สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรีนารีรัตนราชกัญญา ทรงเป็นเจ้าหญิงที่พสกนิกรชาวไทยต่างประจักษ์ถึงพระอัจฉริยภาพที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น แฟชั่น กีฬา ศิลปะ ดนตรี โดยเฉพาะเรื่องแฟชั่น พระองค์ทรงได้รับการขนานนามว่าทรงเป็น “เจ้าหญิงดีไซเนอร์”ที่มีผลงานโดดเด่นด้านแฟชั่นบนเวทีระดับโลก รวมทั้งด้านศิลปะการออกแบบเครื่องแต่งกายและสิ่งทอ ทรงเป็นต้นแบบของหนุ่มสาวรุ่นใหม่ในเรื่องของการนำผ้าไทยมาออกแบบและตัดเย็บเป็นเครื่องแต่งกายที่มีความทันสมัย หรูหรางดงาม ซึ่งทรงสวมใส่ตามงานพระราชกรณียกิจต่างๆ อยู่เป็นนิจ ด้วยทรงสนพระทัยเกี่ยวกับการออกแบบแฟชั่นตั้งแต่ยังทรงพระเยาว์ และในขณะที่ยังทรงศึกษา พระองค์ทรงเคยแสดงแฟชั่นโชว์คอลเลคชั่นทรงออกแแบบครั้งแรก ในปารีส แฟชั่น วีค ทรงเป็นดีไซเนอร์เสื้อผ้าของพระองค์เอง ภายใต้แบรนด์ “SIRIVANNAVARI”อีกทั้ง ยังทรงได้รับรางวัลศิลปินศิลปาธรประจำปี 2561 ในสาขาศิลปะการออกแบบ(แฟชั่นและเครื่องประดับ) ด้วยพระปรีชาสามารถด้านการออกแบบและผลงานเป็นที่ประจักษ์
ด้านแฟชั่น สมเด็จพระเจ้าลูกเธอเจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา ทรงมีแบรนด์เสื้อผ้าเครื่องประดับ “SIRIVANNAVARI” และมีผลงานเป็นที่ประจักษ์ ได้รับการยอมรับในวงกว้างทั้งในและต่างประเทศ ผลงานของพระองค์เคยไปจัดแสดงคอลเลคชั่นบนแคตวอล์กระดับโลกมาแล้ว อาทิ คอลเลคชั่น Spring & Summer 2007ในงาน Paris Fashion Week 2007, งาน Paris Fashion Week 2008 ซึ่งผลงานเป็นที่ประจักษ์มีความโดดเด่น สร้างชื่อเสียงและความชื่นชมในพระปรีชาสามารถ นอกจากนี้ ยังทรงแสดงผลงานแฟชั่น Exhibition “Ethnic rock” ในงาน Russian Fashion Week ตุลาคม 2008
และเมื่อวันที่ 12 กันยายน 2561 ทรงเดินทางไปร่วมงานกาลาดินเนอร์ “L’Art et L’Âme de la Thaïlande”(ศิลปะและจิตวิญญาณไทย) ณ โรงแรม IntercontinentalParis Le Grand ในกรุงปารีสโดยงานนี้ถือเป็นหนึ่งในโครงการจัดขึ้นตามพระดำริเพื่อนำเสนอภาพลักษณ์ประเทศไทยผ่านสายตามุมมอง คนรุ่นใหม่ด้านแฟชั่นรูปแบบผสมเพื่อยกระดับอุตสาหกรรมการผลิตเสื้อผ้าให้ทัดเทียมนานาประเทศ ดังที่สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ในรัชกาลที่ 9 ทรงทำมาตลอดด้วยการยกระดับวงการทอผ้าไหมไทยให้เป็นผ้าที่สามารถนำไปประยุกต์ในวงการแฟชั่นต่างๆ ระดับโลกได้เพื่อสร้างรายได้ให้ชาวบ้านในถิ่นต่างๆ ของประเทศไทยโดยพระองค์หญิงทรงฉลองพระองค์ด้วยผ้าไหมมัดหมี่ แบบประยุกต์ปักขนนกยูงทองจากแบรนด์ SIRIVANNAVARI
เพื่อแสดงถึงอัตลักษณ์ความเป็นไทยและประชาสัมพันธ์ประเทศไทยผ่านผ้าไหมไทยสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรีนารีรัตนราชกัญญา ทรงร่วมออกแบบชุดว่ายน้ำให้ 95 สาวงามผู้เข้าประกวดนางงามจักรวาล ที่จัดขึ้นในประเทศไทยภายใต้แบรนด์ SIRIVANNAVARI ตามคำทูลเชิญของ พอลล่า เอ็ม ชูการ์ต ประธานองค์กรมิสยูนิเวิร์ส นอกจากนี้ ได้ประทานชุดแบรนด์ “SIRIVANNAVARI” ในคอลเลคชั่นทรงออกแบบพิเศษ โดยทรงตัดเย็บชุดราตรีจากผ้าไหมไทยด้วยพระองค์เองให้แก่เดมี-ลีห์ เนล-ปีเตอร์ส มิสยูนิเวิร์ส 2017และ โศภิดา กาญจนรินทร์ มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2018 ได้สวมใส่
สำหรับคอลเลคชั่นทรงออกแบบออทั่ม-วินเทอร์ 2019/20 ครั้งแรก ภายใต้แบรนด์ “SIRIVANNAVARI” และ S’Homme ที่ทรงนำเอาโครงเสื้อที่เป็นไอคอนของแบรนด์มาตีความใหม่สำหรับไลฟ์สไตล์อันโมเดิร์นและโก้หรูของการเดินทางไปต่างประเทศในฤดูหนาว ทรงมีพระดำรัสว่า “คอลเลคชั่นนี้นับได้ว่าเป็นคอลเลคชั่นออทั่ม-วินเทอร์ครั้งแรกของ SIRIVANNAVARI ซึ่งข้าพเจ้าตั้งใจที่จะแสดงให้เห็นถึงวิธีการมิกซ์แมทช์ วิธีการสไตลิ่ง วิธีการเลเยอร์เสื้อผ้าหลายๆ ชิ้นทับกัน ให้ดูสวยงาม โมเดิร์น และสามารถสวมใส่ได้จริงในชีวิตประจำวันในช่วงฤดูหนาวซึ่งจริงๆ แล้วก็เป็นสไตล์การแต่งตัวของข้าพเจ้าเวลาอยู่ต่างประเทศ ถึงแม้ว่าเมืองไทยจะไม่ได้มีอากาศหนาวมาก แต่ทุกวันนี้คนไทยก็เดินทางไปต่างประเทศในช่วงฤดูหนาวกันค่อนข้างเยอะ ข้าพเจ้าจึงคิดว่าถึงเวลาแล้วที่ SIRIVANNAVARI ต้องทำคอลเลคชั่นออทั่ม-วินเทอร์ ออกมาเพื่อให้คนไทยได้เห็นวิธีการสไตลิ่งเสื้อผ้าหน้าหนาวและได้ลองสวมใส่เสื้อผ้าหน้าหนาวที่ทำจากฝีมือของคนไทยบ้าง”
นอกจากนี้ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอเจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญายังทรงเป็นผู้สร้างแรงบันดาลใจและแบ่งปันองค์ความรู้ให้แก่วงการผ้าไทยในปัจจุบันให้แก่ผู้ที่อยู่ในวงการผ้าไทยในระดับชุมชน ระดับท้องถิ่น ระดับภูมิภาค ระดับชาติ อีกทั้งยังทรงนำแนวคิดที่เป็นสากลมาพัฒนาต่อยอดมรดกภูมิปัญญาผ้าไทย เสด็จไปทรงเป็นประธานเปิดตัวหนังสือและทรงเสวนาวิชาการหัวข้อ “การส่งเสริมและพัฒนาภาพลักษณ์ผ้าไทยสู่สากล” เพื่อยกระดับและแบ่งปันองค์ความรู้แก่วงการผ้าไทยในโอกาสที่โครงการส่งเสริมและพัฒนาภาพลักษณ์ผ้าไทยสู่สากล โดย กรมส่งเสริมวัฒนธรรม กระทรวงวัฒนธรรม จัดทำหนังสือแนวโน้มและทิศทางผ้าไทยและการออกแบบเครื่องแต่งกายด้วยผ้าไทย Thai Textiles Trend Book Spring/Summer 2022 (ไทย เท็กซ์ไทล์ เทรนด์ บุ๊ก สปริง/ซัมเมอร์ 2022) ซึ่งทรงมีพระวินิจฉัยพิจารณาเนื้อหาต้นฉบับและพระราชทานคำแนะนำพร้อมทรงแก้ไขรายละเอียดต่างๆ ทรงมีพระดำรัสว่า “แรงบันดาลใจในการจัดทำหนังสือเล่มนี้ มาจาก “สมเด็จย่า”ซึ่งก็คือ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ในการที่พระองค์ทรงเป็นต้นแบบให้กับทุกคน ทรงเป็นองค์เริ่มต้นที่ริเริ่มการทำงานทั้งหมดและทรงดึงจิตวิญญาณของเอกลักษณ์ความเป็นไทยและภูมิปัญญาท้องถิ่นสู่สากล
“ท่านหญิงทำเพื่อให้ทุกคนจดจำสมเด็จย่า รวมถึงทำอย่างไรให้งานของพระองค์ได้รับการสืบสาน รักษา ต่อยอดในสิ่งที่พระองค์ทรงงานมาทั้งหมด และจะทำอย่างไรให้ผ้าไทย งานคราฟท์ไทยทั้งหมดไปสู่ความเป็นไทยที่มีความเป็นสากลและยั่งยืน ซึ่งตัวท่านหญิงอยากจะแบ่งปันประสบการณ์จากวิชาชีพที่ได้เป็นอยู่ทุกวันนี้
และใช้วิชาชีพนี้มาถ่ายทอดความรู้ให้แก่บุคคลที่จะต้องสานต่องานนี้ต่อไป และจากประสบการณ์ทำงานของท่านหญิง คิดว่าถึงเวลาแล้วที่ประเทศไทยน่าจะมีเทรนด์บุ๊กเป็นของตัวเอง มีเทรนด์เป็นของตัวเอง และเป็นหนังสือที่ไม่ควรฉาบฉวย เป็นหนังสือที่ควรอยู่ในห้องเรียน อยู่ในห้องสมุด เพราะเราควรรู้ว่าสีของประเทศไทยเป็นอย่างไร สิ่งทอของเราเป็นอย่างไร และเราสามารถประยุกต์ได้อย่างไรบ้าง ซึ่งเทรนด์บุ๊กเล่มนี้เทียบเท่าระดับสากลได้ ผู้สนใจสามารถนำไปประยุกต์ใช้ในการสร้างสรรค์ผลงานไปสู่ระดับสากลได้”
อีกทั้งยังทรงมีพระดำรัสว่าเมื่อครั้งยังทรงพระเยาว์ได้ตามเสด็จ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ไปทรงงานตั้งแต่ภาคใต้ ภาคเหนือ ภาคอีสาน และได้เห็นวิธีการทรงงานของสมเด็จย่าที่พระราชทานคำแนะนำชาวบ้านในเรื่องของสีผ้า จึงทรงนำมาประยุกต์ใช้ในการทรงงานของพระองค์ด้วย พร้อมกันนี้ได้ทรงออกแบบลายมัดหมี่ชื่อลาย “ผ้ามัดหมี่ลายขอเจ้าฟ้าสิริวัณณวรีฯ” ที่ทุกลวดลายเปี่ยมไปด้วยความหมาย อาทิ ลาย Sหมายถึง Srivannavari สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา ลาย s จำนวน 10 แถวหมายถึงพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 10ลายเชิงผ้ารูปหัวใจ หมายถึง ความรักที่พระองค์มีต่อประชาชนชาวไทยทุกคน = Eternity Love เพื่อเป็นการจุดประกายความคิดในการพัฒนาลวดลายผ้าและพัฒนาผลิตภัณฑ์ผ้าไทยให้มีความร่วมสมัย สามารถก้าวสู่ระดับสากลเพื่อวิถีชุมชนที่ยั่งยืน ทรงมีพระดำรัส ว่า“ข้าพเจ้าได้มีโอกาสตามเสด็จสมเด็จย่า สมเด็จพระพันปีหลวง มาตั้งแต่เด็ก ได้เห็นท่านทรงงาน และรับรู้ถึงความทุ่มเทของพระองค์ท่านในการอนุรักษ์ศิลปหัตถกรรมพื้นบ้าน และสืบสาน ภูมิปัญญาไทย มาโดยตลอดเห็นการสร้างงาน สร้างรายได้ ให้ประชาชนมีความเป็นอยู่ที่ดี สามารถพึ่งพาตนเองได้อย่างมั่นคง ข้าพเจ้ามีความตั้งใจ ที่จะสืบสานพระราชปณิธาน โดยข้าพเจ้าได้นำประสบการณ์การทำงาน การศึกษา เดินทางไปชมผ้าไทย และงานหัตถกรรมพื้นบ้าน ตามภาคต่างๆ ทำให้เห็นผลงาน ที่สามารถนำมาพัฒนาให้ร่วมสมัยและเป็นสากลได้จากการค้นคว้า เก็บข้อมูล ลงพื้นที่จริงข้าพเจ้าจึงได้ ออกแบบลายผ้ามัดหมี่ มอบให้ช่างทอผ้าเป็นของขวัญปีใหม่ โดยออกแบบลายให้มีความหมายถึงการส่งมอบความรัก ความสุข ให้ชาวไทยทุกคน เป็นการจุดประกายความคิดในการพัฒนาลายผ้า ออกแบบให้ร่วมสมัย ใช้ได้จริงในหลายโอกาส”
ด้วยทรงตั้งพระทัยที่จะสืบสาน รักษา และต่อยอดพระราชปณิธานของ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตรและ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถพระบรมราชชนนีพันปีหลวง ในการยกระดับชีวิตความเป็นอยู่ของราษฎรให้สามารถเลี้ยงปากเลี้ยงท้องตนเองและคนในครอบครัว ควบคู่ไปกับการถนอมรักษาสมบัติทางวัฒนธรรมของชาติ โดยเฉพาะศิลปหัตถกรรมผ้าทอในแต่ละท้องถิ่น สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา จึงทรงรับหน้าที่เป็นบรรณาธิการบริหาร (Editor in Chief) เทรนด์ บุ๊ก THAI TEXTILES ด้วยพระองค์เอง และต่อเนื่องมาถึงเล่มล่าสุด THAI TEXTILES TREND BOOK Spring/Summer 2023 เป็นเล่มที่ 3
สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรีนารีรัตนราชกัญญา รับสั่งถึงแรงบันดาลใจที่สำคัญอีกประการหนึ่งในการทำเทรนด์บุ๊กทั้ง 3 เล่มนี้ว่า ทรงตั้งพระทัยให้เทรนด์บุ๊กทั้ง 3 เล่ม เป็นตำราที่ไม่ว่าแฟชั่นดีไซเนอร์ นักเรียน นักศึกษาด้านแฟชั่น และศิลปะตลอดจนผู้ประกอบการสามารถนำไปใช้ประโยชน์เพื่อต่อยอดในการสร้างสรรค์ผลงานแฟชั่น เป็นตำราไทยที่ให้องค์ความรู้เทียบเท่าตำราฝรั่งที่มีราคาสูงเป็นตำราที่ทุกคนเข้าถึงได้ เข้าใจง่าย เพียงแต่ต้องนำไปใช้ให้ถูก เมื่อใช้ให้ถูกก็จะไปได้ดี จะสามารถสร้างอาชีพ สร้างรายได้ ซึ่งเชื่อเหลือเกินว่าอาชีพนี้จะทำให้ประเทศไทยก้าวไปสู่แฟชั่นระดับโลก จึงขอฝากหนังสือเล่มนี้และนำไปใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด
นอกจากนี้ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา เสด็จพระราชดำเนินทรงเปิดตัวหนังสือครบรอบ 16 ปี “SIRIVANNAVARI:16 YEARS OF GLOR” เบื้องหลังเส้นทางแบรนด์ SIRIVANNAVARI BANGKOK ทรงมีรับสั่งว่า “เริ่มต้นจากการไปร้านหนังสือต่างๆ ทำให้ได้เห็นหนังสือแฟชั่นของแบรนด์ต่างๆ จึงเป็นแรงบันดาลใจที่ทำให้เกิดหนังสือเล่มนี้ ซึ่งเปรียบเสมือนความฝันที่เป็นจริง ข้าพเจ้าเคยมีความฝันไว้ว่าอยากมีหนังสือแฟชั่นเป็นของตัวเอง เป็นหนังสือที่รวบรวมผลงานของข้าพเจ้าและแบรนด์ SIRIVANNAVARI BANGKOKตั้งแต่เริ่มก่อตั้งจนถึงวันนี้ รวมทั้งตั้งใจให้หนังสือเล่มนี้มอบโอกาสให้คนในวงการแฟชั่นรุ่นหลังๆ ได้ศึกษาเรียนรู้”
นอกจากภาพความทรงจำอันสวยงามภายในหนังสือ SIRIVANNAVARI : 16 YEARS OF GLORY ที่ทรงคัดเลือกรูปภาพหลายร้อยภาพอย่างพิถีพิถันด้วยองค์เอง เพื่อลงตีพิมพ์ในหนังสือเล่มนี้ ตั้งแต่ภาพสเก็ตช์ภาพการฟิตติ้งนางแบบ ภาพเบื้องหลังเวทีภาพถ่ายแคมเปญโฆษณา ภาพรันเวย์ ฯลฯ ซึ่งล้วนแต่จะนำพาผู้อ่านไปอยู่ในดินแดนของ SIRIVANNAVARIBANGKOK อีกทั้ง ยังนำเสนอเรื่องราวและเบื้องหลังต่างๆ ของแบรนด์ที่ไม่เคยเปิดเผยที่ใดมาก่อน อาทิ บทสัมภาษณ์ขององค์ดีไซเนอร์และที่มาของสัญลักษณ์นกยูงหนังสือ “SIRIVANNAVARI : 16 YEARS OF GLORY” มีความโดดเด่นด้วยปกสีชมพูฟูเชียอันเป็นหนึ่งในเอกลักษณ์ของแบรนด์ซึ่งแสดงถึงวิสัยทัศน์และความสร้างสรรค์อันเหนือระดับขององค์ดีไซเนอร์
ด้วยความที่พระองค์ทรงเริ่มต้นอาชีพในวงการแฟชั่นตั้งแต่ทรงพระเยาว์ ในพระดำริของพระองค์หญิงคุณสมบัติของศิลปินที่ดีต้องประกอบไปด้วย “ศิลปินที่ดีต้องซื่อสัตย์ต่อตัวเอง และประวัติศาสตร์ของตัวเอง ต้องเป็นคนที่มุ่งมั่นในงาน ตั้งเป้าหมายและทำให้ได้ตามที่ตั้งใจ มีสปิริต มีการทำงานที่ต่อเนื่องรวมทั้งต้องมีแพชชั่นในงาน ต้องรู้จริงในงานของตัวเอง รู้จักแก้ปัญหาและมีวินัย รวมทั้งต้องมีเทสต์ที่ดีและรู้เทสต์ของทั่วโลก ทุกวันนี้แม้ว่าโลกจะเต็มไปด้วยเทคโนโลยีมากมาย แต่อย่างไร ก็ต้องชอบทักษะด้านงานฝีมือซึ่งเป็นพื้นฐานสำคัญ ที่ทำให้ต้องฝึกฝนตัวเองตลอดเวลา เพื่อที่เราจะสามารถบอกทีมงานให้ทำตามได้ อีกอย่างคือ ผู้ใหญ่สั่งมาอย่างไร สอนมาอย่างไร ต้องไม่ลืมสิ่งที่พวกเขาสอนมา บุคคลที่เป็นแรงผลักดันพระองค์เดียวและทรงเป็นไอคอนของข้าพเจ้า ก็คือ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง สมเด็จย่าทรงเป็นแรงผลักดันที่ทำให้ข้าพเจ้าทูลลาไปเรียนต่อด้านแฟชั่น ที่ประเทศฝรั่งเศส แล้วกลับมาถวายงานรับใช้พระองค์ท่าน”
ด้วยความตั้งพระทัยในการส่งต่อแรงบันดาลใจให้แก่คนรุ่นต่อไป และผู้ที่รักในแฟชั่น รวมทั้งส่งผ่านประสบการณ์ในวงการแฟชั่นที่สะสมมาตลอดระยะเวลา 16 ปี ผ่านหนังสือ “SIRIVANNAVARI : 16 YEARS OF GLORY” องค์ดีไซเนอร์พระราชทานข้อคิดให้แก่บุคคลที่มองพระองค์เป็นแรงบันดาลใจว่า “อย่างแรกคือ ต้องซื่อสัตย์กับตัวเอง ใจชอบหรือไม่ถ้าเกิดเจอปัญหา หรือทุกข์เมื่อไหร่ แต่ทุกข์แล้วยังมีความสุข แสดงว่าเราชอบสิ่งนั้นจริง และต้องพร้อมรับมือกับเสียงวิพากษ์วิจารณ์ทั้งแง่บวกและแง่ลบรู้จักยืดหยุ่นในทุกสถานการณ์ ที่สำคัญคือ ยึดความเป็น Identity (ตัวตน) และอย่าลืมพัฒนาตัวเองทั้งสมอง มือ ใจ หรือแม้กระทั่งตาของตัวเอง เมื่อฝึกตัวเราแล้ว ก็จะสามารถชนะคู่แข่งได้
ด้านกีฬา นอกจากพระอัจฉริยภาพที่โดดเด่นในฐานะดีไซเนอร์แล้ว ยังทรงมีพระอัจฉริยภาพด้านกีฬาโดยทรงโปรดกีฬาแบดมินตัน และการขี่ม้าทรงเริ่มเล่นกีฬาแบดมินตันตั้งแต่ทรงศึกษามัธยมศึกษาปีที่ 3 และทรงผ่านการคัดเลือกเป็นนักกีฬาแบดมินตันทีมชาติไทยเข้าร่วมการแข่งขันซีเกมส์ครั้งที่ 23 ที่ประเทศฟิลิปปินส์ เมื่อพ.ศ.2548 และทรงคว้าเหรียญทองประเภททีมหญิง อีกทั้ง ทรงร่วมเป็นนักกีฬาทีมชาติไทย เข้าร่วมการแข่งขันแบดมินตันในซีเกมส์ ครั้งที่ 24 ที่จังหวัดนครราชสีมา และทรงคว้าเหรียญทองแดงจากประเภททีมหญิง
ขณะที่ กีฬาขี่ม้า พระองค์ทรงสนพระทัยตั้งแต่ยังทรงพระเยาว์ตามแบบ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี กรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร มหาวัชรราชธิดา โดยทรงคว้าแชมป์ประเภท Dressage ในรายการ “ไทยแลนด์แชมเปี้ยนชิพ คิงส์คัพ2012” และทรงเป็นคนไทยคนแรกที่จบหลักสูตรการขี่ม้าจากประเทศฝรั่งเศส โดยพระองค์ทรงเป็นตัวแทนประเทศไทยไปแข่งขันกีฬาซีเกมส์ 2017ที่ประเทศมาเลเซีย ทรงคว้าเหรียญเงินในการแข่งขันศิลปะการบังคับม้า ประเภทบุคคล ทั้งนี้ สมาคมกีฬาขี่ม้าแห่งประเทศไทย ได้ทูลเกล้าฯ ถวายรางวัล Best Achievement Award ให้แก่พระองค์ด้วย
เมื่อวันที่ 8 ธันวาคม 2562 สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา ทรงนำทีมชาติไทย คว้าเหรียญรางวัลมากที่สุดในการแข่งขันขี่ม้า “FEI Asian Championships Pattaya 2019” การแข่งขันขี่ม้าครั้งประวัติศาสตร์ในทวีปเอเชีย รายการ “FEI Asian ChampionshipsPattaya 2019” โดยสมาคมกีฬาขี่ม้าแห่งประเทศไทยเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขัน ทั้งนี้ ทรงสร้างผลงานอย่างยอดเยี่ยม นำทัพนักกีฬาขี่ม้าทีมชาติไทยคว้าเหรียญทองในการแข่งขัน Dressage ศิลปะบังคับม้า ประเภททีมประเดิมชัยให้ทีมชาติไทยเป็นเหรียญแรก ซึ่งตลอดการแข่งขัน 8 วัน ทีมไทยทำผลงานยอดเยี่ยมสามารถกวาดเหรียญรางวัลได้มากที่สุด 3 เหรียญทอง1 เหรียญเงิน และ 1 เหรียญทองแดง
ด้านดนตรี สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา ทรงมีพระอัจฉริยภาพด้านดนตรีและสนพระทัยในด้านดนตรีไทยและดนตรีคลาสสิกมาตั้งแต่ทรงพระเยาว์ โดยปัจจุบันทรงเป็นองค์อุปถัมภ์มูลนิธิรอยัลแบงค์คอก ซิมโฟนี ออร์เคสตร้าและวงรอยัล แบงค์คอก ซิมโฟนี ออร์เคสตร้า (Royal Bangkok Symphony Orchestra) หรือ RBSO ทั้งยังทรงพระนิพนธ์เพลงให้วงรอยัล แบงค์คอก ซิมโฟนี ออร์เคสตร้า ถวายงานในแฟชั่นโชว์ของแบรนด์ SIRIVANNAVARI อย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปีพ.ศ 2559 เป็นต้นมา และในพระราชพิธีบรมราชาภิเษก ปีพ.ศ.2562 มูลนิธิรอยัล แบงค์คอกซิมโฟนี ออร์เคสตร้า ได้รับพระราชทานพระอนุญาตให้อัญเชิญบทเพลงพระนิพนธ์ในสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรีฯ 4 บทเพลง จัดแสดงดนตรี “Four Royal Orchestral Suites for HisMajesty King Rama X” ถวายแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลพระราชพิธีบรมราชาภิเษก เมื่อวันที่ 21-22 พฤศจิกายน 2562ณ โรงละครแห่งชาติ และล่าสุด เมื่อวันที่ 26 พฤศจิกายน 2565 มูลนิธิวงรอยัล แบงค์คอก ซิมโฟนี ออร์เคสตร้าในสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา ได้จัดการแสดงคอนเสิร์ต “RoyalConcert” เพื่อถวายพระพรชัยมงคลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 70 พรรษา ในการนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดำเนิน พร้อมด้วย สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ทอดพระเนตรการแสดง โดย สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรีนารีรัตนราชกัญญา ทรงเป็นผู้อำนวยการแสดงคอนเสิร์ต และบรรเลงบทเพลงพระนิพนธ์ของพระองค์
ด้านการอนุรักษ์ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา ทรงสนพระทัยในการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมโดยเฉพาะทางทะเล โครงการอนุรักษ์แนวปะการังและสิ่งมีชีวิตใต้ทะเลไทยในพระดำริ ที่ผ่านมา สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา เสด็จเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการอำนวยการโครงการอนุรักษ์แนวปะการังและสิ่งมีชีวิตใต้ทะเลไทย ณ หอประชุมภูติอนันต์ โรงเรียนนายเรือ อ.เมืองสมุทรปราการ จังหวัดสมุทรปราการ ทอดพระเนตรวีดิทัศน์สารคดีโครงการพระราชทานพระราโชบายเกี่ยวกับการดำเนินโครงการทรงปล่อยปลาฉลามและเต่าทะเล ทอดพระเนตรนิทรรศการของหน่วยงานสนองพระดำริฯ ทอดพระเนตรการปล่อยเต่าทะเลในพื้นที่จังหวัดชลบุรี จังหวัดสงขลา จังหวัดภูเก็ต ผ่านระบบการประชุมทางไกลวีดิทัศน์พร้อมกันทั่วประเทศ ทั้งนี้ กองทัพเรือ ได้สนองพระดำริสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรีนารีรัตนราชกัญญา ในการดำเนินงานสนับสนุน “โครงการอนุรักษ์แนวปะการังและสิ่งมีชีวิตใต้ทะเลไทยในพระดำริสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา” โดยทรงมีความห่วงใยปัญหาเรื่องความเสื่อมโทรมของทรัพยากรธรรมชาติใต้ทะเล การทำร้ายสัตว์ทะเลด้วยน้ำมือมนุษย์ โดยตั้งใจหรือรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ดังนั้น การอนุรักษ์และการสร้างจิตสำนึกในการหวงแหนและรักษาสิ่งแวดล้อม ตลอดจนระบบนิเวศที่มีความสำคัญต่อการดำรงอยู่ของทรัพยากรธรรมชาติทางทะเลไทย
สำหรับ “โครงการอนุรักษ์แนวปะการังและสิ่งมีชีวิตใต้ทะเลไทย ในพระดำริสมเด็จพระเจ้าลูกเธอเจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา” ได้ดำเนินโครงการจำนวน 3 ด้าน ประกอบด้วย 1.ด้านการอนุรักษ์สัตว์ทะเลหายากและใกล้สูญพันธุ์ 2.ด้านการอนุรักษ์ท้องทะเลไทยและแนวปะการัง ประกอบด้วย แผนงานจัดทำปะการังเทียม และแผนงานอนุรักษ์ท้องทะเล 3.ด้านการรณรงค์ปลูกจิตสำนึกและประชาสัมพันธ์ ประกอบด้วย แผนงานเสริมสร้างจิตสำนึก และแผนงานประชาสัมพันธ์โครงการ
และในโอกาสวันคล้ายวันประสูติ 8 มกราคม 2566 ขอถวายพระพรให้ทรงพระเกษมสำราญทรงมีพระชนม์ยิ่งยืนนาน เป็นมิ่งขวัญของปวงชนชาวไทย ตราบนานเท่านาน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี