคอ้วนและเป็นเบาหวานสูงถึง 79 เปอร์เซ็นต์ต่อปี ซึ่งหนึ่งในโรคแทรกซ้อนที่มักตามมาจากการเป็นเบาหวาน คือ โรคปลายประสาทอักเสบ
ล่าสุดเพจ “อย่าเฉยเมื่อเกิดอาการชา”ได้จัดกิจกรรมให้ความรู้ประชาชนในเรื่องของอาการชาโรคปลายประสาทอักเสบ ณ ห้องสมุด ชั้น 2 สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) โดยภายในงานได้มีการตรวจคัดกรองเบื้องต้นอาการชาจากโรคปลายประสาทอักเสบ ด้วยเครื่อง vibrometerนอกจากนี้ยังมีการเสวนาในหัวข้อ “วิตามิน B ต้านชา สำหรับ Hero ที่คุณรัก”เพื่อแนะนำวิธีป้องกันและการดูแลตัวเองเมื่อมีอาการชาจากโรคปลายประสาทอักเสบ และปิดท้ายด้วยกิจกรรม Workshop“ลูกบีบช่วยอาการมือชา” โดยใช้อุปกรณ์ง่ายๆ อย่างถุงเท้า และถั่วเขียว ที่หาได้จากในบ้านมาทำเป็น “ลูกบีบช่วยอาการมือชา” อีกด้วย
ผศ.ดร.เอกราช บำรุงพืชน์
ผศ.ดร.เอกราช บำรุงพืชน์อาจารย์ประจำภาควิชาโภชนวิทยา คณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวถึงพฤติกรรมการบริโภคของคนไทยในปัจจุบันพบว่า “คนไทยมีพฤติกรรมการกินที่เปลี่ยนไป จะเห็นได้ชัดว่าคนไทยส่วนใหญ่ชอบอาหารที่มีรสหวาน มัน เค็ม โดยเฉพาะรสหวานซึ่งพบว่าคนไทยชอบดื่มน้ำหวาน อาทิชา กาแฟ ชานมไข่มุก ที่มีปริมาณน้ำตาลมากกว่าที่ร่างกายต้องการ และจากการสำรวจพบว่า คนไทยได้รับน้ำตาลสูงถึงวันละ 29 ช้อนชา จึงส่งผลให้เป็นโรคอ้วนและโรคเบาหวานสูงถึง 79 เปอร์เซ็นต์ นอกจากนี้จากข้อมูลการสำรวจพบว่า ผู้ป่วยที่เป็นโรคเบาหวาน และโรคอ้วน จะมีภาวะขาดวิตามิน B1, B6 และ B12 เนื่องจากน้ำตาลที่อยู่ในเลือดจะไปทำลายวิตามินบีในร่างกาย ทำให้ผู้ป่วยเหล่านี้มักมีอาการโรคปลายประสาทอักเสบแทรกซ้อน โดยจะมีอาการชาตามบริเวณปลายมือ ปลายเท้าเพราะขาดวิตามิน B1, B6 และ B12 ซึ่งมีส่วนช่วยในการทำงานของสมองและเส้นประสาท และยังช่วยซ่อมแซมส่วนที่สึกหลอในร่างกาย”
ผศ.ดร.เอกราช ยังเผยว่า “โรคปลายประสาทอักเสบ” มีสาเหตุมาจากเส้นประสาทมีอาการบาดเจ็บ เช่นถูกกดทับ หากนั่งเป็นเวลานาน ผู้ที่ดื่มแอลกอฮอล์มากเกินไป มีภาวะขาดวิตามิน B1, B6 และ B12 ผู้ที่เสี่ยงต่ออาการชาจากโรคปลายประสาทอักเสบ ได้แก่ ผู้สูงอายุ ผู้ป่วยโรคเบาหวาน ผู้ที่รับประทานอาหารเจหรือมังสวิรัติ และผู้ที่ชอบเล่นมือถือหรือใช้คอมพิวเตอร์เป็นเวลานาน ส่วนอาการที่เกิดขึ้นบ่อยเมื่อเป็นโรคชาปลายประสาทอักเสบ เช่นมีอาการชาปลายมือ มีอาการชาปลายเท้าชาปวดเหมือนเข็มทิ่ม และมีอาการชาปวดแสบปวดร้อน
ตรวจวัดอาการโรคปลายประสาทอักเสบ
“ผู้ที่ชอบทานอาหารประเภท ปลาร้า ใบชา ใบเมี่ยง หมากพลู และทานมังสวิรัติ มีความเสี่ยงต่อการเป็นโรคปลายประสาทอักเสบเช่นกัน เนื่องจากอาหารประเภทนี้จะมีสารทำลายวิตามิน B1หากรับประทานต่อเนื่องเป็นระยะเวลานานอาจทำให้ขาดวิตามินเหล่านี้ได้ รวมถึงผู้สูงอายุก็เป็นอีกหนึ่งกลุ่มเสี่ยง เพราะผู้สูงอายุมักพบภาวะขาดวิตามิน B1, B6 และ B12 เนื่องจากทานอาหารได้น้อยกว่าคนปกติ รวมถึงร่างกายของผู้สูงอายุดูดซึมวิตามินได้ลดลง
สำหรับการดูแลรักษาโรคปลายประสาทอักเสบ ควรหลีกเหลี่ยงการไขว้ขาและการนั่งในท่าที่อาจกดทับเส้นประสาทควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดลดการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และรับประทานวิตามิน B1, B6 และ B12 อย่างเหมาะสมเพราะวิตามิน B มีส่วนช่วยในการทำงานของระบบประสาทและสมอง และช่วยซ่อมแซมปลอกหุ้มเซลล์ประสาท”
ท่าบริหารลดความเสี่ยงปลายประสาทอักเสบ
ผศ.ดร.เอกราช กล่าวปิดท้ายว่า การกิน คือ สิ่งสำคัญที่สุดในชีวิตของคนเรา เพราะอาหารและสิ่งต่างๆ ที่เรารับประทานย่อมมีผลต่อการเจริญเติบโตและความแข็งแรงของร่างกาย ดังนั้นอยากฝากถึงคนไทยทุกคนว่า ถึงเวลาแล้วที่ทุกคนจะหันมาใส่ใจสุขภาพ ดูแลเรื่องอาหาร เลือกกินอาหารที่มีประโยชน์ ครบ 5 หมู่ ถ้าเราต้องการมีสุขภาพที่ดีเราต้องปรับพฤติกรรมการกินโดยเฉพาะกลุ่มคนที่เป็นโรคอ้วน หรือ โรคเบาหวาน เพราะนอกจากความเสี่ยงของโรคที่คุณเป็นแล้ว ยังเสี่ยงต่อการเป็นโรคปลายประสาทอักเสบอีกด้วย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี