ถึงแม้จะมีปัญหาการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 แต่ก็ไม่สามารถลบล้างความต้องการออกเดินทางท่องเที่ยวไปตามสถานที่ที่น่าสนใจได้ เพราะแรงปรารถนาจะได้สัมผัสกับสิ่งงดงามที่มีอยู่มากมายในประเทศไทยมีพลังมากมายยิ่งนัก ดังนั้น หลายต่อหลายคนที่มีหัวใจชอบเดินทางท่องเที่ยวจึงบอกตรงกันว่า รอให้ปัญหาการแพร่ระบาดเชื้อโควิด-19ผ่านพ้นไปจากประเทศไทย และทุกประเทศทั่วโลกก่อนเถอะรับรองว่าจะออกไปตะลอนเที่ยวให้หายคิดถึง
แต่อย่างไรก็ตาม Mr. Flower ก็ยังคงยืนยันเหมือนเดิมว่าในประเทศไทยของเรานั้น เราทุกคนที่มีสุขภาพแข็งแรง และมีความระมัดระวังป้องกันการได้รับเชื้อโควิด-19 ได้เป็นอย่างดีแล้ว เราทุกคนก็ยังสามารถเดินทางท่องเที่ยวได้ แม้จะไม่สามารถเที่ยวได้ตามปกติเหมือนช่วงไร้การแพร่ระบาดของโควิด-19 แต่รับรองว่ายังสามารถท่องเที่ยวได้ เพราะหลายจังหวัด หลายพื้นที่ของไทยยังปลอดภัยจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสดังกล่าวขอแค่เพียงให้เราทุกคนเที่ยวด้วยความระมัดระวังให้เพียงพอเท่านั้น ทุกคนก็สามารถเดินทางท่องเที่ยวและกระจายรายได้สู่ภูมิภาคต่าง ๆ ได้อย่างมีความสุข
วันนี้ขอพาคุณไปสัมผัสความงามของแพรพรรณผ้าไหมแสนสวยของเมืองสุรินทร์ ที่หมู่บ้านท่าสว่าง ตำบลท่าสว่าง อำเภอเมือง จังหวัดสุรินทร์ ขอเรียนว่าหมู่บ้านแห่งนี้คือหมู่บ้านแห่งการทอและการผลิตผ้าไหมที่แสนสวย สุดวิจิตรแห่งหนึ่งของประเทศไทย นอกจากชวนคุณไปเที่ยวชมและซื้อผ้าไหมงามๆ แล้ว จะขอพาคุณไปชมแหล่งผ้าทอยกทอง ณ บ้านจันทร์โสมา หมู่บ้านท่าสว่างด้วย
ขอย้ำว่า เมืองสุรินทร์มิได้มีความโด่งดังเลื่องลือเพียงแค่ความเป็นเมืองช้าง และเมืองแห่งปราสาทหินที่งดงาม แต่ยังมีความวิจิตรของผ้าไหมทอยกทองด้วย ความงามของผ้าไหมทอยกทองอยู่ที่ลวดลวยที่สอดประสานอย่างกลมกลืนลงตัวระหว่างเส้นไหมกับดิ้นทองที่ทอด้วยลวดลายแห่งราชสำนักไทยโบราณที่ทั้งอ่อนช้อย วิจิตรงดงาม แต่ดูแล้วทรงไว้ด้วยพลัง ด้วยเหตุนี้ผ้าไหมทอยกทองบ้านท่าสว่างจึงเป็นสินค้าที่สร้างชื่อเสียงให้กับสุรินทร์มาช้านาน ผ้าไหมทอยกทองของที่นี่ต้องใช้กำลังคนในการผลิตเป็นจำนวนไม่น้อย เช่น เฉพาะการทอผ้าแต่ละผืนนั้นต้องใช้คนมากถึง 4-6 คน ใช้ตะกอสำหรับทอมากถึง 1,416 ตะกอ เพราะว่ามีลวดลายที่ละเอียดวิจิตรมากจึงทำให้ต้องใช้เวลาทอยาวนานมาก สำหรับลายที่ละเอียดและวิจิตรบรรจงมากๆ นั้น วันหนึ่งทอได้เพียง 4-5 เซนติเมตร เท่านั้น โดยกี่ทอผ้าก็มีขนาดใหญ่โตมโหฬารมาก มีความสูงเท่ากับเรือนสองชั้น
ส่วนกระบวนการผลิตผ้าไหมทอยกทองนั้น เริ่มต้นจากการนำรังไหมไปผ่านกระบวนการต้มจนได้เส้นไหมออกมา แล้วผ่านการกรอและสาวไหม การเข้าฟันหวีหรือฟืม การเข้าหัวม้วน แล้วจึงเข้าสู่กระบวนการทอผ้า ซึ่งการทอผ้ามีหลายกรรมวิธี แต่สำหรับการทอผ้ายกนั้นคือการทอผ้าให้มีลวดลายด้วยการยกตะกอแยกด้ายเส้นยืน ซึ่งขอบอกตรงๆ ว่ามีกรรมวิธีที่ซับซ้อนมากมากเกินกว่าสติปัญญาของ Mr. Flower จะอธิบายให้คุณเข้าใจแบบเห็นภาพชัดๆ ดังนั้น จึงขออนุญาตชวนคุณไปเที่ยวชมของจริงด้วยกันที่บ้านจันทร์โสมา บ้านท่าสว่าง และมั่นใจว่าเมื่อคุณได้ไปชมขั้นตอนการผลิตด้วยตาของคุณเองแล้ว คุณจะตะลึงในภูมิปัญญาของบรรพบุรุษของเราที่ท่านได้ค้นคิดการผลิตผ้าไหมแสนงาม รวมถึงการผลิตผ้าไหมทอยกทอง แล้วที่สำคัญคือคุณจะไม่อยากต่อรองราคาซื้อขายกับผู้ผลิตที่เป็นผู้ทอผ้าโดยตรงเพราะนอกจากจะใช้ความอุตสาหะอย่างยิ่งยวดแล้ว ยังต้องใช้ระยะเวลาที่ยาวนานมากสำหรับการผลิตงานศิลป์ที่แสนสวยออกมาสำเร็จแต่ละผืน
Mr. Flower ขอขอบพระคุณอาจารย์วีรธรรม ตระกูลเงินไทย เจ้าของบ้านจันทร์โสมา และช่างทอ ช่างย้อมและคนงานทุกคนในบ้านจันทร์โสมา และขอบคุณพี่น้องทุกคนในหมู่บ้านท่าสว่างที่กรุณาสร้างงานศิลป์แสนวิจิตรไว้เพื่อเชิดหน้าชูตาประเทศไทย
สำหรับคุณๆ ที่มีความต้องการจะไปเที่ยวชมและซื้อหาผ้าไหมต่างๆ นานา รวมถึงผ้าไหมยกทองจากสุรินทร์กับคณะเล็กๆ จำนวน 12-14 คน นำทัวร์
โดย Mr. Flower โปรดติดต่อ 091-7233615
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี