ครอบครัวเป็นสุข มีลูกเมื่อพร้อม เป็นคำขวัญที่เป็นจริงเสมอ ยิ่งปัจจุบันคำว่ามีลูก 1 คน จนไป 7 ปี โดยเทียบกับอัตราเงินเฟ้อในยุคหลังโควิด อาจเพิ่มเป็น 14 หรือ 21 ปีได้
ดังนั้น การวางแผนครอบครัวจึงสำคัญมาก เพราะป้องกันการตั้งครรภ์ไม่พึงประสงค์ได้ การคุมกำเนิด ด้วยการที่ฝ่ายชายใช้ถุงยางอนามัย ฝ่ายหญิงใช้ยาคุมกำเนิด ซึ่งปัจจุบันมีหลากหลายรูปแบบทั้งชนิดกิน ฉีด ฝัง หรือจะเป็นการใช้ห่วงคุมกำเนิด สามารถช่วยป้องกันการตั้งครรภ์ได้ โดยเฉพาะคู่รักที่มีเพศสัมพันธ์เป็นประจำ
อย่างไรก็ตาม เรื่องไม่คาดคิดก็เกิดขึ้นได้ทุกเวลาเพศสัมพันธ์ที่ไม่ได้ป้องกันหรือป้องกันแล้วยังคงเกิดความผิดพลาด เช่น ถุงยางฉีกขาด ในกรณีนี้ ยาคุมกำเนิดฉุกเฉิน ถือว่าเป็นตัวช่วยที่ดี เพราะแก้สถานการณ์คับขันได้
ก่อนอื่นเรามาทำความเข้าใจว่ายาคุมกำเนิดฉุกเฉินต่างจากยาคุมกำเนิดปกติอย่างไร ยาคุมกำเนิดปกติ ประกอบด้วยฮอร์โมน อาจมีทั้งชนิดเดี่ยวๆ หรือสูตรผสม ที่กำหนดขนาดให้รับประทานประมาณ 21-28 วันต่อรอบเดือน เพื่อป้องกันการตกไข่
ส่วนยาคุมกำเนิดฉุกเฉิน เป็นฮอร์โมนเดี่ยวๆ ปริมาณสูง ต้องรับประทานทันทีหลังจากมีเพศสัมพันธ์ หรือไม่เกิน 72 ชั่วโมงหลังมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ได้ป้องกัน มีทั้งสูตรที่รับประทานเพียง 1 เม็ด หรือรับประทาน 1 เม็ดทันทีหลังมีเพศสัมพันธ์ หรือภายในไม่เกิน 72 ชั่วโมง และรับประทานอีก 1 เม็ด หลังจากรับประทานยาเม็ดแรกแล้ว 12 ชั่วโมง ซึ่งเม็ดที่สองนี้มีความสำคัญไม่แพ้เม็ดแรก เพราะหากรับประทานไม่ถูกต้อง ประสิทธิภาพในการป้องกันการตั้งครรภ์จะลดลงอย่างมาก ดังนั้น หากผู้ใช้ยารู้ตัวว่าเป็นคนขี้ลืม ก็ควรเลือกสูตรที่รับประทานเพียง 1 เม็ดจะดีกว่า
ประสิทธิภาพของยาคุมกำเนิดแบบฉุกเฉิน ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น การมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ได้ป้องกันในช่วงใกล้ๆ กับระยะตกไข่ โอกาสตั้งครรภ์ก็อาจจะเพิ่มขึ้น แม้รับประทานยาแล้วก็ตาม อีกปัจจัยหนึ่งคือ ระยะเวลาที่กินยาหลังจากมีเพศสัมพันธ์ แม้ว่าคำแนะนำการใช้ยาจะบอกว่าให้รับประทานยาภายในไม่เกิน 72 ชั่วโมงหลังจากมีเพศสัมพันธ์ แต่ยิ่งรับประทานเร็วเท่าไร ก็ยิ่งดีเท่านั้น ถ้ามัวแต่ใจเย็น รีๆ รอๆ ว่ายังไม่ถึง 72 ชั่วโมง ไปทำอย่างอื่นก่อนก็ได้ ประสิทธิภาพในการคุมกำเนิดก็จะลดลงไป
เนื่องจากยามีฮอร์โมนค่อนข้างสูง ดังนั้น โดยทั่วไปจึงไม่แนะนำให้ใช้มากกว่า 2 ครั้งต่อเดือน ดังนั้นถ้าประเมินแล้วว่าจะมีเพศสัมพันธ์บ่อยกว่านั้น ควรเลือกใช้ยาคุมทั่วไปที่กินทุกวันจะดีกว่า ส่วนสาวๆที่ชอบลืมกินยา แนะนำเป็นชนิดฉีด ฝัง หรือใส่ห่วงอนามัยแทนก็ได้ เพราะยาคุมกำเนิดที่ต้องกินทุกวันนั้น หากลืมกินมากกว่าเดือนละ 3 วันก็เสี่ยงตั้งครรภ์ได้
อาการข้างเคียงที่พบบ่อยจากการใช้ยาคุมกำเนิดฉุกเฉิน คือ คลื่นไส้อาเจียน เวียนศีรษะ ปวดศีรษะปวดท้องน้อยคล้ายปวดประจำเดือน มีเลือดออกกะปริดกะปรอย ประจำเดือนมาไม่ตรงเวลาได้ กรณีกินยาแล้วอาเจียนออกมาหลังจากกินไปไม่เกิน 2 ชั่วโมง แนะนำให้กินยาใหม่ เพราะยาน่าจะยังดูดซึมไม่สมบูรณ์ มีผลต่อประสิทธิภาพการคุมกำเนิด
ข้อสำคัญอีกสิ่งหนึ่งที่ผู้เลือกใช้ยาคุมกำเนิดแบบฉุกเฉินต้องเข้าใจก่อนคือ การใช้ยาป้องกันได้เพียงการตั้งครรภ์เท่านั้น ไม่สามารถป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อื่นๆ ได้ ดังนั้น การมีเพศสัมพันธ์อย่างปลอดภัย ถือเป็นความรับผิดชอบของทั้งสองฝ่าย การสวมถุงยางอนามัยสามารถป้องกันได้ทั้งการตั้งครรภ์และโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ดังนั้น ผู้หญิงไม่ควรเลือกใช้วิธีการกินยาคุมฉุกเฉินเป็นหลักในการป้องกันการตั้งครรภ์
รศ.ภญ.ดร.ณัฏฐดา อารีเปี่ยม
คณะเภสัชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี