ทรงห่วงใยฤาษีดัดตน
ด้วยวันที่ ๒๙ ตุลาคมของทุกปี เป็นวันภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทยแห่งชาติ โดยถวายพระราชสมัญญานามแด่พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว พระมหาเจษฎาราชเจ้ารัชกาลที่ ๓ เป็น “พระบิดาแห่งการแพทย์แผนไทย” ดังนั้นในวันนี้ ๒๙ ตุลาคมที่ผ่านมา จึงมีการจัดงานวันภูมิปัญญาการแพทย์ไทยแห่งชาติขึ้น ตามกำลังวังชาหรือตามมีตามเกิดของหน่วยงานที่ให้ความสำคัญ โดยกลุ่มงานการแพทย์แผนไทย และการแพทย์ทางเลือก ที่จะผลักดันให้มีกิจกรรมดังกล่าวขึ้นคงไม่พ้นการจัดนิทรรศการ ตำรับยาสมุนไพรไทย ส่วนงานนั้นน่าสนใจหรือจัดแล้วสำคัญระดับชาติแค่ไหนเป็นเรื่องสำนึกคนและการยกระดับความสำคัญกันจริงจัง อาทิตย์นี้ตามรอยไปที่วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม ซึ่งตั้งอยู่ท้ายพระบรมมหาราชวัง และใกล้ชุมชนท่าเตียน ซึ่งเป็นแหล่งความรู้ของตำรับตำรายาไทย การนวดของฤๅษีดัดตน ที่จุดประกายการจัดงานให้เป็นต้นแบบของแผ่นดิน ในฐานะวัดหลวงแห่งนี้เป็นหอสมุดชาวบ้านแห่งแรกที่มีการจารึกตำรับตำราวัดโพธิ์ ซึ่งเผยแพร่ไปทั่วโลกและได้รับการประกาศยกย่องว่าเป็นมรดกความทรงจำของโลก งานนั้นนอกจากจัดกิจกรรมเผยแพร่ความรู้แล้ว ยังเผยแพร่งานทางวิชาการบรรยายความรู้เรื่องยาสมุนไพร ตำรับยาแก้ไข้ ยาปรับธาตุ พิกัดเบญจกูลใช้เป็นยาปรับธาตุ กระจายกองลมและโลหิต บำรุงกองธาตุทั้ง ๔ให้บริบูรณ์ รวมทั้งเล่าเรื่องทางประวัติศาสตร์ภูมิปัญญาชาติการให้บริการตรวจธาตุเจ้าเรือน การให้บริการด้วยศาสตร์การแพทย์แผนไทย การแพทย์พื้นบ้านไทย และการแพทย์ทางเลือกฟรี เพื่อรำลึกและเทิดพระเกียรติต่อคุณูปการที่พระองค์รัชกาลที่ ๓ ทรงทำนุบำรุงการแพทย์แผนไทยให้รุ่งเรืองในทุกด้าน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ด้านเภสัชกรรมไทย การนวดไทย ที่ปรากฏอยู่ตามศาลาในวัดโพธิ์แผ่นจารึกตำรายา ซึ่งมีถึง ๑,๐๖๑ ตำรับ ตำราการนวดไทยจำนวน ๖๐ ภาพ รูปหล่อฤๅษีดัดตนที่มีส่วนผสมของสังกะสีกับดีบุก จำนวน ๘๐ ท่า เพื่อทดแทนท่าฤๅษีดัดตนเดิมที่มีในสมัยรัชกาลที่ ๑ ทำด้วยเนื้อดินและชำรุดสูญหายไป นับเป็นหลักฐานทางประวัติศาสตร์อันล้ำค่าของชาติไทย ที่เป็นฐานรากให้มีการศึกษาเรียนรู้และต่อยอดจนดูแลสุขภาพผู้คนมาหลายทศวรรษจนถึงปัจจุบัน วัดโพธิ์หรือวัดพระเชตุพนฯแห่งนี้ ซึ่งถือว่าเป็นมหาวิทยาลัยแห่งแรกของสยามประเทศแหล่งรวมสรรพวิชาหลากหลายสาขา ที่มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลก ด้วยองค์การการศึกษาวิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (UNESCO) ได้ประกาศรับรองขึ้นทะเบียนวัดโพธิ์ เป็นมรดกความทรงจำแห่งโลก เมื่อวันที่ ๒๗ พฤษภาคม พ.ศ.๒๕๕๔
พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว พระมหาเจษฎาราชเจ้า รัชกาลที่ ๓ เป็นกษัตริย์ที่มีพระมหากรุณาธิคุณยิ่งในการรวบรวมองค์ความรู้ ด้านการแพทย์แผนไทยมาเผยแพร่ในวงกว้าง ทำให้ภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทยซึ่งเป็นรากฐานของชาติไทยไม่สูญหายทรงบูรณปฏิสังขรณ์วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม ราชวรมหาวิหาร และทรงโปรดให้จารึกตำราการแพทย์แผนไทยติดประดับไว้ตามศาลาราย เช่น แผนฝีดาษ ฝียอดเดียวแผนชัลลุกะ แผนลำบองราหู แผนกุมารและแม่ซื้อ อีกทั้งสร้างรูปฤๅษีดัดตน ตั้งไว้ศาลาละ ๔-๕ รูป รวม ๑๖ หลัง จนเป็นแหล่งตำราแห่งเดียวในแผ่นดินจนมีประกาศตำรับยา ๒๖๕ ตำรับกระทรวงสาธารณสุขจึงเสนอถวายพระราชสมัญญา “พระบิดาแห่งการแพทย์แผนไทย” แด่ พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว พระมหาเจษฎาราชเจ้า และกำหนดให้วันที่๒๙ ตุลาคม ของทุกปี เป็น “วันภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทยแห่งชาติ” โดยคณะรัฐมนตรีได้ลงมติเห็นชอบเมื่อวันที่ ๑๖ มิถุนายน ๒๕๕๘ ซึ่งในอนาคตนั้นงานกิจกรรมและการเทิดพระเกียรติ รัชกาลที่ ๓ ควรจะเป็นได้งานระดับนานาชาติในฐานะที่การแพทย์แผนไทยและโอสถศาลานั้นได้ดูแลผู้คนให้หายเจ็บป่วยและมีสุขภาพยืนยาวมาหลายศตวรรษสิ่งที่อยากเห็นในวันหน้าคือลิขสิทธิ์ตำรับยาไทยโบราณและนวัตกรรมจากสมุนไพรไทยไปไกลระดับโลก จากผลสัมฤทธิ์ทางยาไทยที่สรรพคุณไม่แพ้สมุนไพรของชาติอื่น กิจกรรมที่วัดพระเชตุพนฯนั้นจัดถึงวันที่ ๓ พฤศจิกายน หลังจากงานจะมีส่วนดีให้สำคัญไปกว่าแพทย์แผนปัจจุบันหรือไม่..ไม่รู้แต่ต้อง ขอบคุณโรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศรที่ได้สืบสาน-ต่อยอดเรื่องสมุนไพรและแพทย์แผนไทย ก็คงเถิดเทิงรำมะนาไป..จนต่างชาติเอาตำรับตำราไปจดลิขสิทธิ์เป็นเจ้าของนั่นแหละ ..จึงจะตื่นจากหลับใหลกันได้เสียที
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี