วันนี้มาคุยเกี่ยวกับเบาหวานกันต่อกับ “ไขปัญหากับอายุรแพทย์ โดยราชวิทยาลัยอายุรแพทย์แห่งประเทศไทย” นะครับ สัปดาห์ก่อนเราได้ทราบกันแล้วว่าผู้ป่วยโรคเบาหวานจะมีอาการอย่างไร และเราจะวินิจฉัยโรคเบาหวานได้อย่างไร วันนี้มาดูว่าเมื่อทราบว่าเป็นโรคเบาหวานแล้วทำไมจึงต้องควบคุมเบาหวานให้ดี

ถ้าเป็นเบาหวานแล้วแต่ไม่รักษาหรือไม่ควบคุมเบาหวานให้ดี เช่น ไม่ควบคุมอาหารไม่รับประทานยาหรือฉีดอินซูลินอย่างสม่ำเสมอ นอกจากจะทำให้อาการของโรคเบาหวานไม่ดีขึ้นแล้ว ยังมีโอกาสเกิดภาวะแทรกซ้อนของเบาหวานทั้งแบบเฉียบพลันและแบบเรื้อรัง

ภาวะแทรกซ้อนของเบาหวานแบบเฉียบพลัน มักพบได้บ่อยในผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 1 แต่ก็พบได้ในผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 2 เช่นกัน โดยอาจเกิดจากการที่ไม่ได้รับการวินิจฉัยและรักษา หยุดยารักษาเอง หรือมีการเจ็บป่วยอื่นๆ ที่ทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูงมาก ทำให้ปัสสาวะมากจนความดันโลหิตต่ำหรือช็อก บางครั้งทำให้เลือดเป็นกรดรุนแรง หายใจเร็ว หอบเหนื่อยผู้ป่วยเบาหวานที่เกิดภาวะแทรกซ้อนแบบเฉียบพลันดังกล่าว หากไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที อาการอาจรุนแรงจนขั้นเสียชีวิตได้

ภาวะแทรกซ้อนของเบาหวานแบบเรื้อรัง เป็นภาวะหรือโรคที่เกิดในผู้ป่วยเบาหวานทั้งที่เป็นเบาหวานชนิดที่ 1 และชนิดที่ 2 ที่เป็นมานาน โดยเฉพาะในผู้ป่วยที่ควบคุมเบาหวานได้ไม่ดีภาวะแทรกซ้อนระยะยาวของโรคเบาหวาน ได้แก่ โรคหัวใจขาดเลือด ทำให้มีอาการเจ็บหน้าอกหัวใจวาย จนเสียชีวิตได้ โรคหลอดเลือดสมอง ทำให้เกิดแขนขาอ่อนแรงเป็นอัมพาต โรคประสาทส่วนปลาย ทำให้มีอาการชาปลายมือปลายเท้า โรคหลอดเลือดส่วนปลาย ทำให้เป็นแผลที่นิ้วเท้าได้ง่าย บางครั้งรุนแรงจนต้องตัดขา โรคไตเรื้อรัง ทำให้มีอาการบวม อ่อนเพลีย หากเป็นมากอาจจำเป็นต้องรับการล้างไต และโรคเบาหวานขึ้นตา ทำให้ตาพร่ามัว จนถึงตาบอดได้

ดังนั้นเมื่อทราบว่าเป็นโรคเบาหวานแล้ว จะต้องดูแลรักษาอย่างสม่ำเสมอเพื่อควบคุมระดับน้ำตาลให้ได้ตามเป้าหมายเพื่อลดภาวะแทรกซ้อนดังกล่าวกันนะครับ แล้วอย่าลืมติดตามเรื่องเบาหวานตอนต่อไปอังคารหน้า มาดูว่าผู้ป่วยเบาหวานควรจะดูแลตนเองอย่างไร พบกับ“ไขปัญหากับอายุรแพทย์ โดยราชวิทยาลัยอายุรแพทย์แห่งประเทศไทย” ทุกวันอังคารนะครับ

พลอากาศโท นายแพทย์อนุตตร จิตตินันทน์

ประธานราชวิทยาลัยอายุรแพทย์แห่งประเทศไทย