วันนี้เรามาคุยเรื่องการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 เข็มที่ 3 หรือ บูสเตอร์โดสกันครับ แต่หลายคนอาจเคืองว่า อะไรคือเข็มที่ 3 เข็มแรกยังไม่ได้เลย แต่ก็ต้องขอบอกว่าเรื่องนี้เป็นสิ่งจำเป็นที่ต้องทำความเข้าใจ เพราะวันหนึ่งคุณก็ต้องได้รับวัคซีนนี้ เพียงแต่อาจจะช้าหรือเร็วเท่านั้น เพราะฉะนั้นเรามาทำความเข้าใจกับมันก่อนดีไหมครับ
บูสเตอร์โดสคือวัคซีนเข็มที่เราได้รับต่อเนื่องหลังจากได้รับวัคซีนไปแล้วสองเข็ม (หรือหนึ่งเข็มในบางชนิดเช่น จอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน) เมื่อเวลาผ่านไประยะหนึ่งประสิทธิภาพหรือภูมิคุ้มกันจากวัคซีนก็จะลดลงไปตามเวลา ดังนั้นจึงจำเป็นต้องได้รับเข็มที่ 3 ซึ่งทั้งหมดนี้มาจากการศึกษาวิจัยของผู้ผลิตวัคซีน เพื่อให้ผู้รับเข็มที่สามมีภูมิคุ้มกันโรคโควิด-19 มากในระดับที่ทำให้ชีวิตปลอดภัย เพราะร่างกายมีภูมิในระดับที่เพียงพอต่อสู้กับไวรัส
แต่ต้องบอกว่า เรื่องโควิด-19 นั้น เป็นเรื่องใหม่มาก ไม่ว่าจะเป็นเรื่องยา เรื่องวัคซีน หรือเรื่องตัวเชื้อโรค ดังนั้นการพูดแบบฟันธงในเรื่องนี้จึงทำได้ไม่ง่ายนัก เพราะยังมีข้อมูลไม่สมบูรณ์เพียงพอ แต่วันนี้เราจะพูดในขอบเขตของข้อมูลที่มี ณ ปัจจุบันเท่านั้น ซึ่งหากในอนาคตมีข้อมูลเพิ่มเติมก็ต้องติดตามเรื่องกันต่อไปอย่างใกล้ชิดเพื่อความมั่นใจของทุกฝ่าย
สิ่งที่เป็นคำถามใหญ่ ณ ขณะนี้คือ เมื่อไรจึงจะเหมาะสมกับการได้รับเข็มที่สาม เพราะวัคซีนแต่ละชนิด เช่น ชนิดเชื้อตาย ชนิดสารพันธุกรรมดีเอ็นเอที่ใช้ไวรัสเป็นตัวนําส่ง (Recombinant viral vector vaccine) เช่น วัคซีนของบริษัท แอสตราเซเนกา วัคซีนชนิดสารพันธุกรรมเอ็มอาร์เอ็นเอ หรือวัคซีนที่ทำจากโปรตีนส่วนหนึ่งของเชื้อ (Protein subunit vaccine) ต่างมีประสิทธิภาพของการสร้างภูมิคุ้มกันไม่เหมือนกัน ระยะเวลาที่ต้องฉีดเข็มที่สามก็ต่างกัน ซึ่งทั้งหมดจะต้องอาศัยผลการศึกษาจากผู้ผลิต และผู้ทำวิจัย เพื่อให้สามารถสร้างความมั่นใจ และความปลอดภัยสูงสุดกับผู้รับวัคซีน
ทั้งนี้หากได้รับเข็มที่สามเร็วเกินไปก็อาจเกิดผลเสียต่อระบบภูมิคุ้มกัน หรือระบบเม็ดเลือดขาว เพราะในวัคซีนบางตัวมีสารกระตุ้นให้เกิดการแพ้ ปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้นนี้ ผู้วิจัยต้องพิจารณาให้ถี่ถ้วนว่าเมื่อฉีดแล้วจะได้รับประโยชน์หรือเสี่ยงจะเกิดโทษมากกว่ากัน แต่ก็ต้องคำนึงว่าหากภูมิคุ้มกันลดลงมากๆ จนกระทั่งป้องกันเชื้อโรคอีกไม่ได้ก็จะส่งผลให้เกิดการเจ็บป่วยรุนแรง และอาจเสียชีวิตได้ ด้วยเหตุนี้จึงจำเป็นต้องกระตุ้นเพื่อสร้างภูมิอีกครั้ง
อิสราเอลเป็นประเทศแรกที่ฉีดบูสเตอร์โดสให้ประชาชน โดยคนกลุ่มแรกที่ได้รับคือผู้มีอายุ 60 ปีขึ้นไป ซึ่งได้รับวัคซีนเข็มที่สองมาแล้วไม่น้อยกว่า 5 เดือน โดยใช้วัคซีน mRNA เป็นหลัก ส่วนสหรัฐฯ เมื่อวันที่ 22 กันยายน 2564 องค์การอาหารและยาของสหรัฐฯ หรือ US FDA ได้อนุมัติให้มีการใช้บูสเตอร์โดสของวัคซีน Pfizer-BioNTech หลังได้รับวัคซีนเข็มที่สองแล้ว 6 เดือน ในผู้มีอายุ 65 ปี ขึ้นไป รวมถึงช่วงอายุอื่นๆ ที่มีโรคประจำตัวที่อาจทำให้เกิดความรุนแรงจากการติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ได้ รวมถึงอาชีพที่เสี่ยงติดเชื้อและแพร่ต่อให้กับคนอื่นได้เช่น บุคลากรด่านหน้า คนทำหรือขายอาหาร รวมถึงพ่อค้าแม่ค้าที่ขายของอุปโภคบริโภค เป็นต้น ทั้งนี้ผู้ผลิต Pfizer-BioNTech ยื่นข้อเสนอนี้แก่ทางองค์การยาแห่งสหภาพยุโรป หรือ European Medicines Agency (EMA) เช่นกัน
ในเอเชีย ประเทศสิงคโปร์ใช้วัคซีน mRNA เป็นหลัก และเริ่มให้บูสเตอร์โดสกับคนสองกลุ่ม คือผู้ที่อายุเกิน 60 ปี และอีกกลุ่มคือผู้มีภาวะตอบสนองต่อระบบภูมิคุ้มกันไม่ปกติ ทั้งนี้รัฐบาลสิงคโปร์เห็นว่าระยะเวลาการให้บูสเตอร์โดส
คือช่วงหลังจากได้รับวัคซีน mRNA เข็มสองแล้ว 6-9 เดือนนี่คือตัวอย่างของประเทศที่ใช้ mRNA เป็นหลัก
สำหรับในกลุ่มประเทศที่ใช้วัคซีนเชื้อตาย เช่น Sinovac เช่น ไทย ส่วนฮ่องกงใช้ทั้ง mRNA และชนิดเชื้อตาย ดังนั้นจึงตัดสินใจทดลองให้บูสเตอร์โดสกับกลุ่มที่ Sinovac โดยเข็มที่สาม จะมีทั้งคนที่ได้รับ Sinovac และบางคนจะได้รับ Pfizer-BioNTech แล้วกำลังอยู่ในช่วงศึกษาวิจัยล่าสุดว่าจะตัดสินใจอย่างไรในอนาคต
อย่างไรก็ตาม ต้องยอมรับความจริงว่าปัจจุบันประชากรโลกจำนวนมากยังไม่ได้รับวัคซีนเข็มที่หนึ่ง องค์การอนามัยโลกจึงมองว่าอาจยังไม่จำเป็นต้อง ให้บูสเตอร์โดสในยามนี้ แต่ควรต้องให้คนทุกคนได้รับวัคซีนเข็มแรกให้ครบก่อน ซึ่งแนวคิดนี้ก็ได้รับการสนับสนุนค่อนข้างมาก แม้กระทั่งในไทยเองก็ตาม คนไทยจำนวนไม่น้อยก็ยังไม่ได้รับวัคซีนเข็มที่หนึ่ง ปัจจุบันมีการให้บูสเตอร์โดสสำหรับบุคลากรการแพทย์ด่านหน้า ซึ่งได้รับSinovac 2 เข็ม และยังมีการพูดถึงบูสเตอร์โดสให้ประชาชนทั่วไปที่ได้รับ Sinovac และ Sinopharm และบางคนก็ได้รับAstraZenaca ซึ่งก็ต้องมาพิจารณากันต่อไปอีกครั้ง และยังต้องศึกษาระยะห่างของการฉีดบูสเตอร์โดสด้วย ซึ่งการตัดสินใจเรื่องนี้ต้องมาจากข้อมูลการวิจัยที่แน่ชัดก่อน ซึ่งก็ต้องติดตามข้อมูลจากประเทศต่างๆ ทั่วโลกไปพร้อมๆ กับการศึกษาวิจัยในประเทศไทย
แต่สิ่งที่จะทิ้งท้ายไว้สำหรับวันนี้คือ ขอให้ทุกคนได้รับวัคซีนให้ครบสองเข็มก่อนเป็นอันดับแรก และขอย้ำว่าวัคซีนฉีดเพื่อกันตาย ไม่ได้ฉีดเพื่อกันการติดเชื้อ เพราะฉะนั้นเมื่อฉีดไปแล้ว ก็ต้องการ์ดไม่ตก
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี