นักท่องเที่ยวที่มาเยือนมิวนิคและชอบเยือนเมืองมรดกโลก เมืองหนึ่งที่พลาดไม่ได้ก็คือ Regensburg เมืองที่อยู่ทางทิศตะวันออกของแคว้นบาวาเรียที่อยู่ ณ ตำแหน่งที่บรรจบกันระหว่างแม่น้ำ Danube, Naab และ Regen นี้เป็นเมืองที่ใหญ่อันดับสี่ของแคว้นบาวาเรีย เมืองที่เดิมมีชื่อเป็นภาษาเซลติกว่า Radasbona นี้มีประวัติย้อนไปถึงยุคหิน ในสมัยพระจักรพรรดิ Marcus Aurelius แห่งโรมได้สร้างป้อมปราการที่ชื่อว่าCastra Regina ขึ้นจนกลายเป็นที่พักสำคัญทางเหนือของแม่น้ำดานูบในช่วงปลายยุคโรมันที่นี่ยังเป็นที่ประทับของบิชอปจนมีการตั้ง Bishopric of Regensburg ในปี 739 ตั้งแต่ต้นคริสต์ศตวรรษที่ 6 เมืองนี้ตกอยู่ภายใต้การนำของตระกูล Agilolfings จนถึงกลางคริสต์ศตวรรษที่ 13 ที่กลายเป็นเมืองหลวงของแคว้นบาวาเรีย Regensburgยังคงความสำคัญจนถึงสมัย พระเจ้าCharlemagne
ในช่วงแห่งความรุ่งเรืองนี้ Regensburg กลายเป็นที่ทำพิธีล้างบาปให้กับเจ้าชายจากโบฮีเมียจนกลายเป็นจุดเริ่มต้นของความเป็นคริสเตียนของชาวเช็ก และเมืองนี้กลายเป็นเมืองแม่ของศาสนาจักรแห่งกรุงปรากนับจากนั้นมา เมืองนี้ยังดำรงความสำคัญสำหรับศาสนจักรเรื่อยมาจนระหว่างปี 1135-46 รัฐบาลได้สร้างสะพานหินเพื่อข้ามแม่น้ำดานูปขึ้นเพื่อเปิดเส้นทางการค้าระหว่างยุโรปเหนือกับเวนิส และกลายเป็นจุดเริ่มต้นของยุคทองทางการค้าและศูนย์กลางทางด้านวัฒนธรรม
ในปี 1245 Regensburg กลายเป็นอิสระและเป็นศูนย์กลางทางการค้าและการพบปะระหว่างนานาชาติ จวบจนปี 1486 ที่เมืองนี้กลายเป็นส่วนหนึ่งของแคว้นบาวาเรีย แต่ภายหลังก็ได้รับการปลดปล่อยให้เป็นอิสระอีกครั้งในอีก 10 ปีต่อมา ในปี 1542 Regensburg ได้ปฏิวัติเข้าสู่นิกายโปแตสแตนท์ทำให้ชนกลุ่มน้อยที่ยังนับถือโรมันคาทอลิคถูกปฏิเสธสิทธิพลเมือง ถึงกระนั้นก็ตามที่นี่ก็ยังเป็นที่ตั้งของบิชอปของนิกายโรมันคาทอลิกอยู่ และมีสำนักสงฆ์มากถึง 3 แห่ง ในปี 1803 Regensburg ถูกควบรวมเข้าเป็นส่วนหนึ่งของ Principality of Regensburg และถูกยกให้ Archbishop-Elector of Mainz และ Archchancellor of the Holy RomanEmpire Carl von Dalberg ซึ่ง Dalberg ได้ยกระดับความเท่าเทียมกันของคริสเตียนทั้งสองกลุ่ม
ประวัติศาสตร์ของเมืองไม่ได้มีแต่เรื่องดี ระหว่าง 19-23 เมษายน 1809 Regensburg กลายเป็นสนามรบในสงคราม Ratisbon ส่งผลให้บ้านถูกไฟไหม้ถึง 150 หลัง หลังจากที่นาซีครองอำนาจในปี 1933 ชาวยิวก็ถูกข่มเหงจนทำให้ชาวยิวส่วนใหญ่ต้องหนีไปโปแลนด์ ในช่วงสงครามโลกครั้งที่สองชาวยิวในเมืองก็ถูกเกณฑ์ไปเข้าแคมป์และกลายเป็นแรงงาน ส่วนหนึ่งก็ถูกฆ่าตาย ในช่วงเวลาเดียวกันนั้นเมืองนี้เป็นโรงงานผลิตเครื่องบินจึงทำให้กลายเป็นเป้าของการทิ้งระเบิดของพันธมิตร ถึงกระนั้นก็ตามส่วนเมืองเก่ากลับไม่ถูกทำลายมากนัก
ต้นทศวรรษที่ 1960 Regensburg ลงทุนในด้านโครงสร้างและเทคนิคมากมายเพื่อดึงดูดอุตสาหกรรมส่งผลให้บริษัท Siemens เป็นบริษัทข้ามชาติแห่งแรกที่มาลงทุนซึ่งถือเป็นก้าวแรกของความก้าวหน้าหลังสงครามโลกครั้งที่สองในปี 1965 เทศบาลได้รับอนุมัติจากรัฐบาลให้ตั้งมหาวิทยาลัย Regensburg และในปี 1971เทศบาลก็ได้ก่อตั้ง RegensburgUniversity of AppliedSciences หลังจากนั้นเมืองนี้ก็ดึงดูดให้ BMW มาตั้งโรงงานได้ในปี 1986 และยังสามารถดึงดูดบริษัทเทคโนโลยีอีกหลายแห่งมาลงทุนได้ อาทิ Infineon และ OSRAM ในปี 1997 Regengsburgได้รับรางวัลยุโรปทางด้านการควบรวม และในปี 2006 คณะกรรมการมรดกโลกก็ประกาศให้ Regengsburg เป็นเมืองมรดกโลก
นักท่องเที่ยวที่มาเยือนเมืองโดยทางรถไฟสามารถเดินถึงใจกลางเมืองเพื่อชื่นชมเมืองเก่าได้ในเวลาไม่ถึง 10 นาที ส่วนที่สวยงามที่สุดของเมืองอยู่บริเวณสะพาน Eiserns ที่เชื่อมระหว่างสองฟากของแม่น้ำดานูบอันเป็นตำแหน่งที่มักคลาคล่ำไปด้วยผู้คนที่มาซื้อของร้านริมทางและข้ามสะพานไปทานอาหารเพื่อชื่นชมเมืองมรดกโลกจากริมแม่น้ำอีกฟากหนึ่ง
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี