เสด็จเตี่ย กรมหลวงชุมพรฯ ทรงต้องการให้กิจการทหารเรือไทยมีความเจริญก้าวหน้า และเป็นกำลังช่วยป้องกันรักษาความมั่นคงของประเทศชาติ พระองค์จึงทรงทุ่มเทพระสติปัญญาเพื่อพัฒนากองทัพเรือไทย และทรงย้ำเตือนให้ทหารเรือทุกคนที่พระองค์ท่านทรงมองว่าเป็นเช่นลูกเช่นหลานมีความเชี่ยวชาญในการทำหน้าที่ทหารเรือไทย
แนวหน้าวาไรตี้สัปดาห์นี้ ดร.เฉลิมชัย ยอดมาลัยนำคุณไปสนทนากับ หม่อมราชวงศ์ จิยากร อาภากร เสสะเวชประธานมูลนิธิราชสกุลอาภากร ในพลเรือเอก พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอาภากรเกียรติวงศ์ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ ถึงวาระครบรอบ 140 ปี วันคล้ายวันประสูติของพระองค์ท่าน
กราบเรียนถามคุณหญิงในฐานะประธานมูลนิธิราชสกุลอาภากรฯ และในฐานะสมาชิกราชสกุลอาภากร กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ ว่าในวาระครบรอบ 140 ปี วันคล้ายวันประสูติของกรมหลวงชุมพรฯ ในปีนี้ ทางราชสกุลอาภากรจัดงานสำคัญใดบ้างครับ
ม.ร.ว.จิยากร : พระองค์ท่านประสูติวันอาทิตย์ที่19 ธันวาคม 2423 ปีมะโรง ทรงเป็นพระราชโอรสลำดับที่ 28ในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว กับเจ้าจอมมารดาโหมดดังนั้นทุกปีในวันคล้ายวันประสูติของพระองค์ท่าน ราชสกุลอาภากรรวมถึงผู้ที่เคารพรักพระองค์ได้ร่วมกันจัดพิธีทำบุญเพื่ออุทิศถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระองค์ท่านในหลายสถานที่ ตามแต่ละกลุ่มมีความสะดวกในการจัดงาน ส่วนราชสกุลอาภากรนั้นได้ทำบุญอุทิศถวายพระองค์ท่านที่วัดราชบพิธสถิตมหาสีมารามฯ และวันเดียวกันนี้มูลนิธิราชสกุลอาภากรได้จัดทัวร์ตามรอยพระบาทเสด็จเตี่ยด้วยค่ะ เพื่อให้ทุกท่านที่เคารพรักพระองค์ท่านได้ทราบว่าเสด็จเตี่ยทรงมีคุณูปการต่อกิจการกองทัพเรือไทย โดยเริ่มตั้งแต่พระราชวังกรุงธนบุรี กรมอู่ทหารเรือ ราชนาวิกสภา และปิดท้ายรายการที่วิหารน้อย สุสานหลวง วัดราชบพิธฯ ค่ะ ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากผู้ที่เราเคารพพระองค์ท่านเป็นอย่างดี
คุณหญิงเรียกพระนามพระองค์ท่านว่าเสด็จเตี่ย ขอกราบเรียนถามว่าคำว่าเสด็จเตี่ยนี่มีที่มาอย่างไรครับ
ม.ร.ว.จิยากร : พระองค์ท่านทรงให้ความเป็นกันเองกับทหารเรือทุกคน เพราะทรงเห็นว่าทหารเรือก็คือลูกหลานของพระองค์ ดังนั้นเพื่อให้ไม่เกิดความห่างไกลกัน จึงทรงให้เรียกพระองค์ท่านว่า เตี่ย ซึ่งเป็นคำจีนที่คนไทยรู้จักเป็นอย่างดี และทำให้เกิดความใกล้ชิดกันมากขึ้นค่ะ เมื่อทหารเรือเรียกพระนามพระองค์ท่านว่าเตี่ย ก็จึงเติมคำว่าเสด็จนำหน้าด้วย แต่พระองค์ท่านโปรดให้เรียกว่าเตี่ยมากกว่า เพราะมีความใกล้ชิดกันมากกว่า ต่อมาคนทั่วไปก็จึงเรียกพระนามพระองค์ว่า เสด็จเตี่ย ไปโดยปริยาย และที่สำคัญคือเวลาเสด็จออกไปนอกพระนคร ทรงได้พบปะกับผู้คนทั่วไป ทรงไม่ต้องการให้เกิดความห่างเหินกับผู้คน และไม่ทรงต้องการให้ใครรู้ว่าทรงเป็นพระราชโอรสของพระเจ้าแผ่นดิน เวลาคนถามว่าชื่ออะไร ก็ทรงตอบว่าเรียกว่าเตี่ยก็แล้วกัน คือทรงตั้งใจอยากจะใกล้ชิดกับประชาชนทั่วไป และยังมีอีกพระนามคือหมอพร ซึ่งทรงใช้หลังจากทรงลาออกจากกิจการกองทัพเรือแล้ว
พระองค์เสด็จไปทรงศึกษาวิชาทหารเรือที่ประเทศอังกฤษตั้งแต่ทรงมีพระชันษาเท่าไรครับ
ม.ร.ว.จิยากร : เสด็จไปทรงศึกษา ณ อังกฤษตั้งแต่มีพระชันษาเพียง 13 ปีเท่านั้น ทรงศึกษาที่โรงเรียนนายเรือของอังกฤษ เมื่อ พ.ศ. 2439 ทรงศึกษาต่อในสถาบันการศึกษาทหารเรือชั้นสูงของอังกฤษ เมื่อสำเร็จการศึกษาได้เสด็จกลับไทยเมื่อ 23 มิถุนายน 2443 แล้วทรงเข้ารับราชการในหน่วยงานทหารเรือไทย นับจากวันเสด็จกลับมาจึงถึงบัดนี้ก็เป็นเวลา 120 ปีแล้วราชสกุลอาภากรก็จึงได้จัดทำสารคดีเรื่อง 120 ปีการเสด็จกลับจากอังกฤษเพื่อทรงรับราชการให้กิจการทหารเรือไทยเพราะเห็นว่าพระองค์ทรงวางรากฐานกิจการทหารเรือไทยในยุคใหม่จนกองทัพเรือไทยเทิดพระเกียรติให้ทรงเป็นพระบิดาแห่งกองทัพเรือไทย จุดที่มูลนิธิฯ นำคุณๆ ไปเป็นจุดแรกของวันนี้คือ พระราชวังกรุงธนบุรี ซึ่งเป็นโรงเรียนนายเรือแห่งแรกของไทยซึ่งเกิดขึ้นในยุคของล้นเกล้าฯ รัชกาลที่ 5 โดยทรงทูลขอสถานที่แห่งนี้จากสมเด็จพระบรมชนกนาถ แล้วก็ทรงได้รับพระมหากรุณาธิคุณพระราชทานให้เพื่อลงหลักปักฐานกองทัพเรือไทยยุคใหม่ ตั้งแต่ 20 พฤศจิกายน 2449 ในสมัยก่อนนั้นกองทัพเรือไทยต้องจ้างต่างชาติมาสอนวิชาการทหารเรือ แต่เมื่อพระองค์ทรงกลับมารับราชการแล้ว ทรงวางหลักสูตรต่างๆ ของทหารเรือ โดยนำความรู้ที่ทันสมัยมาจากยุโรป เช่น วิชาดาราศาสตร์ วิชาเดินเรือในมหาสมุทร วิชาอุทกศาสตร์ วิชาแผนที่ วิชาพีชคณิต ตรีโกณมิติ ซึ่งวิชาเหล่านี้ยังมีการเรียนการสอนจนถึงยุคปัจจุบัน โดยมีการปรับปรุงให้ทันสมัยเรื่อยมา เมื่อเสด็จมารับราชการ พระองค์ทรงสนองพระเดชพระคุณด้วยการออกสำรวจเกาะแก่งต่างๆ ของไทย และทรงทำแผนที่เกาะแก่งทูลเกล้าฯ ถวายรัชกาลที่ 5 พระองค์ท่านทรงย้ำกับทหารเรือว่าต้องมีความเชี่ยวชาญในเรื่องท้องทะเลและมหาสมุทรให้มากที่สุด เป็นทหารเรือต้องเดินเรือได้ดี ทรงสอนทหารเรือให้มีความเข้มแข็งและมีวิชาความรู้ทันสมัย ด้วยทรงรักทหารเรือเสมือนลูกหลาน ทรงสอนให้ทหารเรือรักชาติ รักบ้านเกิดเมืองนอน และช่วยกันพัฒนาสยามประเทศของเรา
ทรงนิพนธ์เพลงสำหรับทหารเรือด้วย ซึ่งมีความหมายดีมาก คือเพลงเดินหน้า โดยเฉพาะเนื้อร้องที่ว่า ส่วนตัวเราตาย ไว้ยืนไว้ยืนแต่ชื่อ ให้โลกทั้งหลายเขาลือว่าตัวเราคือทหารเรือไทย ขอความกรุณาคุณหญิงเล่าให้ฟังถึงเรื่องนี้ด้วยครับ
ม.ร.ว.จิยากร : ทรงต้องการให้คนไทยรักประเทศชาติทรงสอนให้ทหารเรือเสียสละเพื่อชาติบ้านเมือง จึงทรงเน้นให้ทุกคนทำเพื่อประเทศชาติ เพราะชีวิตของคนเรานั้นไม่ยาวนัก เกิดมาแล้วก็ต้องตายทุกคน แต่เมื่อตายไปแล้ว ต้องให้โลกจดจำความดีที่ได้กระทำไว้ ตัวเราตายได้ แต่ประเทศชาติต้องดำรงอยู่
กราบเรียนถามถึงกรมอู่ทหารเรือกับเสด็จเตี่ยครับ ทราบว่าเคยเป็นที่ทรงงานมาก่อนใช่ไหมครับ
ม.ร.ว.จิยากร : ใช่ค่ะ ทรงรับราชการและทรงทำงานที่กรมอู่ทหารเรือ ทรงบอกเสมอว่าทหารเรือมีเรือก็ต้องซ่อมบำรุงดูแลรักษาเรือให้ดีด้วย และทรงนำวิชาการต่อเรือสมัยใหม่เข้ามาสอนทหารเรือ แล้วที่สำคัญคือทรงตั้งราชนาวิกสภาเพื่อเป็นที่พบปะหารือกิจการทหารเรือ โดยทรงเปิดโอกาสให้นายทหารเรือได้พูดคุยถกเถียงเรื่องกิจการทหารเรือ เปิดโอกาสให้ทหารเรือชั้นผู้ใหญ่ได้มีโอกาสพูดคุยสนทนาถกเถียงกับทหารเรือยศที่ต่ำกว่า เพราะทรงเห็นว่าการประชุมพบปะสนทนากันเป็นประจำจะช่วยให้สามารถพัฒนากิจการทหารเรือได้เป็นอย่างดี ทรงไม่ถือสาเมื่อมีการโต้แย้งกันในการพูดคุยกัน เพราะเป็นการระดมสมองเพื่อช่วยเหลือกิจการทหารเรือ ทรงมีความเป็นกันเองและทรงเคารพความคิดเห็นของผู้อื่นเสมอ ดิฉันอยากให้คนไทยเคารพนับถือเสด็จเตี่ยในฐานะบุคคลคนหนึ่ง ซึ่งมีความรักชาติ รักบ้านเมือง และทรงมีความเพียรพยายามทำนุบำรุงบ้านเมืองของเรา สำหรับเขตกรมอู่ทหารเรือที่เรากำลังเข้ามาเยี่ยมชมอยู่นี่ คือเขตประวัติศาสตร์สำคัญของกรุงเทพฯ เพราะที่นี่เคยเป็นที่ประทับของเจ้านายชั้นสูงหลายพระองค์ตั้งแต่ก่อนจะทรงสร้างพระบรมมหาราชวัง และที่แห่งนี้ยังเป็นเครื่องบ่งบอกว่าคนไทยเรามีความเชี่ยวชาญด้านการต่อเรือมาตั้งแต่อดีต เรามีความเป็นเลิศด้านการเดินเรือไม่แพ้ชาติใดในโลกใบนี้ เราทราบดีแล้วนะคะว่า รัชกาลที่ 3 ทรงค้าสำเภากับต่างชาติจนทรงเก็บเงินตรามหาศาลไว้สำหรับช่วยเหลือบ้านเมืองของเรายามถูกฝรั่งตะวันตกรุกราน นั่นคือเรามีเงินถุงแดงจากการค้าสำเภาของพระองค์ท่าน ดิฉันอยากให้คนไทยกตัญญูรู้คุณของบรรพบุรุษของเราไว้เสมอ และอยากให้ทุกคนภูมิใจในบ้านเมืองของเรา บ้านเมืองของเรามีของดีๆ งามๆ มากมายทุกคนต้องภูมิใจและช่วยกันรักษาไว้
มีอีกสิ่งที่ขอกราบเรียนถามคุณหญิงคือ หมอพรกับสมุนไพรไทย เรื่องนี้น่าสนใจมากครับ
ม.ร.ว.จิยากร : หมอพรคือพระนามของพระองค์ท่านที่ทรงให้ชาวบ้านเรียกขานหลังจากทรงลาออกจากกิจการทหารเรือแล้ว และทรงสนพระทัยในสมุนไพรไทยและการรักษาโรคภัยไข้เจ็บให้กับชาวบ้านที่อยู่ในเขตห่างไกล พระองค์ทรงศึกษาเรื่องแพทย์แผนไทยจากภูมิปัญญาชาวบ้าน ยิ่งเมื่อได้เสด็จไปตามที่ต่าง ๆ ทั่วประเทศก็ยิ่งเห็นว่าสมุนไพรไทยมีประโยชน์และคุณค่ามาก จึงทรงทุ่มเทศึกษาสมุนไพรไทย แล้วทรงมีตำรับยาสมุนไพรมากมาย ซึ่งปัจจุบันมูลนิธิฯ มอบให้กับโรงพยาบาลอภัยภูเบศร์ เพื่อให้นำไปศึกษาและใช้ประโยชน์ต่อสาธารณะ
วันหน้าผมจะขอความกรุณาคุณหญิงได้โปรดช่วยเล่าถึงความน่าสนใจของหมอพรด้วยนะครับ
ม.ร.ว.จิยากร : ด้วยความยินดีค่ะ เราคงจะต้องไปดูตำรับตำรายาสมุนไพรของหมอพรด้วยกัน เพราะยิ่งได้ทราบก็จะยิ่งเห็นถึงคุณค่ามหาศาลของสมุนไพรไทยที่พระองค์ทรงศึกษาไว้
คุณจะได้พบกับรายการดีที่ครบครันด้วยสาระและความบันเทิง รายการแนวหน้าวาไรตี้ ออกอากาศทุกวันอาทิตย์เวลา 16.00-16.30 น. ทางโทรทัศน์ TNN 2 ช่อง 784ดิจิทัลทีวี หรือ True Visions 8 และชมรายการย้อนหลังได้ที่YouTube แนวหน้าวาไรตี้
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี