รมว.อว. เป็นประธาน MOU ยกระดับอาหารไทยภาคเหนือด้วยการฉายรังสี
กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม เตรียมยกระดับอาหารพื้นถิ่นในภาคเหนือ สู่นวัตกรรมอาหารปลอดภัยด้วยเทคโนโลยีการฉายรังสี เพื่อเพิ่มโอกาสการตลาด ผ่านความร่วมมือของ 5 หน่วยงานหลัก นำโดย สถาบันเทคโนโลยีนิวเคลียร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ สทน. พร้อมด้วย สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.)และ 3 มหาวิทยาลัยราชภัฏ (มรภ.) โดยมีจังหวัดเป้าหมาย คือ เชียงใหม่ เชียงราย และกำแพงเพชร
ศาสตราจารย์พิเศษ ดร.เอนก เหล่าธรรมทัศน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม(รมว.อว.) เป็นประธานใน “พิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือเรื่อง การบูรณาการด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีนิวเคลียร์ เพื่อเสริมสร้างศักยภาพด้านงานวิจัย พัฒนานวัตกรรมและการใช้ประโยชน์ โดยมี รศ.ดร.ธวัชชัย อ่อนจันทร์ ผู้อำนวยการ สทน. นายเอนก บำรุงกิจรองผู้อำนวยการ วช. และอธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏ 3 แห่ง ได้แก่ มรภ.เชียงใหม่ มรภ.เชียงราย และ มรภ.กำแพงเพชร พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร สทน. วช. และ มรภ. เข้าร่วมงาน ณ อาคารพระจอมเกล้า ชั้น 1สำนักงานปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม
ศาสตราจารย์พิเศษ ดร.เอนก เหล่าธรรมทัศน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม กล่าวว่า“การได้เห็น MOU วันนี้ระหว่าง สทน. กับ มรภ. 3 แห่งภาคเหนือที่นำเทคโนโลยีนิวเคลียร์ไปช่วยถนอมอาหารพื้นถิ่น เป็นเรื่องที่น่ายินดีมาก เราทำ U2T for BCG ปีนี้เป็นปีที่ 2 จะทำ 3 เดือน ผ่านไปแล้ว1 เดือนครึ่ง ได้จัด Hackathon มี 4 ทีม ที่ได้รางวัล เป็น มรภ.ได้รางวัลชนะ 2 ประเภท / มทร. ชนะ 1 ประเภท / ปัญญาภิวัฒน์อีก 1 ประเภท แสดงว่าจะดูแคลน มรภ. มทร. และ มหาวิทยาลัยเอกชนไม่ได้ มหาวิทยาลัยแต่ละแห่งต้องเรียนรู้ซึ่งกันและกัน ผมได้กล่าวในที่ประชุม ทปอ. ว่า หลักสูตรของเราส่วนใหญ่ เอามาจากตำราต่างประเทศที่มองไม่เห็นจุดแข็งของคนไทย เราต้องดูว่าคนไทยเก่งเรื่องอะไรแล้วเปิดวิชาเรื่องที่คนไทยเก่ง ไม่ต้องไปลอกหลักสูตรจากชาติตะวันตกทั้งหมด มรภ./มทร. ต้องดูว่าเราอยู่ที่ไหน คนท้องที่เก่งเรื่องอะไร แล้วเราก็ไปสอนเรื่องนั้นๆ ให้เก่ง เพราะคนไทยมี DNA ที่เก่งในเรื่องสร้างสรรค์ เช่น รำโนราห์ หรือเดินแบบแฟชั่นได้แม้จะไม่เคยมีการสอนจริงจัง สรุปว่า อาจทำได้สองทางคือ นำเอาเทคโนโลยีนิวเคลียร์มาสอน และ นำเอาเรื่องเศรษฐกิจสร้างสรรค์มาทำให้ดี ท้ายสุดนี้ ขอชื่นชมงานในวันนี้และอย่าให้เป็นเพียงกิจกรรมที่จัดไปเรื่อยๆ แต่ขอให้มีหมุดหมายการใช้ประโยชน์ เชื่อมโยง มรภ. กับหน่วยงานวิจัย ให้ทำงานร่วมกัน”
รศ.ดร.ธวัชชัย อ่อนจันทร์
ด้าน รศ.ดร.ธวัชชัย อ่อนจันทร์ ผู้อำนวยการ สทน. กล่าวเพิ่มเติมว่า การยกระดับผลิตภัณฑ์อาหารพื้นถิ่น เพื่อให้ผู้บริโภคมีความมั่นใจในคุณภาพและมาตรฐาน ด้วย “เทคโนโลยีและนวัตกรรม” เป็นสิ่งที่รัฐบาลให้ความสำคัญ พิธีลงนามบันทึกข้อตกลงฯในวันนี้ จึงเกิดขึ้นเพื่อให้การฉายรังสีในอาหารเป็นที่ยอมรับและมีการใช้ประโยชน์แพร่หลายมากขึ้น โดยในปี 2564-ก.ค. 2565 ที่ผ่านมา สทน. ได้ร่วมกับ 3 มหาวิทยาลัยราชภัฏ ในภาคกลาง และภาคใต้ ประกอบด้วย มรภ.พระนครศรีอยุธยา /มรภ.ธนบุรี/ มรภ.ราชนครินทร์ / มรภ.สุราษฎร์ธานี / มรภ.สงขลา /มรภ.ภูเก็ต ร่วมกันจัดฝึกอบรมให้ความรู้ความเข้าใจ สร้างการยอมรับ โดยมีอาหารพื้นถิ่นที่ส่งเข้าร่วมโครงการฯ รวมทั้งสิ้น 301 ผลิตภัณฑ์
สำหรับการลงนามความร่วมมือในครั้งนี้ เป็นการดำเนินงานในพื้นที่ “ภาคเหนือ” โดยมีจังหวัดเป้าหมาย คือเชียงใหม่ เชียงราย กำแพงเพชร โดยในส่วนของ สทน. กับ วช. และ มรภ.ทั้ง 3 แห่งจะทำงานร่วมกันทั้งในเรื่องการจัดฝึกอบรมให้ความรู้ การสร้างการยอมรับเรื่องประโยชน์ของการฉายรังสีผลิตภัณฑ์ และอำนวยความสะดวกให้มีศูนย์ประสานงาน ในการส่งผลิตภัณฑ์เพื่อมาฉายรังสี มีการใช้พื้นที่และทรัพยากรต่างๆ ร่วมกัน เพื่อนำไปสู่การวิจัยและพัฒนาตัวสินค้า จนสามารถขยายไปเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ที่จะนำไปจำหน่ายในประเทศและส่งออกไปต่างประเทศ
“การยกระดับมาตรฐานความปลอดภัยให้กับอาหารพื้นถิ่นในแต่ละภูมิภาคของไทยด้วยการฉายรังสี เป็นหนึ่งในเป้าหมายสำคัญของ สทน.โดยนอกเหนือจากความปลอดภัยในการบริโภคของคนไทยแล้ว สทน.ยังต้องการให้อาหารพื้นถิ่นของไทยเป็นที่รู้จักในกลุ่มผู้บริโภคต่างประเทศด้วย เพราะประเทศไทยของเรายังมีอาหารพื้นถิ่นที่น่าสนใจอีกมากมายโอกาสนี้ จึงอยากขอเชิญชวนผู้ประกอบการอาหารพื้นถิ่นในพื้นที่ภาคเหนือโดยเฉพาะในกลุ่มอาหารแปรรูป สมัครเข้ามาร่วมโครงการฯ กับ สทน. ผมมั่นใจว่าผลิตภัณฑ์ท่านจะมีทางเลือก มีโอกาสในการทำตลาดเพิ่มมากขึ้นครับ” ผอ.สทน.กล่าวทิ้งท้าย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี