องค์การอนามัยโลกเตือน หูไม่ได้ยิน เสี่ยงสมองเสื่อมและพัฒนาการช้าย้ำเป็นปัญหาใหญ่กว่าที่คิด หมอจุฬาฯ แนะตรวจคัดกรองผู้สูงวัย 50 ปี ขึ้นไปและเด็กก่อนวัยเรียนทุกคน
ปัจจุบัน ประชากร 1 ใน 5 ของโลกมีปัญหาด้านการได้ยินและมีแนวโน้มที่จะเป็นสูงขึ้นถึง 1 ใน 4 และจากปัจจัยนี้เอง ทำให้ในช่วงเดือนที่ผ่านมาองค์การอนามัยโลก หรือ WHO (World Health Organization) ได้ออกมาแถลงการณ์เป็นครั้งแรกของโลกอย่างเป็นทางการถึงแนวทางในการตรวจคัดกรองปัญหาการได้ยินในกลุ่มเสี่ยงสำหรับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญทั่วโลก
อ.ดร.พญ.นัตวรรณ อุทุมพฤกษ์พร
อ.ดร.พญ.นัตวรรณ อุทุมพฤกษ์พร แพทย์เฉพาะทาง หน่วยโสตประสาทวิทยา ฝ่ายโสต ศอ นาสิก โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย และ นักวิจัยอาวุโส ระดับ senior fellow หนึ่งในทีมวิจัย University College London เผยว่า ปัจจุบันจำนวนผู้มีปัญหาการได้ยิน โดยเฉพาะในผู้มีอายุเกินกว่า 60 ปี มีจำนวนเพิ่มขึ้นมากเรื่อยๆ ซึ่งในขณะนี้ สามารถพบผู้มีปัญหาการได้ยินเป็นจำนวนกว่า 65% ทั้งนี้ ปัญหาการได้ยิน นำมาซึ่งภาวะไม่พึงประสงค์หลายประการ เช่น ภาวะแยกตัวจากสังคม ภาวะซึมเศร้า ปัญหาการทรงตัวพลัดตกหกล้ม สับสนมีอารมณ์ฉุนเฉียว ทะเลาะกับครอบครัว กลายเป็นไม่พูดคุยกัน ซึ่งภาวะเหล่านี้นั้นนอกจากทำให้คุณภาพชีวิตลดลงแล้ว ยังล้วนเพิ่มความเสี่ยงที่จะทำให้เกิดภาวะสมองเสื่อมตามมาด้วยทั้งสิ้น
“ปัญหาการได้ยิน นับเป็นปัจจัยเสี่ยงสูงสุดของการเกิดภาวะสมองเสื่อมในผู้สูงอายุ ซึ่งเป็นสิ่งที่คนทั่วไปนึกไม่ถึง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในผู้สูงอายุที่มีปัญหาการได้ยินจะมีความเสี่ยงภาวะสมองเสื่อมเพิ่มขึ้นเป็นเกือบ 2 เท่าเมื่อเทียบกับคนวัยเดียวกันที่ไม่มีปัญหาทางการได้ยิน อย่างไรก็ดี นับเป็นข่าวดีที่ภาวะสมองเสื่อมที่เกิดจากปัญหาการได้ยินนี้
เป็นสิ่งที่สามารถป้องกันได้ เพราะทีมวิจัยพบว่าความเสี่ยงในการเกิดภาวะสมองเสื่อมนี้จะหายไปถ้าผู้สูงอายุได้รับการดูแลและรักษาด้านการได้ยินจนหายดีแล้ว ส่วนสาเหตุที่ทำให้ผู้ที่มีปัญหาทางการได้ยินเกิดความเสี่ยงในการเกิดภาวะสมองเสื่อมนั้น เกิดจากเมื่อมีเสียงคำพูด การสนทนาเข้าไปกระตุ้นสมองน้อยลง สมองก็จะเสื่อมถอยและประมวลผลได้น้อยลง ช้าลงเรื่อยๆ เมื่อนานวันเข้าจากงานวิจัยและภาพแสกนสมองพบว่าเนื้อสมองฝ่อลงไปได้เลยทีเดียวโดยเฉพาะเนื้อสมองส่วนที่เกี่ยวข้องกับการแปลผลภาษา ซึ่งเมื่อถึงภาวะนี้แล้วนั้น การกระตุ้นให้สมองกลับมาทำงานอย่างเต็มประสิทธิภาพดังเดิมอาจต้องใช้เวลามาก”
นอกจากในวัยผู้สูงอายุแล้ว องค์การอนามัยโลกก็ให้ความสำคัญกับกลุ่มเด็กก่อนวัยเรียนไม่แพ้กัน ชี้ชัดเป็นครั้งแรกว่า เด็กก่อนเข้าโรงเรียนควรตรวจคัดกรองระดับการได้ยินทุกคน ทั้งนี้ เพื่อให้เด็กๆ ได้มีการเรียนรู้และพัฒนาการทางด้านภาษาและสติปัญญาอย่างเต็มความสามารถ นอกจากนั้น ยังแนะว่าโรงเรียนและแพทย์ควรให้ความรู้กับเด็กๆ และครอบครัวในการดูแลสุขภาพหูโดยร่วมมือกับทางโรงเรียนในพื้นที่อีกด้วย
“กว่า 60% ของปัญหาการได้ยินโดยเฉพาะในเด็กเกิดจากสาเหตุที่ป้องกันได้ เช่น การรักษาภาวะติดเชื้อในหู การรับเสียงดังเกินควร การได้รับยาบางชนิดที่เป็นพิษต่อหู ปัญหาการติดเชื้อ หูน้ำหนวก ปัญหาขี้หูอุดตัน ปัญหาสิ่งแปลกปลอมในช่องหู และความผิดปกติผิดรูปอื่นๆ ของช่องหู เป็นต้น ซึ่งปัญหาเหล่านี้ โดยเฉพาะการติดเชื้อเรื้อรังในช่องหูนั้นเป็นปัจจัยที่สามารถรักษาให้หายขาดได้ดังนั้น จึงจำเป็นที่จะต้องตรวจหาปัญหาและตรวจคัดกรองเพื่อป้องกันปัญหาด้านการได้ยินที่อาจเกิดอย่างถาวรได้จากการติดเชื้อ ซึ่งจะเป็นเรื่องน่าเสียดายเป็นอย่างมาก เพราะปัญหาเหล่านี้สามารถรักษาให้หายขาดได้หากได้รับการวินิจฉัยและรักษาอย่างทันท่วงที”
อย่างไรก็ตาม เพื่อเป็นการป้องกันการเกิดภาวะที่ไม่พึงประสงค์และผลข้างเคียงของปัญหาการได้ยินทั้งในผู้สูงวัยและในเด็กก่อนวัยเรียน องค์การอนามัยโลกแนะนำว่าผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 50 ปีขึ้นไป และเด็กก่อนวัยเรียนควรได้รับการตรวจคัดกรองการได้ยินทุกคน เพื่อทำการวินิจฉัยโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและ รับการดูแลรักษาที่ถูกต้องตั้งแต่แรกเริ่ม ก่อนที่ปัญหาจะลุกลามใหญ่โต และเกิดผลข้างเคียงต่างๆ ตามมาได้ และถ้าไม่มีการตรวจคัดกรองการได้ยิน หลายคนอาจไม่ทันได้สังเกตตนเอง เนื่องจากความเสื่อมมักจะค่อยๆ เกิดขึ้นทีละน้อย ซึ่งจากสถิติพบว่าในผู้สูงอายุส่วนใหญ่ที่มีปัญหาการได้ยิน กว่าที่จะตัดสินใจเข้ารับการรักษานั้น หลายๆ คนทนทุกข์ทรมานกับปัญหาการได้ยินมากว่าสิบปี ซึ่งอาจทำให้เกิดผลข้างเคียงไม่พึงประสงค์ตามมาอย่างมากมาย
“ถ้าท่านหรือคนที่ท่านรักเริ่มรู้สึกว่ามีปัญหาการได้ยิน หรือแม้ไม่แน่ใจก็อย่านิ่งนอนใจ ควรทำการปรึกษาแพทย์เฉพาะทางด้านหูคอจมูกที่เชี่ยวชาญจะดีที่สุด จากงานวิจัยของหมอที่ทำร่วมกับทีมวิจัยในอังกฤษพบว่าผู้ป่วยที่ได้รับการดูแลรักษาปัญหาการได้ยินตั้งแต่เนิ่นๆ จะช่วยพัฒนาทั้งในแง่คุณภาพชีวิตสุขภาพกาย สุขภาพจิต ของผู้สูงอายุได้เป็นอย่างมาก”
สำหรับผู้ที่สนใจติดตามข่าวสารความรู้เกี่ยวกับการได้ยิน สามารถติดตามเพิ่มเติมได้ที่ Facebook ของทางศูนย์การได้ยิน การสื่อสารและการทรงตัวโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทยหรือ https://www.facebook.com/ChulaHearingBalanc
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี