มร.อาร์โนด์ เบียเลคกิ
โซเด็กซ์โซ่ (Sodexo) บริษัทผู้นำระดับโลกด้านการพัฒนาคุณภาพชีวิตด้วยการบริหารจัดการแบบครบวงจรจากประเทศฝรั่งเศส ได้รับเลือกให้เป็นหนึ่งในสถานที่ทำงานที่ดีที่สุดของกลุ่ม LGBTQ+ ติดต่อกัน 14 ปีซ้อน พร้อมเดินหน้าสนับสนุนความหลากหลาย ความเท่าเทียม และการมีส่วนร่วม เพื่อตอกย้ำการเคารพสิทธิมนุษยชนและเสรีภาพในความหลากหลายทางเพศ รวมทั้งสร้างพื้นที่ที่ปลอดภัยสำหรับพนักงานทุกคนในสถานที่ทำงาน
มร.อาร์โนด์ เบียเลคกิ ประธานบริหาร โซเด็กซ์โซ่ ประเทศไทย กล่าวว่าโซเด็กซ์โซ่ เริ่มมีนโยบายการปฏิบัติต่อกลุ่มความหลากหลายทางเพศ (LGBTQ+) มาเป็นเวลานาน เพื่อตอกย้ำการสร้างสภาพแวดล้อมที่เป็นมิตรและปลอดภัยในสถานที่ทำงานและมุ่งมั่นที่จะขจัดการเลือกปฏิบัติในทุกรูปแบบ พร้อมทั้งสนับสนุนกลุ่ม LGBTQ+เพื่อให้พวกเขารู้สึกได้ถึงเสรีภาพและมีโอกาสที่จะเติบโตในหน้าที่ได้อย่างเท่าเทียมกัน ทั้งนี้ บริษัทฯ ได้ตั้งแคมเปญ Sodexo Speak Up EthicsLine เพื่อช่วยให้พนักงานและพันธมิตรทางธุรกิจของเรามีช่องทางในการสื่อสารรายงานพฤติกรรม การเลือกปฏิบัติ หรือกิจกรรมที่ขัดต่อจรรยาบรรณของบริษัท โดยพนักงานกลุ่ม LGBTQ+ของโซเด็กซ์โซ่ทุกประเทศที่ประสบปัญหาสามารถใช้ Sodexo Supports Me สายด่วนสำหรับข้อมูลและการให้คำปรึกษาได้ทุกคน ที่สำคัญผู้ร้องเรียนมั่นใจได้ว่าข้อมูลและรายละเอียดทุกอย่างจะถูกเก็บเป็นความลับ
นอกจากนี้ โซเด็กซ์โซ่ ยังได้จัดโครงการ “Sodexo Global Pride Network” เพื่อสนับสนุนการรวมเป็นสมาชิกของกลุ่ม LGBTQ+ โดยมีแนวคิดหลัก 3 ประการ ได้แก่ ตั้งกลุ่ม18+ LGBTQ+ และเครือข่ายพันธมิตรเพื่อการยอมรับในความหลากหลายและความเท่าเทียมความเป็นตัวตนของพนักงาน, ตั้งแคมเปญเพื่อสร้างความตระหนัก : โดยวันที่ 17 พฤษภาคมของทุกปี โซเด็กซ์โซ่ จัดเฉลิมฉลอง “วันสากลยุติความเกลียดกลัวคนรักเพศเดียวกัน คนข้ามเพศ และคนรักสองเพศ” (International Day AgainstHomophobia and Transphobia) โดยให้พนักงานทุกคนได้พูดคุยเกี่ยวกับความกังวลและแบ่งปันเรื่องราวต่างๆ ในการใช้ชีวิตในมุมมองของกลุ่มผู้หลากหลายทางเพศ และโซเด็กซ์โซ่ทั่วโลกได้ปฏิบัติตามมาตรฐาน UN LGBTI ซึ่งก็คือการแก้ไขปัญหาการเลือกปฏิบัติต่อกลุ่มหลากหลายทางเพศ
สำหรับภาพรวมในระดับโลกนั้น มร.อาร์โนด์ กล่าวว่า โซเด็กซ์โซ่ได้รับการยอมรับจากองค์กรชั้นนำต่างๆ ในเรื่องของการปฏิบัติต่อพนักงานทุกกลุ่มอย่างเท่าเทียม โดยเมื่อเดือนตุลาคม พ.ศ. 2563 โซเด็กซ์โซ่ติดอันดับหนึ่งในกลุ่มองค์กรที่ได้คะแนนสูงสุดจาก Workplace Pride GlobalBenchmark โดยได้รับคะแนนถึง 93.5% และเมื่อเทียบกับปี พ.ศ. 2562ได้ 82.1% ซึ่งเป็นปีที่โซเด็กซ์โซ่ได้รับการยอมรับให้เป็น Workplace Pride2020 Advocate เป็นคะแนนขององค์กรที่ดีที่สุดที่เข้าร่วมในเกณฑ์มาตรฐาน เป็นผลจากการขับเคลื่อนและการสนับสนุนจากเครือข่ายพนักงานกลุ่ม 18+LGBTQ + และเครือข่ายพันธมิตร พร้อมด้วยพนักงานประมาณ2,000 คนทั่วโลกที่เข้าร่วมเป็นพันธมิตร
ศุกลภัทร ราพรหม หรือ “ซาแมนธ่า”
และเดือนมกราคม พ.ศ.2564โซเด็กซ์โซ่ได้รับคะแนน 100% จากมูลนิธิรณรงค์เพื่อสิทธิมนุษยชน (The HumanRights Campaign Foundation) ที่พิจารณาจากดัชนีความเท่าเทียมด้วยการวัดนโยบายขององค์กรและแนวทางปฏิบัติที่เกี่ยวข้องกับความเท่าเทียมในสถานที่ (Diversity, Equity and Inclusion:DEI) โดยได้รับการแต่งตั้งให้เป็น “สถานที่ทำงานที่ดีที่สุดเพื่อความเท่าเทียมกันของ พนักงานกลุ่ม LGBTQ+” ติดกัน 14 ปีซ้อน
“ในช่วงวิกฤติที่ต้องเผชิญกับภาวะทางเศรษฐกิจที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบัน เราพบว่าพนักงานกลุ่มLGBTQ+ บางคนได้แสดงให้เห็นถึงความสามารถในความคิดสร้างสรรค์และการมีส่วนร่วมของบริษัท จนได้รับการตอบรับจากลูกค้าเป็นอย่างดี และถึงแม้ว่าเรายังอยู่ในช่วงของการแพร่ระบาด แต่เรายังคงปฏิบัติตามค่านิยมและนโยบายของเราเพื่อให้โซเด็กซ์โซ่เป็นสถานที่ทำงานและชุมชนที่เป็นธรรมและเท่าเทียมอย่างสม่ำเสมอรวมทั้ง เรายังมีการฝึกอบรมให้กับพนักงานกว่า 270 คน เกี่ยวกับ “Spiritsof Inclusion” ตั้งแต่ช่วงปีที่แล้วจนถึงปัจจุบัน” มร.อาร์โนด์ กล่าว
ด้าน ศุกลภัทร ราพรหม หรือ “ซาแมนธ่า” พนักงานกลุ่ม LGBTQ+ เล่าว่า ก่อนร่วมงานกับโซเด็กซ์โซ่ ได้ทำงานให้กับบริษัทต่างๆ ต้องทำงานร่วมกับลูกค้าที่หลากหลาย และมีช่วงหนึ่งได้ไปประจำที่สำนักงานส่วนกลางของบริษัทลูกค้ารายหนึ่ง เพราะต้องติดต่อประสานงานกับลูกค้าตลอดเวลา โดยทุกๆ ครั้งที่ได้ร่วมงานกับพวกเขาก็มักจะมีปัญหากลับมาตลอด ซึ่งเป็นเฉพาะกับเราเท่านั้น จึงคิดว่าน่าจะเกิดจากสาเหตุที่พวกเขาไม่ชอบเรา เพราะว่าเรามีเพศสภาวะที่แตกต่าง จึงเป็นสาเหตุให้ลาออกมาจากที่นั่น จากนั้นจึงได้มาร่วมทำงานกับ โซเด็กซ์โซ่ประเทศไทย ซึ่งเป็นบริษัทที่ใส่ใจในเรื่องของความเท่าเทียมทางเพศ ทำให้เรามีอิสระทางความคิดและการแสดงออกรวมทั้งยังสามารถตัดสินใจในสถานการณ์ต่างๆ ที่อยู่บนพื้นฐานของความเป็นจริงโดยไม่กระทบกับการปฏิบัติงาน
“หลังจากได้รับมอบหมายให้ดูแลงานลูกค้าที่ไซต์งาน รู้สึกมีความสุขที่ได้ร่วมงานกับลูกค้าที่มองเพศทางเลือกอย่างเราเป็นคนปกติคนหนึ่ง เพราะด้วยสภาวะทางเพศที่ไม่สามารถระบุตัวตนได้ว่าเป็นหญิงหรือชายอย่างเราทำให้สังคมตราหน้าว่าเราเป็นกะเทยและที่ผ่านมาการทำงานร่วมกันกับบริษัทและลูกค้าก็ราบรื่นมาโดยตลอด ถึงจะมีปัญหาบ้างแต่ก็เล็กน้อย เพราะปัญหาที่เกิดส่วนใหญ่เป็นเรื่องงานไม่ใช่เรื่องเพศ
สำหรับคนที่อยู่ในสภาวะเพศทางเลือก ขอให้รักตัวเองและครอบครัวให้มากๆ เพราะคิดว่าเพศอย่างเราจะต้องอดทนให้มากกว่าเพศปกติ เพราะในทุกๆ วันเราต้องพบปะพูดคุยและได้รับการปฏิบัติจากผู้คนที่หลากหลาย แต่เราต้องไม่ทำให้ตัวเองดูไร้ค่าและให้เขามาดูถูกเราได้ ดังนั้น สิ่งสำคัญที่สุดคือการวางตัว และความคิดบวกต่อสังคมภายนอก”
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี