ช่วงนี้เป็นช่วงการเปิดเรียนของหลายโรงเรียนแล้ว น้องๆ นักเรียนต่างได้กลับไปเรียนพบปะเพื่อนๆ แบบ ฐานวิถีชีวิตใหม่ (New Normal) ใครไปโรงเรียนก็อยากไปอวดหน้าใสกับเพื่อนๆ แต่สิวเป็นปัญหาที่กวนใจวัยรุ่นทุกๆ คน สิวจึงเป็นสิ่งที่น่ากลัวและทำความรำคาญใจให้กับวัยรุ่นทุกคนเพราะผลลัพธ์หลังจากเป็นสิว ไม่ว่าจะรอยแดงหรือรอยดำจากสิว หลุมสิว แผลเป็นจากสิวซึ่งต้องใช้เวลานานกว่าจะหาย
ข้อมูลจาก พญ.ปุณณภา ดีวงกิจ แพทย์ผิวหนัง คลินิกสยามเดอร์มาติกส์ เปิดเผยว่าสิวนั้นมีหลายแบบทั้งแบบอักเสบและไม่อักเสบ สำหรับการรักษาสิวมีตั้งแต่การใช้ยาทา ยากิน การทากรด การฉีดยา การใช้แสงและเลเซอร์ซึ่งการรักษาสิวนั้นต้องเป็นการรักษาแบบองค์รวมทั้งแพทย์และคนไข้ช่วยกันผลการรักษาจึงจะออกมาดีที่สุด สามารถแบ่งการรักษาตามระดับความรุนแรงของสิวเป็นระดับน้อย ปานกลางและรุนแรง ซึ่งแพทย์ผิวหนังจะเป็นคนประเมินให้แก่คนไข้
สำหรับ การใช้ยาทารักษาสิว มีหลากหลายชนิด แต่ละชนิดจะออกฤทธิ์เด่นคนละแบบ ดังนี้
l ยาBenzoyl peroxide หรือที่รู้จักว่าเป็นยาที่ทาก่อนล้างหน้า ซึ่งจะเด่นเรื่องการรักษาสิวอักเสบหรือสิวหัวหนอง สามารถใช้ได้กับทุกระดับความรุนแรงสิว ที่สำคัญไม่ทำให้เกิดเชื้อแบคทีเรียดื้อยา
l ยาทากลุ่มวิตามินเอ ซึ่งยากลุ่มนี้มีหลายตัวและความเข้มข้นให้เลือกใช้ ขึ้นกับสภาพผิวของคนไข้ ยากลุ่มวิตามินเอเป็นยาทาที่ครอบคลุมสาเหตุการเกิดสิวได้เกือบครบทุกสาเหตุ ทั้งช่วยลดความมันของผิว ทำให้รูขุมขนมีการผลัดเซลล์ได้อย่างปกติและลดการอักเสบได้นอกจากนี้ ยาทากลุ่มนี้บางตัวที่ความเข้มข้นสูงพอเมื่อทาต่อเนื่อง 3-6 เดือนจะมีฤทธิ์ลดริ้วรอยบางๆได้ (anti-aging)
l ยาทาสิวกลุ่มยาปฏิชีวนะ ที่นิยมใช้คือ Clindamycin ซึ่งออกฤทธิ์ยับยั้งเชื้อแบคทีเรียและลดการอักเสบ จะใช้รักษาสิวอักเสบหรือสิวหัวหนองเป็นหลัก มักจะเป็นยาที่ได้จากร้านยา เมื่อใช้แล้วจะรู้สึกว่าสิวยุบดีช่วงเดือนแรก หลังจากนั้นจะรู้สึกว่าทาแล้วสิวไม่ยุบหรือไม่ดีเท่าเดือนแรกที่ใช้ การใช้ยาตัวนี้ตัวเดียวต่อเนื่องจะทำให้เกิดปัญหาเชื้อแบคทีเรียดื้อยาได้ จึงไม่แนะนำให้ซื้อยารักษาสิวเองหรือใช้ยากลุ่มนี้รักษาสิวเพียงตัวเดียว
l ยากลุ่ม Azelaic acid เป็นยาที่ใช้มาค่อนข้างนานมีฤทธิ์ละลายหัวสิว ยับยั้งแบคทีเรียและลดการอักเสบได้ ทั้งนี้ ยังสามารถช่วยเรื่องรอยดำจากสิวได้อีกด้วย แต่การใช้ยากลุ่มนี้ในช่วงแรกอาจจะรู้สึกยิบๆที่ผิวได้ ซึ่งจะเป็นเพียงระยะสั้นๆ เราก็พอทราบยาทาสิวที่ใช้กันบ่อยแล้ว
นอกจากนี้ยังมีกลุ่ม ยากินรักษาสิว สำหรับการเลือกใช้จะขึ้นกับระยะความรุนแรงของโรคและการตอบสนองต่อการรักษาของคนไข้
l ยาปฏิชีวนะในรูปแบบกิน จะเลือกใช้ยากลุ่มนี้ในกลุ่มคนไข้ที่เป็นสิวระยะปานกลางถึงรุนแรง ตัวที่ใช้กันบ่อยและเป็นยาตัวแรกคือ doxycycline มีฤทธิ์ลดการอักเสบและยับยั้งการเจริญเติบโตของแบคทีเรีย ยากลุ่มนี้ห้ามใช้ในคนท้อง เด็กอายุต่ำกว่า 8 ปี หรือคนที่มีประวัติแพ้ยา การกินยาปฏิชีวนะเพื่อรักษาสิวนั้นต้องใช้ระยะเวลาในการกินเป็นเดือน และควรอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์ผิวหนัง เพื่อป้องกันปัญหาดื้อยาในอนาคต ทั้งนี้การใช้ยาปฏิชีวนะแบบกินควรใช้คู่กับยาทารักษาสิว ไม่ควรใช้เป็นยารักษาเพียงตัวเดียว นอกจากมีกลุ่มยาปฏิชีวนะอื่นที่ใช้รักษาสิวได้ อันได้แก่ erythromycin, azithromycinและ bactrim
l ยากินกลุ่มฮอร์โมน (Hormonal agents) ซึ่งยากลุ่มนี้มักจะเก็บไว้ใช้รักษาในกลุ่มคนไข้หญิง ได้แก่ ยาคุมกำเนิดที่มีส่วนประกอบของฮอร์โมนเอสโตรเจน ซึ่งจะมีฤทธิ์ลดการสร้างฮอร์โมนแอนโดรเจน ซึ่งที่ทำให้ต่อมไขมันผลิตไขมันมากขึ้นและเกิดสิวตามมา ยาคุมกำเนิดจึงสามารถลดได้ทั้งสิวอักเสบและสิวอุดตัน นอกจากนี้ในกลุ่มที่มีปัญหาฮอร์โมนผิดปกติและมีภาวะถุงน้ำรังไข่ ลักษณะอาการคือหน้ามัน สิวขึ้นมาก ขนขึ้นเยอะผิดปกติ ประจำเดือนไม่มาตามปกติ คนไข้กลุ่มนี้การรักษาด้วยยาคุมกำเนิดจะให้ผลดี แต่การใช้ยาคุมกำเนิดในการรักษาสิวนั้นมีข้อห้ามในคนไข้บางกลุ่ม เช่น คนท้อง ความดันโลหิตสูง เป็นมะเร็งเต้านม เป็นต้น เพราะฉะนั้นการเริ่มใช้ยานี้ควรอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ยาในกลุ่มฮอร์โมนที่ใช้รักษาสิวตัวอื่นคือ ยา Spinorolactoneออกฤทธิ์ยับยั้งฮอร์โมนแอนโดรเจนโดยไปลดการผลิตฮอร์โมนเพศชาย (ฮอร์โมนเทสโทสเตอโรน) ซึ่งการนำมารักษาสิวนั้นเราจะเริ่มด้วยปริมาณที่ต่ำสุดก่อน เพื่อลดผลข้างเคียงของยา ยากลุ่มนี้ใช้ระยะเวลาในการออกฤทธิ์เป็นหลักเดือนจึงจะเห็นผล
l ยากินกลุ่มวิตามินเอ (Retinoicacid)เช่น Isotretinoin เป็นยาที่มีการใช้มามากกว่า 30 ปีในสหรัฐอเมริกาในการรักษาสิวระดับรุนแรง หรือคนไข้ที่รักษาด้วยวิธีอื่นแล้วยังไม่ได้ผลการรักษาดีเท่าที่ควร โดยยาตัวนี้จะลดการผลิตไขมันของต่อมไขมัน ลดสิวและรอยแผลเป็นหลังจากเกิดสิวได้ยากลุ่มนี้มีผลข้างเคียงทำให้เกิดริมฝีปากแห้งและตาแห้งได้ นอกจากนี้ ยังสามารถทำให้ค่าเอนไซม์ในตับสูงขึ้นและค่าไขมันในเลือดสูงกว่าเกณฑ์ได้ในคนไข้ที่เพิ่งเริ่มกินยาหรือปรับขนาดยาฉะนั้นก่อนเริ่มกินยาตัวนี้ควรเจาะเลือดเพื่อดูผลเลือดพื้นฐานของคนไข้ก่อนและเจาะเลือดตามดูอีกครั้งเมื่อกินยาต่อเนื่องได้ประมาณ 2 เดือน หากค่าผลเลือดมีความผิดปกติ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะเป็นคนปรับยาหรือพิจารณาการใช้ยา ยากลุ่มนี้คนไข้จึงไม่ควรซื้อกินเอง ควรอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ การกินยาในกลุ่มนี้มีความจำเป็นที่จะต้องกินยาอย่างต่อเนื่อง
การดูแลรักษาสิวเป็นเรื่องที่ต้องทำความเข้าใจ หากมีปัญหาสิวให้ไปพบแพทย์ผิวหนังเพื่อรับการรักษาที่ถูกวิธีและเหมาะแก่สภาพผิวจะดีกว่า ติดตามข่าวสารได้ที่ www.facebook.com/Dermatiks/
ผศ.(พิเศษ)ดร.อภิสิทธิ์ ฉัตรทนานนท์
ประธานกรรมการ มูลนิธิคุณแม่คุณภาพ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี