“ผมอยากมีสนามฟุตบอลดีๆ มีครูสอนฟุตบอลเก่งๆ ผมอยากเป็นนักฟุตบอลทีมชาติไทย และอยากมีห้องทดลองวิทยาศาสตร์ดีๆ เพราะอยากเป็นนักวิทยาศาสตร์” (ความเห็นของเด็กนักเรียน) “คนเป็นครูก็อยากสอนหนังสือเด็กให้ดีที่สุด เน้นการสอนเป็นหลัก ไม่อยากให้งานอื่นๆ มาเบียดบังเวลาสอนหนังสือ” (ความเห็นของครู)
ไลฟ์ วาไรตี สัปดาห์นี้ เป็นผลสืบเนื่องมาจากเมื่อช่วงวันเด็กแห่งชาติ ประจำปี 2565 คณะผู้อ่านแนวหน้ากลุ่มหนึ่งร่วมสมทบทุนเพื่อเลี้ยงอาหารกลางวันพร้อมขนม และจัดซื้ออุปกรณ์การเรียน เครื่องกีฬา รองเท้าให้นักเรียนโรงเรียนบ้านทุ่งเคล็ดอำเภอแก่งกระจาน จังหวัดเพชรบุรี ในโอกาสนี้ ดร.เฉลิมชัยยอดมาลัย ได้พูดคุยกับตัวแทนนักเรียนและคณะ โดยทุกคนได้พูดถึงความในใจของผู้ที่อยู่ในโรงเรียนต่างจังหวัดว่ามันช่างต่างและห่างไกลกับโรงเรียนในเมืองใหญ่ๆ ที่มีทุกสิ่งทุกอย่างค่อนข้างเพียบพร้อมสมบูรณ์
l วันนี้เมื่อหนูๆ น้องๆ ได้พบปะกับผู้ที่มาเลี้ยงอาหาร เลี้ยงขนม และมีของเล็กๆ น้อยๆ มาแจกเนื่องในโอกาสวันเด็กแห่งชาติ อยากจะบอกอะไรกับผู้มาเยือนเราบ้างครับ
นักเรียน : ขอบพระคุณในความมีเมตตาครับ พวกเราทุกคนมีความสุขที่ได้รับรู้ว่าพวกลุงป้าน้าอาและพวกพี่ๆ ยังคิดถึงพวกผมและเพื่อนๆ ทั้งๆ ที่พวกผมอยู่ในโรงเรียนซึ่งอยู่ห่างไกลจากตัวเมือง แต่ทุกท่านก็ยังคิดถึงพวกเรา พวกเราดีใจมากครับ และขอบพระคุณครับ
l ตามปกติมีผู้มาเยี่ยมเยียนพวกเราบ่อยไหมครับ
นักเรียน : ไม่ค่อยบ่อยครับ มีบ้าง แต่นานๆ ทีหนึ่งครับ ก่อนจะเกิดปัญหาโรคโควิด-19 ก็พอจะมีผู้มาเยือน และมาบริจาคสิ่งของให้นักเรียนบ้างครับ แต่ช่วงโควิดระบาดก็ไม่มีใครมาอีกครับก็มีกลุ่มของลุงๆ น้าๆ กลุ่มนี้แหละครับที่มาเยี่ยมพวกเราครับ
l ช่วงโควิด-19 แพร่ระบาด ทุกคนต้องเรียนผ่านระบบออนไลน์ใช่ไหมครับ
นักเรียน : ใช่ครับ เรียนผ่านออนไลน์มาเกือบปีแล้วครับ ไม่ได้ไปโรงเรียนเลย คิดถึงเพื่อนๆ คิดถึงโรงเรียนครับ แต่ระยะหลังก็พอจะไปโรงเรียนได้บ้าง โดยไปสัปดาห์ละ 2-3 วัน สลับกันไปครับ
l นักเรียนที่โรงเรียนบ้านทุ่งเคล็ดมีทั้งหมดกี่คนครับ มีการสอนถึงชั้นไหนครับ
นักเรียน : มีประมาณ 40-50 คนเท่านั้นครับ มีสอนถึงชั้นป. 6 ครับ
l เรียนหนังสือออนไลน์ต่างจากเรียนที่โรงเรียนอย่างไรบ้างครับ
นักเรียน : เรียนออนไลน์ไม่สนุกเหมือนไปเรียนที่โรงเรียนครับ เพราะไม่ได้เจอหน้าคุณครู ไม่ได้เจอเพื่อนๆ แล้วเวลาเรียนถ้าเกิดปัญหาไม่เข้าใจก็ถามไม่ค่อยทันครับ บางทีเรียนแล้วก็ไม่ค่อยเข้าใจ บางคนอินเตอร์เนตไม่ดี ก็เรียนไม่ได้อีกครับ
l แล้วแก้ปัญหาอย่างไรครับ
นักเรียน : (นิ่งไปนาน) ก็รอไปถามคุณครูในวันอื่นๆ ครับ บางทีก็ลืมถาม (หัวเราะ)
l ถ้าเช่นนั้นก็ไม่เข้าใจเรื่องที่เรียนในตอนนั้นๆ ใช่ไหมครับ
นักเรียน : (ยิ้ม พยักหน้า) ครับ
l คนไหนชอบวิชาอะไรกันบ้าง ช่วยเล่าให้ฟังหน่อยครับ
นักเรียน : ชอบวิชาวิทยาศาสตร์ครับ เพราะได้ทดลองต่อไฟฟ้าอย่างง่ายๆ พอไฟติดก็ชอบใจครับ
นักเรียน : ชอบวิชาพละครับ เพราะได้เตะฟุตบอล ผมอยากเป็นนักฟุตบอลทีมชาติไทย
นักเรียน : ชอบวิชาเลขคณิตค่ะ เพราะเอาไปช่วยแม่คิดเงินเวลาขายของที่ตลาด
นักเรียน : ผมชอบวิชาวาดรูปครับ สนุกดี ได้วาดรูปและระบายสี ผมชอบครับ
l แล้วมีใครชอบเรียนวิชาภาษาอังกฤษบ้างไหมครับ
นักเรียน : (เงียบ)
l มีใครอ่านหนังสือเรียนทุกวันบ้างไหมครับ อ่านตอนเวลาไหนกันครับ
นักเรียน : (หลายคนแย่งกันตอบว่าอ่าน) ผมอ่านทุกวันครับวันละ 2 ชั่วโมง อ่านตอนหัวค่ำ หลังจากกินข้าวเย็นเสร็จ
นักเรียน : หนูก็อ่านทุกวันค่ะ วันละ 3 ชั่วโมง อ่านตอนเย็นค่ะแล้วก่อนนอนก็อ่านอีกครั้งค่ะ
l มีใครช่วยคุณพ่อคุณแม่ทำงานบ้านบ้างไหมครับ ทำอะไรกันบ้างครับ
นักเรียน : ผมช่วยหุงข้าวและทำกับข้าวครับ
l ทำกับข้าวอะไรบ้างครับ
นักเรียน : ผัดกะเพราครับ
l เก่งมากครับ ใครสอนทำกับข้าวครับ
นักเรียน : แม่สอนครับ แม่ผมทำอาหารขายครับ และผมก็ทำสุกี้น้ำเป็นด้วยครับ
นักเรียน : ผมทำกับข้าวไม่เป็น แต่ผมช่วยแม่ยกของขายครับ
นักเรียน : ผมกวาดบ้าน ถูบ้าน และช่วยทำสวนครับ
นักเรียน : ผมช่วยแม่กวนข้าวทำโจ๊กครับ บ้านผมขายโจ๊ก ผมมีหน้าที่กวนข้าวทุกวันครับ
l คนที่บ้านทำสวน ทำสวนอะไรครับ
นักเรียน : สวนกล้วย และไร่มะเขือเทศครับ
l เวลามาโรงเรียน คุณพ่อคุณแม่ให้สตางค์มาวันละกี่บาทครับ ใช้เงินหมดไหม มีใครเหลือเงินกลับไปเก็บใส่กระปุกออมสินที่บ้านบ้างครับ
นักเรียน : ได้วันละ 40 บาทครับ ใช้ไม่หมดครับ เหลือฝากคุณครูไว้วันละ 15 บาทครับ ฝากออมสินกับโรงเรียนครับ
l ใช้เงินซื้ออะไรที่โรงเรียนบ้างครับ
นักเรียน : ข้าวกับขนมครับ บางทีก็ซื้อของเล่นครับ
l โตขึ้นใครอยากเป็นอะไรกันบ้างครับ
นักเรียน : เป็นนักฟุตบอลทีมชาติไทยครับ ผมชอบเตะบอลผมเล่นฟุตบอลทุกวันเลยครับ
นักเรียน : เป็นทหารครับ
นักเรียน : เป็นหมอครับ
นักเรียน : เป็นครูค่ะ
l เราจะมีอาชีพอะไรก็ตาม แต่เราทุกคนต้องเป็นคนดี ใช่ไหมครับ
นักเรียน : (ตอบพร้อมกัน) ใช่ครับ ใช่ค่ะ
l จะฝากอะไรถึงผู้ชมรายการทีวีนี้บ้างครับ
นักเรียน : ขอบพระคุณที่มีความเมตตาพวกเราครับเราทุกคนขอขอบพระคุณครับ
l เราไปสนทนากับคุณครูบ้างครับ สวัสดีคุณครูทุกท่านครับ โรงเรียนนี้มีคุณครูทั้งหมดกี่คนครับ
คุณครู : สวัสดีค่ะ ขอบคุณที่กรุณามาเยี่ยมเยียนพวกเรานะคะ โรงเรียนนี้มีครูทั้งหมด 8 คนค่ะ และมีนักการ 1 คน
l คุณครูมีแปดคน แบ่งการสอนอย่างไรครับ
คุณครู : ครู 8 คน สอนนักเรียนชั้นอนุบาลถึงประถม 6 โรงเรียนนี้มีนักเรียนทั้งหมด 43 คนค่ะ บางชั้นเรียนมีนักเรียนแค่ 5 เท่านั้น เช่น ชั้นประถม 6
l นักเรียนชั้นไหนมีจำนวนมากที่สุดครับ
คุณครู : ชั้นประถมสามค่ะ มีทั้งหมด 11 คนค่ะ
l โรงเรียนส่วนใหญ่มาจากครอบครัวฐานะอย่างไรครับผู้ปกครองส่วนใหญ่ทำอาชีพอะไรครับ
คุณครู : ค่อนข้างยากจนค่ะ ส่วนมากทำอาชีพทำไร่ทำนา เป็นเกษตรกร และรับจ้างค่ะ
l เด็กนักเรียนส่วนใหญ่อยู่กับพ่อแม่ หรืออยู่กับปู่ยาตายายครับ
คุณครู : ส่วนใหญ่ไม่ได้อยู่กับพ่อแม่ เพราะพ่อแม่ไปทำงานรับจ้างในต่างจังหวัด บางครอบครัวพ่อแม่ก็แยกทางกัน เด็กหลายคนอยู่กับญาติ เช่น ปู่ยาตายาย หรือลุงกับป้า
l มีนักเรียนคนไหนบ้างที่มีฐานะยากจนมากๆ จนคุณครูต้องยื่นมือเข้าไปช่วยดูแลความเป็นอยู่บ้างไหมครับ มีปัญหายาเสพติดไหมครับ
คุณครู : มีค่ะ บางรายเราต้องเข้าไปช่วยดูแลความเป็นอยู่ที่บ้าน เพราะนักเรียนอยู่กับตายายที่แก่มาก และมีฐานะยากจน เราต้องเข้าไปช่วยหาทุนการศึกษาให้นักเรียน และต้องพยายามให้นักเรียนได้รับความอบอุ่นทางใจมากๆ เนื่องจากเขาไม่มีพ่อแม่ หรือพ่อแม่ทิ้งไป ส่วนปัญหายาเสพติดในนักเรียนของเราไม่มีนะคะ
l ช่วงเรียนออนไลน์ เด็กๆ มีปัญหาอะไรบ้างไหมครับ
คุณครู : เด็กนักเรียนหลายคนไม่มีอินเตอร์เนตที่บ้าน บางคนไม่มีอุปกรณ์สำหรับเรียนออนไลน์ ไม่มีโทรศัพท์มือถือแบบสมาร์ทโฟน ไม่มีแท็บเลต เราก็ต้องสอนหนังสือแบบการแจกใบงานให้เด็กนำไปทำที่บ้าน เด็กหลายคนที่บ้านไม่มีอินเตอร์เนตค่ะ
l ช่วงที่เด็กไม่ได้มาเรียนที่โรงเรียน โรงเรียนไม่ต้องเตรียมอาหารกลางวันให้เด็ก แล้วเงินค่าอาหารกลางวันที่รัฐบาลแจกให้กับเด็กนักเรียนถูกนำไปทำอะไรครับ
คุณครู : เราก็แจกเงินให้เด็กเป็นรายหัว หัวละ 21 บาท โดยจ่ายเงินให้เด็กเป็นรายเดือน เพื่อให้เด็กนำไปให้ผู้ปกครองของเด็ก
l ในมุมมองของครูที่สอนในโรงเรียนต่างจังหวัดในเขตทุรกันดารคุณครูจะมีสิ่งใดบอกกับคุณผู้ชมรายการทีวีของเราบ้าง เพื่อให้ทุกคนช่วยกันหาทางแก้ไขปัญหาที่เกิดกับเด็กนักเรียนและคณะครูในเขตทุรกันดาร เพื่อให้การศึกษาของเด็กไทยในเขตห่างไกลดีขึ้น
คุณครู : ปัญหาของโรงเรียนขนาดเล็กที่ชัดเจนที่สุดคือ ขาดแคลนอุปกรณ์การเรียนการสอน เรื่องนี้เป็นสิ่งที่เห็นได้ชัดเมื่อเทียบกับโรงเรียนขนาดใหญ่ในเมืองหลวง และเมืองใหญ่ๆ ตามภูมิภาคต่างๆ และอีกเรื่องหนึ่งคือโรงเรียนขนาดเล็กในเขตทุรกันดารจะขาดแคลนครูสอนประจำวิชา หรือเฉพาะวิชา ครูในโรงเรียนเล็กๆ แบบนี้จะต้องสอนทุกวิชา และต้องทำงานเอกสารมากมายจนทำให้การสอนไม่มีประสิทธิภาพเท่าที่ควร ซึ่งเป็นผลเสียต่อเด็กนักเรียน ครูที่นี่ต้องสอนทุกวิชา
l แล้วมีปัญหาการสอนไหมครับ เช่น สมมุติว่าครูไม่ถนัดการสอนภาษาอังกฤษ เราแก้ปัญหานี้อย่างไรครับ
คุณครู : เราใช้การสอนจากโครงการเรียนการสอนผ่านระบบดาวเทียมโดยสอนผ่านโทรทัศน์ค่ะ นี่ก็พอช่วยแก้ปัญหานี้ได้บ้าง
l มีปัญหาอื่นๆ อีกไหมครับ ที่เป็นปัญหาต่อการเรียนของเด็ก
คุณครู : ดิฉันเห็นว่าการเรียนของนักเรียนชั้นประถมหนึ่งมันเหมือนว่าอัดมากเกินไปสำหรับเด็กอายุ 7 ขวบ มากจนนักเรียนสับสน ทั้งๆ ที่น่าจะเน้นให้เด็กอ่านออกเขียนได้เบื้องต้นเท่านั้นก็พอ แต่ในความเป็นจริงคืออัดเอาสิ่งอื่นๆ เข้ามามากจนเกินไปสำหรับเด็กอายุน้อยๆ ดิฉันเห็นว่าควรเน้นให้เด็กอ่านออกก่อนเป็นอันดับแรก เพราะเมื่อเขาอ่านออก เขาก็จะสามารถเรียนรู้ได้มากขึ้น แล้วเขาจะมีความสุขในการเรียนมากขึ้น เพราะอ่านแล้วเข้าใจเนื้อหาสาระ
l คุณครูอยากจะฝากข้อคิดอะไรไปถึงผู้มีอำนาจหน้าที่ดูแลเรื่องของการศึกษาของเด็กไทย เพื่อให้คุณภาพการศึกษาของชาติเราดีขึ้นกว่านี้
คุณครู : ประเด็นแรกเลยคือ ในยุคที่เด็กต้องเรียนออนไลน์แต่เด็กไม่มีอินเตอร์เนต ไม่มีแท็บเลต นี่คือปัญหาใหญ่ของเด็กและครูเลยค่ะ เด็กฐานะยากจนจะมีแท็บเลตได้ยากมาก เรื่องนี้เป็นสิ่งที่รัฐบาลต้องแก้ไขก่อนเป็นอันดับแรก แต่ก็คงแก้ไขได้ยากมาก เพราะการจะทำให้ทุกบ้านมีอินเตอร์เนตนี่เป็นเรื่องใหญ่มาก ส่วนเรื่องอื่นๆ ก็คืออยากให้ช่วยลดภาระงานอื่นๆ ให้กับคุณครู โดยเฉพาะงานเอกสารที่ไม่เกี่ยวกับการสอนหนังสือเด็ก ทุกวันนี้มีภาระงานเอกสารมากจนไม่สามารถเตรียมการสอนเพื่อให้สอนหนังสือนักเรียนได้อย่างมีประสิทธิภาพ อยากให้ครูมีเวลาเตรียมการสอนให้มากขึ้น โดยลดภาระงานอื่นๆ ลงไป เพราะหน้าที่สำคัญของครูคือสอนหนังสือเด็กให้ดีที่สุด
คุณจะได้พบรายการดีที่ครบครันด้วยสาระและความรู้รายการ ไลฟ์ วาไรตี ออกอากาศทุกวันอาทิตย์ เวลา 16.00-16.25 น. ทางโทรทัศน์ NBT กดหมายเลข 2 และชมรายการย้อนหลังได้ที่ YouTubeไลฟ์ วาไรตี
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี