ชญาธนุส ศรทัตต์
ข่าวคราวเงียบหายไปพักใหญ่หลังจากถูกตัดสิทธิ์จากการประกวด มิสยูนิเวิร์ส ไทยแลนด์ 2020 “เฌอเอม ชญาธนุส” อดีตหนึ่งในตัวเก็งของเวทีประกวด เปิดใจมุ่งงานถนัดเชิงสร้างสรรค์สู่อาชีพวิทยากร-นักเขียน และเตรียมปั้นโครงการเพื่อสังคมภายในปี 2564
นางสาวชญาธนุส ศรทัตต์ หรือ “เฌอเอม” เปิดเผยว่า “ที่ผ่านมา สำหรับตนเองมีข่าวต่างๆ เกิดขึ้นในทิศทางต่างๆ มีทั้งคนชอบและคนไม่ชอบ คนเข้าใจและคนไม่เข้าใจ ทำให้ต้องกลับมาพิจารณาตนเองกับสิ่งที่เกิดขึ้น เพื่อปรับปรุงความรู้สึก วางแนวทางการดำเนินชีวิตต่อไป ตนเองวางชีวิตแบบมี Passion เพราะการมีเป้าหมายจะทำให้รู้สึกว่าได้มุ่งไปข้างหน้าตลอดเวลาส่วนประสบการณ์ที่ได้รับจากงานต่างๆ มีทั้งดีไม่ดีนำมาปรับใช้ในชีวิต ส่วนความผิดพลาดใดๆ ที่ผ่านมาคือบทเรียนที่มีค่าที่เรายินดีจะเก็บเอาไว้และไม่มีการขึ้นเวทีประกวดใดๆ อีกต่อไป
อย่างไรก็ตาม งานที่ทำส่วนตัวขอเลือกทำงานที่มีความสุข เหมาะสมกับความถนัดของตนเอง คงไม่ได้อยู่เบื้องหน้า เพราะความสนใจอยู่ที่การทำงานเบื้องหลังมากกว่า ซึ่งเอมสนใจมาสักพักหนึ่งแล้ว เอมมีความถนัดในวิชาชีพและทำได้ดีคือ ด้านการพูด ในลักษณะวิทยากร พิธีกร ทักษะการเขียนหนังสือ บอกเล่าเรื่องราว สิ่งเหล่านี้เป็นการต่อยอดทางความคิด รวมไปถึงทักษะการวาดภาพและการ์ตูนญี่ปุ่น ส่วนตัวชอบความเรียบง่าย สบายๆ ไม่ซับซ้อน เปิดใจรับสิ่งใหม่ๆเสมอ ชอบการเรียนรู้ในวิถีชีวิตและความแตกต่างของสังคม ย้ำขอให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ความสามารถของตนเองในด้านต่างๆ
ฉะนั้นชีวิตส่วนตัวจะไม่หวือหวาเหมือนก่อนหน้านี้ ปกติก็เป็นคนที่ชอบพักผ่อนอยู่แล้ว หากว่างก็มักอยู่บ้านเฉยๆ เขียนหนังสือ อ่านหนังสือ แต่งบ้าน ซื้อดอกไม้ ออกกำลังกาย ใช้ชีวิตในหนึ่งวันให้คุ้มค่า แบบ Slow life ไม่เร่งรีบ ชีวิตหลังจากนี้เตรียมวางแพลนเรื่องการศึกษาต่อด้านปริญญาตรี สาขากำลังพิจารณาอยู่ หรือศึกษาต่อด้านปริญญาโท สาขาปรัชญาธุรกิจ แต่ไม่มีแผนเล่นการเมืองอย่างแน่นอนค่ะ”
ทั้งนี้ เธอเตรียมโครงการเพื่อการกุศลในปี 2564 ที่ตั้งใจทำอย่างมาก โดยใช้ทักษะความถนัดด้านการวาดภาพ บวกแรงบันดาลใจจากตนเอง สิ่งที่ทำเหล่านี้ไม่ต้องการให้ใครมาชื่นชอบ เพียงแค่แสดงจุดยืนในชีวิตให้สมดุลในด้านการทำงานและเป้าหมายในชีวิต คือมีความสุขนั่นเอง ซึ่งโปรเจกท์ที่กำลังวางแผนเริ่มจากการคิดว่าเราต้องการอะไร และออกมาเป็นผลที่ได้ประโยชน์ต่อส่วนรวมและช่วยเหลือผู้อื่น ซึ่งทำให้เรามีไฟในการทำงานมากขึ้น คิดแค่ว่าเป็นพลเมืองที่จะช่วยเติมเต็มสังคม ทำที่ๆ เราอยู่ให้น่าอยู่มากขึ้น งานนี้ทำด้วยใจจริง ผลลัพธ์ที่ได้สังคมก็ขับเคลื่อนต่อไปในทิศทางที่ดี
นอกจากนี้ เธอยังทิ้งท้าย กับบทเรียนที่ผ่านมาว่า “ทุกคนเคยผิดพลาด การให้โอกาสกันและกัน มองกันแง่ดี ให้อภัยต่อกันในสังคม สิ่งเหล่านี้ทำให้สังคมสงบสุข ตนเองไม่ใช่คนที่เพอร์เฟกท์ แต่มั่นใจว่าเป็นส่วนหนึ่งของสังคมที่จะคอยสร้างสรรค์ผลงานดีๆ จากศักยภาพที่ตนเองมี เพราะเรารู้แล้วว่าอะไรคือสิ่งที่เรารัก และดีใจมากๆ ที่สิ่งนั้นจะส่งต่อสิ่งดีๆให้คนอื่นได้อีก ดังนั้น บริบทต่อจากนี้คงจะเห็นอีกมุมหนึ่งที่เป็นตัวตนของตนเองจริงๆ นั่นเอง”
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี