ปีนี้เป็นปีที่วงการความงามของบ้านเราคึกคักกันมากที่สุด เพราะตั้งแต่ที่กัญชา-กัญชงได้รับการยอมรับให้ถูกกฎหมาย ก็เรียกได้ว่าเป็นวัตถุดิบเนื้อหอมที่เหล่าเจ้าของแบรนด์ล้วนต้องการอยากได้มาเป็นส่วนผสมในสกินแคร์ของตัวเอง
แต่ก่อนจะเข้าสู่ขั้นตอนการเป็นเจ้าของทางผู้ประกอบการจะต้องมีโรงงานผลิตครีมกัญชา-กัญชง ที่ไว้ใจได้และได้รับการยอมรับถึงมาตรฐานในด้านความปลอดภัยและคุณภาพที่ดีเยี่ยม รวมถึงผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านเสียก่อน เพราะเป็นสารสกัดตัวใหม่จึงจะต้องได้รับการดูแล พัฒนาและคิดค้น เพื่อให้ผู้บริโภคได้ผลิตภัณฑ์ที่ดีที่สุด
ก่อนอื่นเรามาทำความรู้จักกัญชา-กัญชง สารสกัดใหม่มาแรงที่กำลังได้รับความสนใจอยู่ในตอนนี้ว่ามีประโยชน์อย่างไรทำไมวงการความงามบ้านเราจึงตื่นตัวและนิยมนำเข้ามาเป็นส่วนผสมในสกินแคร์ที่มาแรงที่สุดในขณะนี้
กัญชา-กัญชงคืออะไร? แตกต่างกันอย่างไร
กัญชง หรือเรียกอีกอย่างว่า (Hemp) เป็นพืชตระกูลเดียวกับกัญชา (Marijuana) ทั้งกัญชาและกัญชงเป็นพืชชนิดเดียวกัน มีลักษณะภายนอกแตกต่างกันน้อยมาก เพราะกัญชงเป็นพืชสายพันธ์ุย่อยของกัญชา แต่สามารถสังเกตในเบื้องต้นได้คือ กัญชงมีใบแคบเรียวและสีเขียวอ่อนกว่า มีลำต้นสูงและแตกกิ่งก้านน้อยกว่า ช่อดอกมียางน้อยกว่ากัญชา
ซึ่งในปัจจุบันกัญชาและกัญชงถูกปลดล็อคจากกระทรวงสาธารณสุขที่ได้ออก ประกาศกฎกระทรวงเรื่อง ระบุชื่อยาเสพติดให้โทษในประเภท 5 พ.ศ. 2563 ให้บางส่วนของต้นกัญชงและกัญชา ที่สารสกัด CBD (Cannabidiol) และ สาร THC (Tetrahydrocannabinol) ไม่เกินร้อยละ 0.2 โดยน้ำหนัก จะไม่ถูกจัดว่าเป็นยาเสพติด ยกเว้นช่อดอกกัญชง ช่อดอกกัญชา และเมล็ดกัญชาที่ยังคงจัดเป็นยาเสพติดให้โทษประเภท 5 อยู่
ดังนั้น หากจะนำ กัญชา-กัญชง มาใช้ในอุตสาหกรรมความงาม จำต้องได้รับคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญทั้งในด้านสรรพคุณ ปริมาณที่จะนำมาใช้ให้ถูกต้องตามกฎหมายเสียก่อน จึงจะสามารถนำมาเป็นส่วนผสมและออกเป็นผลิตภัณฑ์วางขายได้อย่างถูกกฎหมายนั่นเอง
แล้วทำไม กัญชา-กัญชง จึงกลายเป็นทางเลือกใหม่ในการดูแลผิวที่มาแรงที่สุดของปีนี้
เพราะในพืชทั้งสองชนิดมีสารที่เรียกว่า THC (Tetrahydrocannabinol) และ CBD (Cannabinol ) เหมือนกัน ซึ่งสาร THC มีสรรพคุณช่วย ลดอาการคลื่นไส้อาเจียนจากการได้รับเคมีบำบัด ลดอาการปวด รักษาโรคลมชัก ช่วยผ่อนคลาย จัดเป็นสารที่ใช้ในการแพทย์อย่างแพร่หลาย
ส่วนสาร CBD เองก็มีคุณสมบัติในการช่วยลดอาการเจ็บปวด ลดการอักเสบของแผล ยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็งได้เช่นกัน เพียงแต่ในกัญชงมีสาร THC และ CBD ต่ำมาก จึงไม่ได้จัดอยู่ในประเภทยาเสพติด ต่างกับกัญชาที่มีสารให้ความเมา THC มากกว่า 1% จึงถูกนำมาใช้ในการรักษาผู้ป่วยที่ต้องเบิกจ่ายโดยหมอเท่านั้น และเป็นที่มาของการออกกฎหมายในการใช้ตั้งแต่ขั้นต้นนั่นเอง
แต่ทั้งนี้ สารทั้งสองประเภทเองก็มีการอนุมัติใช้ไปแล้วในเบื้องต้น หากใช้ในปริมาณที่กฎหมายกำหนดก็ไม่มีปัญหา เพราะสารทั้งสองประเภท นอกจากจะมีส่วนช่วยในการรักษาโรคบางชนิดในทางการแพทย์แล้ว ส่วนใหญ่มักถูกนำมาทำในรูปของสกินแคร์น้ำมันทาผิว เนื่องจากจะได้สารบริสุทธิ์มากกว่ารูปแบบอื่นๆ โดยเฉพาะน้ำมันกัญชง หรือก็คือ Hemp seed oil กับ สาร CBD ที่อุดมไปด้วยวิตามิน A,D,E และกรดไขมันที่จะช่วยทำให้ผิวดูสุขภาพดี แถมยังมีคุณประโยชน์ให้ผิวพรรณอีกมากมาย
ประโยชน์ของ กัญชา-กัญชง กับความงาม
น้ำมันกัญชง หรือ Hemp Seed Oil อุดมด้วย Omega 3,6 และ 9 ซึ่งเป็นกรดไขมันที่จำเป็นต่อผิว ช่วยซ่อมแซมและเสริมสร้างเกราะป้องกันให้ผิวสามารถกักเก็บความชุ่มชื้นได้ยาวนาน มีคุณสมบัติช่วยลดการอักเสบ จึงช่วยปลอบประโลมผิว ช่วยต้านอนุมูลอิสระ พร้อมกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนให้ผิว
ในขณะที่ CBD มีคุณสมบัติช่วยต้านการอักเสบและลดการขับน้ำมันส่วนเกิน จึงช่วยลดและป้องกันการเกิดสิว ทั้งยังมีคุณสมบัติต้านอนุมูลอิสระจึงป้องกันการเกิดริ้วรอย พร้อมลดการระคายเคืองของผิวสำหรับผิวบอบบางแพ้ง่าย เรียกได้ว่ามีประโยชน์รอบด้านในการดูแลผิวพรรณมากทีเดียว จึงเป็นที่ต้องการของผู้ผลิตและผู้บริโภคจำนวนไม่น้อยเลย
ซึ่งหนึ่งในบริษัทผลิตครีมที่ได้รับการรับรองและไว้วางในให้เป็นผู้นำในการผลิตสกินแคร์จากกัญชงที่ดีที่สุด หนึ่งในนั้นคือ บริษัท คอสมินา จำกัด โดยเป็นหนึ่งในโรงงานผลิตครีมด้านเวชสำอางที่ได้รับการยอมรับในวงการแพทย์ก่อตั้งโดยนายแพทย์ธาดา เปี่ยมพงศ์สานต์ ซึ่งเป็นผู้ริเริ่มคิดค้นและผลิตผลิตภัณฑ์สำหรับดูแลผิวพรรณอันเป็นสูตรเฉพาะ โดยคำนึงถึงการดูแลเอาใจใส่เรื่องผิวพรรณมาตลอดเป็นระยะเวลามากกว่า 40 ปี นอกจากนี้แล้ว นายแพทย์ธาดา เปี่ยมพงศ์สานต์ ยังเป็นผู้ดำเนินการก่อตั้งสถาบันความรู้ Asian Esthetic Dermatology (AED) และสอนวิชาเวชศาสตร์ผิวพรรณที่มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง วิทยาเขตกรุงเทพฯ โดยมุ่งเน้นการให้ความรู้ เกี่ยวกับการรักษาสิว ฝ้า ตลอดจนเทคนิคการทำเลเซอร์ต่าง ๆ การฉีดฟิลเลอร์ โบท็อกซ์ ทำการวิจัยพัฒนาสูตรเวชสำอาง สำหรับการรักษาสิว ฝ้าครีมกันแดด สูตรชะลอริ้วรอย และการผลัดเซลล์ผิวมาอย่างต่อเนื่อง แสดงถึงความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านผิวหนังที่เป็นมือ 1 และได้รับการยอมรับมากว่าหลายสิบปี
โดยในส่วนของบริษัท Cosminaมีความมุ่งมั่นและยึดถือในหลักการเดียวกันที่แสดงถึงความเป็นผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้าน มีความมุ่งมั่นในการดำเนินการคิดค้น วิจัย ผลิตผลิตภัณฑ์ ที่เหมาะสมกับแต่ละสภาพผิว โดยเฉพาะผิวแพ้ง่ายและผิวที่บอบบางเป็นพิเศษ จุดเด่นของโรงงานนี้ก็คือกลุ่มผลิตภัณฑ์เวชสำอางที่ถือได้ว่า Cosminaคือตัวเลือกแรกๆที่เจ้าของแบรนด์เชื่อถือและเลือกที่จะมาผลิตสกินแคร์กับที่นี่เป็นจำนวนไม่ต่ำกว่า100 แบรนด์ ตลอดระยะเวลาที่ Cosminaให้บริการมาเลยทีเดียว
นอกจากนี้ยังครอบคลุมทุกผลิตภัณฑ์ความงามเพื่อตอบสนองต่อความต้องการของตลาดอย่างต่อเนื่องทั้ง Acne care, Anti Aging, Facial Cleanser, Facial Moisturizer, Sunscreen Products, Whitening Products และล่าสุดกับสารสกัดจากกัญชงและกัญชาอย่าง CBD และ hemp seed oil ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นเจ้าแรกๆที่ผ่านการรับรองด้านมาตรฐานและความปลอดภัยจากภายในประเทศ โดยทาง Cosminaจะนำมาคิดค้นและพัฒนาผ่านผู้เชี่ยวชาญให้ CBD และ hemp seed oil กลายเป็นส่วนผสมสำคัญในสกินแคร์เพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์ที่ดีที่สุดแก่ผู้บริโภคภายใต้การกำกับดูแลด้วยมาตรฐาน ASEAN GMP และ ISO 9001,22716 ที่เป็นมาตรฐานระดับสากลจึงมั่นใจได้ว่าผลิตภัณฑ์ของ Cosminaทุกชิ้นจะมีมาตรฐานที่ดีที่สุด ปลอดภัยต่อผู้ใช้ รวมถึงได้ผลลัพธ์อันน่าพึงพอใจหลังการใช้อย่างสูงสุดอีกด้วย
นับว่า ผลิตภัณฑ์จาก กัญชา-กัญชง กลายเป็นเทรนด์มาแรงในวงการความงามบ้านเราที่ได้รับความสนใจจากผู้บริโภคจำนวนไม่น้อยเลยทีเดียว รวมถึงผู้ผลิตและเจ้าของแบรนด์ที่ต้องการพัฒนาสูตรใหม่ๆให้กับสินค้าของตัวเอง ซึ่งหากคว้าโอกาสในการขายและผลิตก่อนใครก็มีสิทธิ์ในการทำกำไรได้ไม่ยากเลย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี