แน่นอนว่าความเครียด ถือเป็นอาการปกติที่เกิดได้กับคนทุกเพศทุกวัย ภายใต้ปัจจัยที่แตกต่างกัน จริงๆ แล้ว ความเครียดเป็นภาวะทางอารมณ์ที่อยู่กับมนุษย์ทุกคน หากแต่ปัจจุบัน เมื่อสภาพสังคมเริ่มมีความซับซ้อนมากขึ้น เกิดปัญหารอบตัวมากมายที่ทำให้เราวิตกกังวลมากขึ้นโดยไม่รู้ตัว จนบ่อยครั้งก็อดฉุกคิดไม่ได้ว่านี่เรากำลังแบกความเครียดมากเกินไปจนเข้าขั้น “เครียดสะสม” แล้วหรือยัง
พญ.เพ็ญชาญา อติวรรณาพัฒน์ แพทย์ผู้ชำนาญการด้านจิตเวช ศูนย์สุขภาพใจ โรงพยาบาลวิมุต ชวนทำความเข้าใจเกี่ยวกับ “ความเครียดในโลกยุคใหม่” ที่มีปัจจัยมากมายเข้ามากระทบกระเทือนจิตใจ หวังคนหันมาดูแลสุขภาพใจให้แข็งแรงเพราะจริงๆ แล้ว “เครียดได้ก็หายได้ ขออย่าเก็บไว้คนเดียว”
โซเชียลมีเดีย ทำคนไทยยุคนี้จิตตก
“หากถามถึงปัจจัยสำคัญที่ทำให้คนในยุคนี้เครียด ก็ต้องบอกว่าคือโซเชียลมีเดีย นับวันโลกออนไลน์ยิ่งส่งผลต่อสุขภาพจิตของคนไทยมากขึ้นเรื่อยๆ แต่จะเป็นไปในทิศทางไหนก็ขึ้นอยู่กับวิธีการเสพสื่อของเราด้วย ถ้าเสพอย่างถูกวิธีก็จะช่วยให้เราสบายใจและได้ประโยชน์อย่างมาก แต่ในทางกลับกัน ถ้าเราเสพเนื้อหาที่คุกคาม (Social Bullying) หรือแสดงถึงความเกลียดชัง (Hate Speech) ก็จะยิ่งทำให้เราเกิดความเครียดขึ้นโดยไม่จำเป็น
“เคสที่น่าสนใจซึ่งกำลังเกิดกับวัยรุ่นและคนทำงานตอนต้นมากขึ้นเรื่อยๆ ก็คือการยึดติดกับโซเชียลมีเดียจนคิดว่าเป็นตัวตนจริงๆ รู้สึกห่วงยอดแชร์ แคร์ยอดไลค์ ใส่ใจกับคอมเมนท์มากเกินไปจนลืมไปว่านั่นคือโลกเสมือนที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับตัวเราในโลกแห่งความเป็นจริงเลย สิ่งนี้นำไปสู่ปัญหาสุขภาพจิตมากมาย เพราะเมื่อเรามัวให้ความสำคัญกับโลกเสมือนแทนที่จะโฟกัสกับชีวิตจริง อาจนำมาซึ่งความเครียด ภาวะซึมเศร้า ไปจนถึงการสูญเสียตัวตนและความมั่นใจในชีวิตจริง ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าเสียดายมากที่เราเอาสิ่งปลอมๆ ที่ไม่มีตัวตนมาทำร้ายตัวตนของเราเสียเอง และที่เลวร้ายกว่านั้นก็คือ การหลงลืมความสำคัญของคนรอบตัวที่อยู่เคียงข้างเราจนเกิดปัญหาความสัมพันธ์ และทำให้ชีวิตพังครืนได้เลย”
วิธีจับสัญญาณอันตราย เครียดแค่ไหนต้องไปหาหมอ
“ความเครียดกับชีวิตเป็นของคู่กันอย่างปฏิเสธไม่ได้ซึ่งถ้าเรามีความเครียดในระดับปกติ เราก็มักจะรับมือได้ด้วยกิจกรรมคลายเครียดและการพักผ่อนในแบบของเรา แต่เมื่อใดก็ตามที่เราทุกข์นานขึ้น ทุกข์มากกว่าสุขอย่างชัดเจน รู้สึกอ่อนไหวต่อสิ่งเร้าที่ทำให้เศร้าหรือหงุดหงิดง่ายขึ้น อีกทั้งวิธีคลายเครียดที่เราเคยใช้อยู่กลับเริ่มไม่ได้ผล อารมณ์ยังขุ่นมัว รู้สึกไม่ดีอยู่เป็นประจำ สิ่งเหล่านี้ถือเป็นสัญญาณว่ามีความเครียดที่มากกว่าระดับปกติแล้ว โดยเราสามารถใช้วิธีนี้จับสัญญาณความเครียดสะสมของคนใกล้ตัวได้เช่นกัน เพื่อช่วยบอกเพื่อนและคนในครอบครัวให้รีบรักษาและรับความช่วยเหลืออย่างทันท่วงที
สิ่งสำคัญคือ จะต้องรู้ตัวให้เร็ว หลังจากนั้นอาจพูดคุยระบายกับคนที่ไว้ใจได้หรือเขียนออกมา เพราะความเครียดที่มากเกินปกติมักมีต้นตอจากปัญหาที่จำเป็นต้องแก้ไขอย่างจริงจังไม่สามารถใช้วิธีผ่อนคลายอารมณ์ตามปกติได้ ลองใช้เวลาสังเกตตัวเองและหาสาเหตุให้เจอ แล้วค่อยๆ จัดการทีละข้อ เรียงตามลำดับความสำคัญ อีกเรื่องที่ต้องไม่ลืมคือ การดูแลสุขภาพร่างกายให้แข็งแรง กินอาหาร นอนหลับพักผ่อน และออกกำลังกายอย่างเหมาะสม”
เครียดมากๆ อย่าเก็บไว้ รีบพบแพทย์เพื่อหาทางรักษา
“เมื่อพยายามแก้ปัญหาที่ทำให้เครียดแล้วแต่อาการเครียดกลับไม่ทุเลา ให้รู้ไว้ว่าเราไม่ได้อ่อนแอ เมื่อจัดการเองไม่ได้ ก็ต้องให้เป็นหน้าที่ของคุณหมอผู้เชี่ยวชาญดูแลและวินิจฉัยให้ตรงจุด บางครั้งความเครียดไม่ได้เกิดจากปัจจัยภายนอกเท่านั้น ยังมีปัจจัยภายในร่วมด้วย เช่น การเสียสมดุลของสารเคมีในสมอง ฮอร์โมน หรือสารสื่อประสาท ซึ่งอาจต้องใช้ยาร่วมในการรักษาด้วย”
ทั้งนี้ ผู้ป่วยของศูนย์ส่วนใหญ่เป็นกลุ่ม Young Adult อายุตั้งแต่ 20-40 ปี ซึ่งเป็นคนกลุ่ม Sandwich Generation ที่ต้องดูแลทั้งลูกและคุณตาคุณยายในวัยสูงอายุ จึงต้องแบกรับภาระการดูแลคนทั้งสองรุ่นไปพร้อม ๆ ซึ่งนอกจากจะเสี่ยงต่อการเจ็บป่วยแล้ว ยังมีความเสี่ยงด้านสุขภาพจิตมากขึ้นด้วย ไม่ว่าจะเป็นภาวะวิตกกังวล ซึมเศร้า เบิร์นเอาต์ หรือความผิดปกติในการกิน ซึ่งทุกโรคที่กล่าวมา ล้วนมีแนวทางรักษาอย่างเป็นระบบ
“สำหรับศูนย์สุขภาพใจ โรงพยาบาลวิมุต ใช้แนวทางการรักษาแบบผสมผสานทั้งการใช้ยา ร่วมกับการปรับทักษะชีวิต การใช้ยามีความจำเป็นเพื่อปรับสารเคมีในร่างกายผู้ป่วยในเบื้องต้น เสมือนเป็นการไขกุญแจ แล้วให้ผู้ป่วยใช้มือเปิดประตูเองต่อไป นอกจากนี้ เราตระหนักว่าจิตใจของคนเรามีความซับซ้อน จึงนำเสนอแนวทางการรักษาแบบอื่นๆ บูรณาการควบคู่กัน ทั้งกิจกรรมบำบัด ดนตรีบำบัด ศิลปะบำบัด ซึ่งช่วยให้เกิดความผ่อนคลายสบายใจ ทำให้เกิดการเข้าใจและยอมรับในตนเอง และเกิดการพัฒนาตนเองได้ในที่สุด”
อีกหนึ่งตัวเลือกในการพบแพทย์ของคนยุคใหม่ที่ศูนย์สุขภาพใจ โรงพยาบาลวิมุต คือบริการปรึกษาแพทย์ออนไลน์ (Telemedicine) ผ่าน ViMUT Application (แพทย์เป็นผู้ประเมินว่าสามารถทำการรักษาออนไลน์ได้หรือไม่) เพื่อให้คนไข้พบแพทย์ได้จากทุกที่ พร้อมได้รับการรักษาที่ต่อเนื่องและสะดวกสบายลืมความเชื่อผิดๆ เกี่ยวกับการพบจิตแพทย์
“สิ่งที่อยากย้ำกับสังคมอีกครั้งคือ ปัญหาทางใจเป็นเรื่องปกติธรรมดา แม้ในความรู้สึกของผู้ป่วยอาจรู้สึกว่าเป็นเรื่องที่รุนแรงและหนักหนามาก แต่ขอให้เชื่อว่ามีทางรักษาได้ ถึงเวลาแล้วที่คนไทยจะลืมความเชื่อผิดๆ ที่ว่าพบจิตแพทย์คือจิตไม่ปกติ เพราะจริงๆ แล้ว ปัญหาเครียดสะสม เบิร์นเอาต์ หรือซึมเศร้า สามารถรักษาได้โดยผู้เชี่ยวชาญ ขออย่าเก็บไว้คนเดียว เราทุกคนควรดูแลสุขภาพใจให้แข็งแรงไม่ต่างจากการตรวจเช็กร่างกายทั่วไปเลย”
สนใจรับคำปรึกษาที่ศูนย์สุขภาพใจ โรงพยาบาลวิมุต คลิกที่ https://register.vimut.com/Registermentalhealth หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ www.vimut.com เฟซบุ๊ก : www.facebook.com/vimuthospital อินสตาแกรม :vimut_hospital ไลน์: @vimuthospital TikTok: @vimuthospitalYoutube : www.youtube.com/c/ViMUTHospital หรือโทร.02-0790000
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี