มาสัมผัสเสน่ห์ของ ยะลา เมือง “ใต้สุดแดนสยาม เมืองงามชายแดน” คำขวัญประจำจังหวัด ยะลา เพราะที่นี่ได้ชื่อว่าเป็นเมืองที่มีการวางผังเมืองที่ดีและสวยงามที่สุดในประเทศไทย อยู่ในเขตเทศบาลนครยะลา มีถนนกว่า 400 สาย ตัดเชื่อมต่อกัน ส่วนหนึ่งเป็นใยแมงมุม มีวงเวียนซ้อนกัน 3 วงมีสถานที่ท่องเที่ยวน่าสนใจอยู่หลายแห่ง ทั้งด้านประวัติศาสตร์ วัฒนธรรมพื้นถิ่น อาหารและผลไม้เลื่องชื่อ ศิลปะบนกำแพง ธรรมชาติและขุนเขา รวมถึงความล้ำสมัยในแบบสมาร์ท ซิตี้ ที่หลายคนยังไม่รู้
ยะลา ได้ชื่อว่าเป็นเมือง “พหุวัฒนธรรม” หรือเมืองที่มีประชากรหลากหลายทั้งเชื้อชาติ ศาสนาและวัฒนธรรม อยู่รวมกัน ทำให้เกิดมนต์เสน่ห์ที่น่าสนใจมากมายการเดินทางมา ยะลา โดยสายการบินมาลงที่สนามบินหาดใหญ่ แล้วต่อรถยนต์ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง สิ่งแรกที่นับได้ว่าเป็นที่สุดของเมืองยะลานั่นก็คือการวางผังเมือง ที่ถูกจัดให้เป็นเมืองที่มีการวางผังเมืองสวยเป็นอันดับที่ 23 ของโลกพร้อมการจัดโซนนิ่งต่างๆ ของเมืองไว้อย่างลงตัว ไม่ว่าจะเป็นส่วนของหน่วยงานราชการ ที่อยู่อาศัย ร้านค้า รวมถึงการพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชากร ที่ ทางเทศบาลนครยะลา โดย นายพงษ์ศักดิ์ ยิ่งชนม์เจริญ นายกเทศมนตรีนครยะลา ได้ดำเนินการไว้อย่างดีเยี่ยม
จุดหมายแรกเมื่อถึงเมืองยะลา คือศาลหลักเมืองยะลากราบสักการะเพื่อความเป็นสิริมงคล ตั้งอยู่ในกลางวงเวียนหน้าศาลากลางจังหวัด เป็นที่สักการบูชา เคารพนับถือของชาวจังหวัดยะลา นอกจากนี้ศาลหลักเมืองยะลายังเป็นจุดศูนย์กลางของผังเมืองรูปใยแมงมุม ซึ่งมีคำว่าเมืองยะลา เป็นเมืองที่มีผังเมืองสวยที่สุดในประเทศ และมีสวนสาธารณอันร่มสวยงามอยู่ในบริเวณเดียวกัน
ต่อด้วย วัดคูหาภิมุข หรือ วัดหน้าถ้ำ วัดสำคัญและเก่าแก่ของจังหวัดยะลา ทางขึ้นมีบันได 136 ขั้น ภายในถ้ำใหญ่เป็นที่ประดิษฐานพระพุทธไสยาสน์หรือพ่อท่านบรรทมขนาดใหญ่ พระพุทธรูปเก่าแก่หลายองค์ รวมไปถึงรูปปั้นฤาษี รูปปั้นยักษ์พ่อท่านเจ้าเขา ขนาดใหญ่บริเวณด้านหน้าปากถ้ำ ซึ่งเป็นผู้ปกปักษ์รักษาและปัดเป่าความชั่วร้าย ตามความเชื่อของชาวยะลา ก่อนกลับอย่าลืมแวะอุดหนุนร้านของฝากของกลุ่มชาวบ้านชุมชนตำบลหน้าถ้ำ ที่เรียกว่ากลุ่มสีมายา ได้รวมกลุ่มกันทำ “ผ้าสีมายา” เป็นผ้าแฮนด์เมดมัดย้อมจากสีของดินมายา ที่เป็นดินท้องถิ่นของจังหวัดยะลา ภูมิปัญญาชาวบ้านที่ช่วยสร้างรายได้ให้กับชุมชน มีทั้ง หมวก เสื้อ กระเป๋า และของที่ระลึกลวดลายมัดย้อมสวยงาม
และที่ไม่ไปไม่ได้คือศาลเจ้าแม่ลิ้มกอเหนี่ยว อันเลื่องชื่อ ที่นี่เป็นที่เคารพสักการะของชาวไทยทุกศาสนา ไม่ใช่เพียงแค่ชาวไทยเชื้อสายจีนเท่านั้น แต่ใครที่เดินทางมาจังหวัดยะลา ต่างก็ต้องแวะมาขอพรกันแทบทุกคนเลยรวมถึง โดยเฉพาะในช่วงตรุษจีนและช่วงหลังเทศกาลตรุษจีนก็จะตรงกับวันมูลนิธิแม่กอเหนี่ยว ก็จะมีพิธีแห่ลุยไฟ ที่จัดว่าเป็นงานที่ยิ่งใหญ่ อีกงานหนึ่งของชาวใต้เลย
สายอาร์ต ต้องไม่พลาดเช็คอิน สตรีทอาร์ทเมืองยะลา หรือYala bird city street artภาพวาดบนฝาผนังตึก บ้านเรือนใจกลางเมืองเก่าบริเวณชุมชนประชานุกูล โดยนำนกสัญลักษณ์ของเมืองยะลาที่ถือเป็นเมืองแห่งนก มีประวัติศาสตร์การเลี้ยงนกมาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน โดยเฉพาะนกกรงหัวจุกและนกเขายะลา จนกลายเป็นวิถีชีวิตท้องถิ่น ภาพนกได้ถูกนำมาถ่ายทอดเรื่องราวเป็นศิลปะบนท้องถนน โดยศิลปินชื่อดังจากทั่วประเทศไทย อย่างAlex Faceกับน้องมาดีหรือกระต่ายสามตาอันโด่งดัง, October 29 และ BigDelภาพวาดมีสีสันสดใส มีความเป็นเอกลักษณ์ รวมถึงผลงานของศิลปินท้องถิ่นที่บริเวณสะพานดำ และอีกหลายแห่งทั่วเมืองยะลา
หรือจะมารู้จักวัฒนธรรมของยะลาให้มากขึ้นผ่านเทคโนโลยีที่ทันสมัยที่ อุทยานการเรียนรู้ยะลา (TK park ยะลา)ซึ่งเป็นอุทยานการเรียนรู้ส่วนภูมิภาคต้นแบบแห่งแรก เกิดขึ้นจากความร่วมมือระหว่างสำนักงานอุทยานการเรียนรู้ (สอร.) TK park กับเทศบาลนครยะลา ด้วยเจตนารมณ์ที่ต้องการให้เป็นเสมือนแม่ข่ายทางปัญญาที่จะช่วยถ่ายทอดบทเรียนการจัดการเรียนรู้ให้กับพื้นที่ใกล้เคียง ภายใต้บริบทวัฒนธรรม และนำภูมิปัญญาท้องถิ่นมาผสมผสานกับองค์ความรู้และเทคโนโลยีที่ทันสมัยได้อย่างกลมกลืน
สายวิ่ง ต้องรู้ดีว่าไม่ควรพลาด ยะลา มาราธอนอีกหนึ่งกิจกรรมที่ประสบความสำเร็จอย่างงดงามจาก ยะลามาราธอน ครั้งที่ 1 วัดจากผลสำรวจโดย “เพจวิ่งไหนดี” ซึ่งเป็นเพจที่มีผู้ติดตามจำนวนมากถึง 1,026,369 คน ยะลามาราธอน ได้รับอันดับ 2 จากการจัดอันดับ 10 งานวิ่งที่ดีที่สุดในประเทศ ประจำปี 2019 เพราะมีเส้นทางวิ่งทางธรรมชาติที่สวยงาม และครั้ง 2 เพิ่งจัดขึ้นไปเมื่อวันที่ 31 กรกฎาคม 2565 ที่ผ่านมา
สายกิน ต้องอิ่มเอมแบบจุกๆ กันแน่นอน เพราะยะลามีความหลากหลายทางวัฒนธรรม ทำให้เราสามารถเดินหารร้านอาหารพื้นถิ่นที่เป็นตำนาน รวมทั้งร้านอาหารสมัยใหม่ในสไตล์ฟิวชั่น หรือแม้แต่ร้านอาหารอินเดีย เริ่มกันที่ มื้อเช้า กับร้าน Anna’s Gardenร้านอาหารมุสลิมยอดนิยม ที่มีทั้งไก่กอและ นาซิดาแฆ ไปจนถึงเมนูโรตีต่างๆเสริฟอาหารเช้าให้กับคนยะลาและนักท่องเที่ยว ได้อิ่มเอมไปกับสตรีทฟู้ดยอดนิยมมาต่อยอดเสิร์ฟในแบบฉบับของร้าน และ ชาเบิกเนตร ที่มีส่วนผสมของชา 9 ชนิด จนฮิตทั่วเมืองยะลาส่วนคอกาแฟต้อง ร้านคาเฟ่ คีรีเขต (KIRIKHET)ที่คุณจะเจอเมนูกาแฟรสชาติดีไม่แพ้ร้านดังในกรุงเทพฯ เพราะยะลาเป็นหนึ่งในเมืองที่เลื่องชื่อในการปลูกเมล็ดกาแฟชั้นดีนั่นเอง
มื้อเที่ยง ที่ ร้านแลผา หน้าถ้ำร้านที่คนยะลาแนะนำว่าห้ามพลาด เสิร์ฟอาหารใต้รสจัดจ้าน ครบทุกเมนู เมนูแนะนำอันดับหนึ่ง คือ ต้มส้มหมูป่า ที่ไม่ได้หาทานได้ทุกวันเพราะนอกจากจะรสชาติดีแล้วกรรมวิธีการเลือกวัตถุดิบก็ต้องคัดสรร โดยเฉพาะหมูป่า ต้องเลือกที่มีน้ำหนักไม่เกิน 60 กก. ลงมาต้มนาน 3-5 ชั่วโมง จนเนื้อเปื่อยยุ่ยและน้ำซุปอร่อยครบรสทั้งเปรี้ยว หวาน เค็ม หอมเครื่องสมุนไพร ขมิ้น ตะไคร้ ใบมะกรูดแทรกซึมเข้าไปในเนื้อหมูป่า และไปต่อกันที่ ศูนย์รวมร้านซุประดับตำนานเมืองยะลา ร้านซุปเนื้อในตรอก ในซอยมัสยิดกาโบหรือที่ชาวบ้าน เรียกกันว่า ตรอกร้านซุปเปิดให้บริการมานานกว่า 60 ปี หลากหลายร้านให้เลือกชิมมากถูกใจคนรักเนื้อแน่นอน
มื้อเย็น ใครที่ชอบอาหารทะเล ก็ต้องมาที่นี่ ร้านธารา ครัวเปิด อร่อยทุกเมนู หรือใครชอบทานข้าวต้มกุ๊ย แนะนำร้านข้าวต้มโอเคมีเมนูต้นตำรับร้านข้าวต้มให้เลือกสั่งอย่างจุใจ แต่ถ้าอยากลิ้มลองอาหารอินเดีย หนึ่งเดียวในเมืองยะลา ก็ต้องมาที่ร้าน Diggin Indian Café Yalaเป็นร้านอาหารอินเดียฮาลาลเล็กๆตกแต่งในบรรยากาศอินเดียร่วมสมัย เมนูอาหารอินเดียรสชาติต้นตำรับ อร่อย และไม่แพงอย่างที่คิด อย่างเซ็ตมหาราชา ทานได้ 3-4 คน ในราคาแค่ 459 บาท ส่วนเมนูที่ห้ามพลาดคือ นานชีส แนะนำให้สั่งคนละจาน เพราะทานเพลินมาก
สายทุเรียน กรี๊ดสนั่นจังหวัดยะลา มีพื้นที่ปลูกทุเรียนมากที่สุดในภาคใต้ตอนล่างและที่สำคัญเป็นแหล่งผลิตทุเรียนคุณภาพดี รสชาติดี ไม่ว่าจะเป็น หมอนทอง ก้านยาว พวงมณี หนามดำ หรือ มูซานคิง (สายพันธุ์ดังจากทางประเทศมาเลเซีย พื้นที่แรกที่นำเข้ามาปลูกคือที่เบตง) เพราะลักษณะภูมิประเทศส่วนใหญ่เป็นภูเขา เนินเขาและป่าไม้ ส่งผลให้ผลทุเรียนมีเนื้อแห้ง เนียนละเอียด หลุดจากเปลือกได้ง่าย จึงมี “ทุเรียนสะเด็ดน้ำยะลา” หรือทุเรียนที่ปลูกบนภูเขา มีให้เก็บเกี่ยวตั้งแต่ปลายเดือนมิถุนายนจนถึงปลายเดือนตุลาคม ใครมาเที่ยวช่วงนั้นรับรองว่าได้ทานทุเรียนสมใจ รวมถึงส้มโชกุน ผลไม้ขึ้นชื่อมาอย่างยาวนาน โดดเด่นด้วยรสชาติหวานอมเปรี้ยว เนื้อนุ่ม เปลือกล่อนปอกง่ายมีกลิ่นหอมเฉพาะตัว ส้มโชกุน จึงจัดเป็นพืชเศรษฐกิจ และเป็นของฝากที่ขึ้นชื่อเช่นเดียวกับลองกองมีการคัดเกรดแบบพรีเมี่ยมลูกใหญ่ เปลือกบาง เนื้อขาวใส หวาน หอม และอร่อย
นอกจากนี้ ยังมีผลไม้หายากที่มีเฉพาะที่ยะลาเท่านั้น อย่าง ลังแข ผลไม้ป่าหน้าตาคล้ายกระท้อน รสชาติอมเปรี้ยวอมหวาน, จำปูลิง ผลไม้ป่าในท้องถิ่นภาคใต้อีกหนึ่งชนิด ที่พบเห็นได้ยากในปัจจุบัน มีลักษณะคล้ายมะไฟ แต่มีขนาดผลเล็กกว่า รสชาติหวานอมเปรี้ยวคล้ายกับมะไฟ,ละไม ลักษณะคล้ายผลมะไฟ ผลอ่อนสีเขียว แก่แล้วเป็นสีขาว หรือสีน้ำตาลอ่อน มีกลิ่นหอม รสอมเปรี้ยวอมหวาน และ กล้วยหินที่นิยมนำมาทำ กล้วยหินฉาบ ของดีประจำท้องถิ่น ที่หอมหวาน กรุบกรอบ ทานเพลินจนเบรคไม่อยู่
สายช้อป ต้องอดใจไม่ไหวกับความสวยงามของผ้าลายโบราณพื้นเมืองอย่าง ผ้าปะลางิงที่ใช้เทคนิคการพิมพ์ลายด้วยเทียนจากบล็อกไม้ ทำให้ผ้ามีความพิเศษแตกต่างจากผ้าทั่วไป เป็นภูมิปัญญาท้องถิ่นที่มีมาแต่โบราณ โดยมี นายปิยะ สุวรรณพฤกษ์ ผู้ก่อตั้งกลุ่มศรียะลาบาติก เป็นผู้พลิกฟื้นขึ้นมา มีขั้นตอนการทำที่ซับซ้อนและลวดลายสวยงาม อีกทั้ง ยังสอดแทรกเรื่องราวของวัฒนธรรมต่างๆ ลงในลายผ้าได้อย่างวิจิตรงดงามและเป็นเอกลักษณ์
-(016)
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี