สภากาชาดไทย โดย นายเตช บุนนาค เลขาธิการสภากาชาดไทย เป็นประธานในพิธีเปิด โครงการรถคลินิกจักษุศัลยกรรมเคลื่อนที่สภากาชาดไทยในสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี โดยมี นายนิวัฒน์ รุ่งสาคร ผู้ว่าราชการจังหวัดลพบุรี พร้อมด้วยนางวัชราภรณ์ รุ่งสาคร นายกเหล่ากาชาดจังหวัดลพบุรี และพลโท นายแพทย์อำนาจ บาลี ผู้อำนวยการสำนักงานบรรเทาทุกข์และประชานามัยพิทักษ์ สภากาชาดไทย ร่วมเป็นเกียรติในพิธีเปิด เมื่อวันที่ 27 เมษายน 2565 ซึ่งโครงการรถคลินิกจักษุศัลยกรรมเคลื่อนที่สภากาชาดไทยฯ ในครั้งนี้จัดขึ้น เพื่อทำการตรวจรักษาและผ่าตัดตาให้แก่ประชาชนผู้ด้อยโอกาสโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ระหว่างวันที่ 25-29 เมษายน 2565 ณ โรงเรียนบ้านวังเพลิง ตำบลวังเพลิง อำเภอโคกสำโรง จังหวัดลพบุรี
นายเตช บุนนาค กล่าวว่า หน่วยแพทย์จักษุศัลยกรรมสภากาชาดไทยในสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ได้ดำเนินการมาเป็นเวลากว่า 27 ปีแล้ว โดยเริ่มปฏิบัติงานเมื่อวันที่ 1 เมษายน พ.ศ.2538 เพื่อเฉลิมพระเกียรติเนื่องในโอกาสที่สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้ากรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงเจริญพระชนมายุครบ 40 พรรษา ปัจจุบันปฏิบัติงานทุกสัปดาห์ที่ 3 ของเดือน เป็นประจำที่สถานีกาชาดที่ 6 อรัญประเทศเฉลิมพระเกียรติฯ จังหวัดสระแก้ว โครงการนี้ได้รับการปรับปรุงและพัฒนางานมาเป็นลำดับ โดยปฏิบัติงานเชิงรุกด้วยการออกให้บริการสัญจร โดยออกปฏิบัติงานที่โรงพยาบาลอำเภอในพื้นที่ห่างไกลและไม่มีจักษุแพทย์ เริ่มดำเนินการตั้งแต่ปี 2545 เป็นต้นมา จนถึงปัจจุบันและต่อมาในปี 2551 ได้เริ่มโครงการรถคลินิกจักษุศัลยกรรมเคลื่อนที่ฯปฏิบัติงานในรูปแบบการนำรถผ่าตัดเคลื่อนที่ ลงไปปฏิบัติงานเชิงลึกระดับตำบล ที่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล ปีละ 6 ครั้ง และอีกทั้ง เมื่อปี 2554 ยังได้จัดทำโครงการที่ตรวจรักษาและผ่าตัดตา ให้แก่พระภิกษุ แม่ชี และนักบวชทุกศาสนาอีกด้วยตั้งแต่ปี 2538 เป็นต้นมา หน่วยแพทย์จักษุฯ ให้การรักษาโดยไม่คิดค่าใช้จ่ายไปแล้วกว่า 265,000 ราย ทำการผ่าตัดไปแล้วกว่า 67,000 ราย
สำหรับการดำเนินงานครั้งนี้ จัดขึ้นเป็นครั้งที่ 73 โดยสำนักงานบรรเทาทุกข์และประชานามัยพิทักษ์ สภากาชาดไทย ร่วมกับจังหวัดลพบุรี สำนักงานเหล่ากาชาดจังหวัดลพบุรี โดยได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด
ลพบุรี ส่วนราชการทุกภาคส่วน ตลอดจนภาคเอกชน มีเป้าหมายในการดำเนินงานให้บริการตรวจรักษาโรคตาผ่าตัดโรคต้อกระจก และทำผ่าตัดโรคตาอื่นๆ เช่นต้อเนื้อ ต้อหิน โรคของเปลือกตาในผู้ป่วยทุกรายที่จำเป็นต้องรักษา จำนวน 250 ราย เพื่อให้ผู้ป่วยโรคตาในท้องถิ่นทุรกันดารและมีฐานะยากจนได้รับบริการที่ดีเท่าเทียมกับผู้ป่วยในเมืองโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายและไม่เสียเวลาในการเดินทางมารับการรักษาในเมือง และผู้สูงอายุที่ยากไร้ในชนบทได้รับการตรวจรักษาอย่างถูกต้อง สามารถมองเห็นและช่วยเหลือตัวเองได้ ทำให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น
ในโอกาสเดียวกันนี้สภากาชาดไทย มีศูนย์ความเป็นเลิศทางด้านการแพทย์โรคพาร์กินสันและกลุ่มโรคความเคลื่อนไหว
ผิดปกติ แห่งโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ได้พัฒนาไม้เท้าเพื่อช่วยในการแก้ไขอาการเดินติดขัดของผู้ป่วยโรคพาร์กินสันหรือโรคทางระบบประสาท ที่มีปัญหาทางด้านการเดินหรือสูญเสียการทรงตัวส่งผลต่อการเกิดอุบัติเหตุได้ง่าย โดยศูนย์พาร์กินสันได้จัดทำโครงการไม้เท้าเลเซอร์ช่วยเดินพระราชทาน เฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เพื่อให้ผู้ป่วยใช้อุปกรณ์ช่วยเพิ่มความมั่นคงในการก้าวเดินและใช้แสงเลเซอร์ช่วยกระตุ้นให้ผู้ป่วยก้าวเดินได้ง่ายขึ้น ซึ่งได้รับพระมหากรุณาธิคุณจาก สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯสยามบรมราชกุมารี อุปนายิกาผู้อำนวยการสภากาชาดไทย พระราชทานนามไม้เท้านี้ว่า“ไม้เท้าเลเซอร์พระราชทาน” เมื่อปี พ.ศ.2563 จึงถือโอกาสนี้ดำเนินการมอบ “ไม้เท้าเลเซอร์พระราชทาน” ให้แก่ผู้ที่มีปัญหาทางด้านการเดินร่วมกับการปฏิบัติงานของหน่วยแพทย์จักษุฯ ในครั้งนี้ด้วย
จากประชาชนผู้มีจิตศรัทธา ท่านที่สนใจสนับสนุนโครงการฯ สามารถบริจาคได้ที่ ธนาคารไทยพาณิชย์ สาขาสภากาชาดไทยเลขที่บัญชี 045 2 88000 6 ระบุ บริจาคเข้าโครงการหน่วยแพทย์จักษุศัลยกรรมสภากาชาดไทย หรือสอบถามรายละเอียด เพิ่มเติม โทร.02-2517853
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี