สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ทรงเป็นสมเด็จพระโสทรเชษฐภคินีในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 8 และ 9 และทรงเป็นสมเด็จพระปิตุจฉา ในพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 10 ประสูติ เมื่อวันที่ 6 พฤษภาคม พ.ศ. 2466ณ กรุงลอนดอน สหราชอาณาจักร เป็นพระธิดาพระองค์แรกในสมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก และ สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี พระนามแรกประสูติตามที่โรงพยาบาลตั้งถวายคือ May Songkla ซึ่งเป็นเดือนประสูติ ต่อมาเมื่อความทราบฝ่าละอองธุลีพระบาทพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6จึงได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานพระนามว่า หม่อมเจ้ากัลยาณิวัฒนา ต่อมาพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 7ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ สถาปนาขึ้นเป็นพระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้ากัลยาณิวัฒนา ในรัชสมัยของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล ได้รับประกาศเฉลิมพระเกียรติยศขึ้นเป็น สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา
ในโอกาสที่ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา ทรงเจริญพระชันษาครบ 6 รอบในวันที่ 6 พฤษภาคม พ.ศ. 2538 พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราชบรมนาถบพิตร ทรงมีพระบรมราชโองการสถาปนาเป็นเจ้าฟ้าต่างกรมฝ่ายใน มีพระนามตามจารึกในพระสุพรรณบัฏว่า สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์
ทรงสำเร็จการศึกษาจากคณะวิทยาศาสตร์ สาขาเคมี จากมหาวิทยาลัยโลซานน์ ทรงได้รับ Diplôme de Chimiste A ขณะที่ทรงศึกษาที่คณะวิทยาศาสตร์นั้น ยังทรงศึกษาหลักสูตรสังคมศาสตร์ Diplôme de Sciences Sociales Pédagogiques อันประกอบด้วยวิชาต่าง ๆ ในสาขาวิชาการศึกษา วรรณคดี ปรัชญา และจิตวิทยาด้วย
ตลอดชนม์ชีพสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ทรงบำเพ็ญพระกรณียกิจมากมายเพื่อแบ่งเบาพระราชภาระพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9และสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี โดยทรงรับโครงการต่างๆ ไว้ในพระอุปถัมภ์มากมาย ทั้งทางด้านการศึกษา สังคมสงเคราะห์ การแพทย์และสาธารณสุข การต่างประเทศ ศาสนาและอื่นๆ
ทรงมีความสนพระทัยงานด้านการแพทย์และสาธารณสุขเป็นพิเศษ ด้วยทรงมีพระดำริว่าปัญหาสุขภาพของประชาชนโดยเฉพาะในพื้นที่ห่างไกลเป็นเรื่องสำคัญ จึงทรงรับสืบทอดงานทางด้านนี้ต่อจากสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี คือ มูลนิธิแพทย์อาสาสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี (พอ.สว.) หรือ หมอกระเป๋าเขียวที่ชาวบ้านเรียกกัน
ทรงเป็นประธานมูลนิธิขาเทียมในสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ที่ทรงก่อตั้งขึ้นร่วมกับสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี โดยทรงลงพระนามขอจดทะเบียนก่อตั้งมูลนิธิด้วยพระองค์เองพร้อมทั้งได้พระราชทานเงินทุนประเดิมร่วมกับ สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนีในการก่อตั้งอีกด้วย มูลนิธิขาเทียมฯ มีวัตถุประสงค์เพื่อจัดทำขาเทียมให้แก่ผู้พิการขาขาดที่ยากไร้ในชนบทโดยไม่คิดมูลค่า และค้นคว้า วิจัย พัฒนาชิ้นส่วนขาเทียมจากวัสดุภายในประเทศเพื่อลดการนำเข้าจากต่างประเทศ อันเป็นการพัฒนาองค์ความรู้ในประเทศและลดมูลค่าการขาดดุลการค้าลงด้วย และทรงดำรงตำแหน่งประธานมูลนิธิถันยรักษ์ในพระบรมราชูปถัมภ์สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนีอีกด้วย และทรงเป็นประธานมูลนิธิหม่อมเจ้าบุญจิราธร (ชุมพล) จุฑาธุช ซึ่งมีวัตถุประสงค์เกี่ยวกับการให้ทุนการศึกษาแพทย์ตามโครงการแพทย์ชนบท ให้ทุนการศึกษาแก่นักศึกษาพยาบาลที่เรียนดีแต่ขาดแคลนทุนทรัพย์ และให้ทุนการศึกษาสำหรับผู้ที่จะสมัครเป็นอาจารย์วิชาการพยาบาล
ในปี พ.ศ.2529 สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ทรง รับ “กองทุนหมอเจ้าฟ้า” ของคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ไว้ในพระอุปถัมภ์ และได้พระราชทานเงินจากทุนการกุศลสมเด็จย่า และทุนการศึกษา กว. สมทบเข้ากองทุนเป็นประจำทุกปีเสมอมามิได้ขาด เพื่อให้อาจารย์แพทย์ไปศึกษาฝึกอบรมยังต่างประเทศ และเป็นทุนอุดหนุนการศึกษาจัดสรรให้นักศึกษาที่เรียนดีแต่ขัดสนสำหรับนักศึกษาแพทย์และนักศึกษาอีก 5 คณะในกลุ่มวิทยาศาสตร์สุขภาพ ได้แก่คณะทันตแพทยศาสตร์ เภสัชศาสตร์ พยาบาลศาสตร์เทคนิคการแพทย์ และสัตวแพทยศาสตร์
นอกจากนี้ ยังทรงรับมูลนิธิและกองทุนการกุศลต่างๆ ทางด้านสาธารณสุขไว้ในพระอุปถัมภ์อีกหลายหน่วยงาน ได้แก่ มูลนิธิโรคไตแห่งประเทศไทยกองทุนสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนีเพื่อพัฒนาการพยาบาล ศิริราชมูลนิธิ มูลนิธิเด็กโรคหัวใจ มูลนิธิช่วยการสาธารณสุข มูลนิธิส่งเสริมสวัสดิภาพสตรีและเยาวชน มูลนิธิเด็กโรคหัวใจมูลนิธิช่วยการสาธารณสุข สมาคมพยาบาลสาธารณสุขไทย มูลนิธิเพื่อโรงพยาบาลราชานุกูล มูลนิธิสงเคราะห์เด็กพิการทางสมองและปัญญาโรงพยาบาลยุวประสาทไวทโยปถัมภ์ มูลนิธิโรงพยาบาลเวชศาสตร์เขตร้อน มูลนิธิโรงพยาบาลเลิดสิน
นอกจากนี้ เมื่อปีพ.ศ.2545 ยังโปรดเกล้าฯให้ทีมสัตวแพทย์ 4 คน จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยตามเสด็จไปออกหน่วยเคลื่อนที่กับ พอ.สว. เพื่อให้คำปรึกษาเกี่ยวกับปัญหาโรคสัตว์และการดูแลสัตว์เลี้ยงแก่ประชาชนในพื้นที่ต่างๆ ได้แก่ เชียงราย น่าน แพร่ อุตรดิตถ์ พะเยา และพิษณุโลก
เนื่องในวันที่ 6 พฤษภาคม พ.ศ.2566 จะเป็นวาระครบรอบ 100 ปี วันประสูติ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ประเทศไทยจึงได้เสนอพระนามให้องค์การการศึกษา วิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ หรือ องค์การยูเนสโก(UNESCO) พิจารณาประกาศยกย่องเป็นบุคคลสำคัญของโลก เพราะพระองค์ทรงประกอบพระกรณียกิจนานัปการด้วยพระปณิธานแนวแน่ที่จะทำประโยชน์เพื่อประชาชนชาวไทยและสังคมโลกทั้งยังทรงยึดมั่นในคุณค่าของมนุษย์ และศักยภาพของการพัฒนาจึงทรงอุปถัมภ์กิจการทั้งปวงที่เกี่ยวกับด้านการศึกษา ด้านวิทยาศาสตร์ประยุกต์การแพทย์และการสาธารณสุข สังคมสงเคราะห์ ด้านสัมพันธไมตรี การสื่อสารและการแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรม การศาสนาและศิลปวัฒนธรรมที่เป็นประโยชน์ต่อสาธารณชนและพสกนิกรชาวไทยซึ่งองค์การยูเนสโกได้พิจารณาแล้ว และมีประกาศรับรองพระนามให้ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ เป็นบุคคลสำคัญของโลก เมื่อเดือนพฤศจิกายน พ.ศ.2564 ซึ่งทางรัฐบาลไทยจะร่วมมือกับภาคเอกชนจัดงานฉลองวาระดังกล่าวต่อไป
ตลอดระยะเวลา 84 ปี ที่ทรงมีพระชนม์ชีพอยู่นั้น สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนากรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ได้ทรงบำเพ็ญพระกรณียกิจมากมายแก่ประเทศชาติ ในโอกาสวันคล้ายวันประสูติครบ 99 พรรษา ขอเชิญปวงพสกนิกรชาวไทยได้ร่วมสำนึกในพระกรุณาธิคุณที่ทรงประกอบพระกรณียกิจในด้านต่างๆ เพื่อความสุขแก่พสกนิกรชาวไทยอย่างแท้จริง
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี