ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ จัดแถลงข่าว เปิดตัวทีมนักวิจัย KEETA จากประเทศไทย เป็น 1 ใน 10 ทีม ที่ผ่านเข้ารอบการแข่งขันเฟสแรก “โครงการพัฒนาระบบผลิตอาหารอัตโนมัติและครบวงจรสำหรับนักบินอวกาศ Deep Space Food Challenge” เป็นการแข่งขันที่จัดขึ้นโดยองค์การบริหารการบินและอวกาศแห่งชาติ
(NASA) และองค์การอวกาศแคนาดา (Canadian Space Agency) โดยมีโจทย์สุดท้าทายคือให้ผู้เข้าร่วมแข่งขันสร้างระบบที่สามารถผลิตอาหารได้ในระยะยาว โดยไม่ต้องพึ่งการขนส่งไปเติมเพิ่มเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับภารกิจเดินทางไป-กลับดาวอังคารของนักบินอวกาศ โดยมีเครือข่ายความร่วมมือจากสหสถาบันให้การสนับสนุน ประกอบด้วย สถาบันการจัดการปัญญาภิวัฒน์ และ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย พร้อมกันนี้ ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ได้เตรียมพื้นที่ในอาคารวิทยาลัยแพทยศาสตร์ศรีสวางควัฒน ไว้เป็นศูนย์กลางความเป็นเลิศเพื่อพัฒนาองค์ความรู้ด้านอวกาศร่วมกันในระดับนานาชาติ เพื่อเป็นแรงบันดาลใจสร้างนักวิจัยรุ่นใหม่ในอนาคต
ศ.นพ.นิธิ มหานนท์ เลขาธิการราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ มีความภาคภูมิใจและยินดีเป็นอย่างยิ่งในการสนับสนุน “โครงการพัฒนาระบบผลิตอาหารอัตโนมัติและครบวงจรสำหรับนักบินอวกาศ” ให้กับ ทีม KEETA (กีฏะ) ซึ่งมีอาจารย์จากวิทยาลัยแพทยศาสตร์ศรีสวางควัฒนราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ และนักวิจัยจากสหสถาบันร่วมกันพัฒนาโครงการนี้จนผ่านเข้าไปสู่เฟสที่ 2ได้สำเร็จ โดยเป็น 1 ใน 9 ทีมที่ได้รับการคัดเลือกทั้งนี้ ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ได้เตรียมพื้นที่ห้องปฏิบัติการสำหรับทำงานวิจัยนี้ร่วมกัน ณ อาคารวิทยาลัยแพทยศาสตร์ศรีสวางควัฒน ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ โดยคาดหวังว่าที่นี่จะเป็นศูนย์กลางเพื่อพัฒนาองค์ความรู้ร่วมกันต่อไป
ศ.ดร.พญ.จิรายุ เอื้อวรากุล คณบดีวิทยาลัยแพทยศาสตร์ศรีสวางควัฒน ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ โครงการ Deep Space FoodChallenge เป็นการแข่งขันที่จัดขึ้นโดย องค์การบริหารการบินและอวกาศแห่งชาติ (NASA) และองค์การอวกาศแคนาดา (Canadian Space Agency) โดยมีโจทย์สุดท้าทายคือ ให้ผู้เข้าร่วมแข่งขันสร้างระบบที่สามารถผลิตอาหารได้ในระยะยาว โดยไม่ต้องพึ่งการขนส่งไปเติมเพิ่ม เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับภารกิจเดินทางไป-กลับดาวอังคารของนักบินอวกาศ ทีม KEETA (กีฏะ)ใช้จุดเด่นของวัฒนธรรมอาหารไทยอย่างโดยใช้ประโยชน์จากแมลงผสมผสานกับเทคโนโลยีเครื่องพิมพ์ 3 มิติ เพื่อสร้างระบบผลิตอาหารที่มีรูปลักษณ์และคุณสมบัติตามต้องการ จนแนวคิดนี้ไปถูกใจคณะกรรมการและได้เป็น 1 ใน 9 ทีมที่ผ่านเข้าเฟส 2 ของรอบการแข่งขัน โดยในที่สุดจะมีการคัดเลือกเหลือ 3 ทีมสุดท้ายในต้นปี 2566
วิทยาลัยแพทยศาสตร์ศรีสวางควัฒน ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ มีความภูมิใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในการสนับสนุน อาจารย์ ดร.วเรศ จันทร์เจริญ และ ทีม KEETA (กีฏะ) ในการสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศชาติสู่เวทีนานาชาติครั้งนี้ซึ่งเป็นการส่งเสริมให้นักวิจัยรุ่นใหม่ได้ทำผลงานวิจัยที่นำไปพัฒนาต่อยอดและนำไปใช้ได้จริง
ด้าน อาจารย์ ดร.วเรศ จันทร์เจริญอาจารย์ประจำวิทยาลัยแพทยศาสตร์ศรีสวางควัฒน ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ และ หัวหน้าทีม KEETA (กีฏะ) โครงการ Deep Space Food Challenge เป็นอีกหนึ่งความท้าทายในรอบ 100 ปีของ NASA CentennialChallenges(การแข่งขันด้านอวกาศของนาซา)โดยมีเป้าหมายคือกระตุ้นนวัตกรรมการวิจัยทั้งพื้นฐานและประยุกต์ การพัฒนาเทคโนโลยี หรือการสร้างธุรกิจใหม่ๆ ขึ้น โดยผู้เข้าแข่งขันจะต้องผลิตอาหารสำหรับภารกิจทางอวกาศเป็นระยะเวลา 3 ปี เพื่อเพียงพอต่อนักบินอวกาศ4 คน โดยไม่มีเสบียงเพิ่ม ที่สำคัญคือใช้เวลาการเตรียมอาหารให้ “น้อย” ที่สุด มีความปลอดภัย มีโภชนาการสูง เป็นมิตรกับอวกาศและบนโลกอย่างเสมอภาคกัน
ความตั้งใจของทีม KEETA (กีฏะ) นอกจากเข้าร่วมการแข่งขันแล้ว เราต้องการสร้าง เทคโนโลยีทางอวกาศ ซึ่งต้องใช้กินได้กินได้ในที่นี้ไม่ได้กินเป็นอาหาร แต่สามารถสร้างรายได้ ทำให้เกิดธุรกิจต่อประเทศ หรือทำให้เกิดเศรษฐกิจอวกาศ (Space Economy หรือ Space Business) นั่นคือความตั้งใจหลักของทีม โดยจะเป็นอีกหนึ่งฟันเฟืองในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจอวกาศ (Space Economy)ในประเทศไทย เพื่อใช้กับภาคเกษตรกรรม ปศุสัตว์ และภาควิศวกรรมที่เกี่ยวข้อง และถ้าเราชนะในเฟสที่สามต่อไปนั้น คนที่ได้ผลงานคือคนทั้งประเทศ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี