เดือนเมษายนของทุกปี ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ สิ่งที่เราคิดถึงอย่างหนึ่ง คือ “น้ำอบ” หรือ “น้ำปรุง” อันเป็นเครื่องหอมไทยที่นอกจากจะถูกนิยมนำมาใช้ในงานพิธีการต่างๆ แล้ว ยังถือเป็นเครื่องสำอางที่ได้รับความนิยมอย่างมากในอดีต ด้วยมีทั้งกลิ่นหอมชื่นใจ และยังมีสรรพคุณช่วยดับพิษร้อนได้อย่างดีอีกด้วย
เครื่องหอมไทยเป็นที่รู้จักและนิยมใช้กันมานาน แต่ปัจจุบันคนรุ่นใหม่ไม่ทราบว่าของดีที่ว่านี้มีอะไรบ้าง เพราะคนนิยมใช้กันน้อย และก็หาผู้ที่มีความรู้เกี่ยวกับเครื่องหอมไทยจริงๆ นั้นหายากขึ้นทุกวัน เครื่องหอมไทยที่ใช้กันบ่อยๆ และรู้จักมักคุ้นกันอยู่มีหลายอย่าง เช่น เทียนอบ น้ำอบ แป้งร่ำ น้ำปรุง และบุหงา คนไทยรู้จักน้ำหอมมานานแล้ว เพราะแท้จริงนั้นน้ำหอม คือ น้ำปรุง อันเป็นภูมิปัญญาของคนไทยตั้งแต่สมัยโบราณ คนบางคนมีความเชื่อว่าน้ำหอมช่วยทำให้คนเรามีอายุยืนยาว และช่วยเสริมความสวยงาม เสริมบุคลิกภาพ ซึ่งทุกวันนี้คนเรามีความสุขกับการใช้น้ำหอมที่สกัดมาจากดอกไม้ สมุนไพร ใบไม้ ผลไม้ เครื่องเทศ เป็นต้น
สำหรับสตรีมักฉีดน้ำหอมซ้ำมากกว่าหนึ่งครั้งในหนึ่งวัน จนเป็นเหตุให้มีบริษัทผลิตน้ำหอมผุดขึ้นมากมาย แต่คนเหล่านั้น จะรู้บ้างหรือไม่ว่าน้ำหอมแบรนด์ดังที่พวกเขากำลังจับจองมาไว้เป็นเจ้าของนั้น พฤติกรรมการบริโภคของนอกเช่นนี้ กำลังทำให้น้ำปรุงอันเป็นภูมิปัญญาของบรรพบุรุษไทยที่ตั้งใจคิดค้นและสืบทอดกันมาหลายชั่วอายุคนออกไปจากความทรงจำแล้ว และในอนาคตข้างหน้า น้ำปรุงอาจจะเป็นได้แค่สิ่งที่คอยเตือนความจำหรือเป็นได้แค่ข้อมูลทางวิชาการที่ถูกบรรจุไว้ในตำราเรียนสักเล่ม เพื่อเป็นสิ่งเตือนใจให้กับลูกหลานรุ่นต่อไปว่าครั้งหนึ่งประเทศไทยเคยมีน้ำหอมใช้เป็นของเราเอง
แม้ว่าคุณจะเป็นคนที่มีหัวคิดก้าวทันโลกเพียงใดก็ตาม แต่อย่างน้อยๆ เรามีสายเลือดคนไทยอยู่ เราควรจะหันมาช่วยกันรณรงค์รักษาความเป็นไทยกันสักนิด ไม่ว่าจะอนุรักษ์ทางนาฏศิลป์ ขนบธรรมเนียมประเพณี หรือด้านใดก็ตามแต่ ขอเพียงแค่คุณคิดและทำ หรือร่วมกันสืบสาน รักษาเอกลักษณ์ของความเป็นคนไทยได้เรื่องหนึ่งเรื่องใดก็ได้ชื่อว่าคุณได้รักษาขนบธรรมเนียมประเพณีของชาติอันแสนภาคภูมิใจแล้ว
หม่อมหลวงปนัดดา ดิศกุล หรือ“คุณเหลน” ในฐานะทายาทของท่านเจ้าของวังวรดิศ ได้เล่าถึงเรื่องเครื่องหอมไทยที่จะกล่าวถึงในครั้งนี้ คือ “เครื่องหอมไทยสูตรวังวรดิศ” โดยมี คุณอัมพร ดิศกุล ณ อยุธยา ภริยาคู่ทุกข์คู่ยากของคุณเหลน เป็นผู้สืบสาน ดูแล และรักษามาจากบรรพบุรุษ ซึ่งในการทำเครื่องหอมของวังวรดิศนั้นได้ทำสืบทอดกันต่อๆมาตามคำบอกเล่าจากรุ่นสู่รุ่น โดยมิได้บันทึกไว้เป็นลายลักษณ์อักษร โดยทำขึ้นมาใช้เองจากวัสดุและสมุนไพรหอมที่ปลูกอยู่ภายในรอบรั้ววัง
“น้ำปรุงไทยสูตรวังวรดิศ” หนึ่งในเครื่องหอมของวังวรดิศ ซึ่งมีกลิ่นที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะ เช่น กลิ่นดอกแก้ว กลิ่นลำเจียก กลิ่นจันทร์กระพ้อ กลิ่นมะลิ กลิ่นพิกุลและกลิ่นกุหลาบ “น้ำอบไทยสูตรวังวรดิศ” จะมีกลิ่นหอมรัญจวน หอมสดชื่นอันเกิดจากภูมิปัญญาโดยนำรากไม้และกลิ่นหอมของดอกไม้นานาชนิด รวมทั้งเครื่องกำยาน ชะมดเช็ดพิมเสน มาผสมกันจนมีกลิ่นหอมละมุนละไม น้ำอบไทยสูตรวังวรดิศนั้นมีกลิ่นหอมชื่นใจเป็นพิเศษ ช่วยในเรื่องของจิตใจ ความหอมทำให้สดชื่น ร่างกายหลั่งสารเอ็นโดรฟิน ซึ่งเป็นสารแห่งความสุขออกมาทำให้ร่างกายสร้างแอนติบอดีขึ้นมา เพื่อตรวจจับและทำลายฤทธิ์ของสิ่งแปลกปลอมที่พลัดหลงเข้ามาในร่างกาย ถ้าเราสลดหดหู่ เราก็ไม่มีแรงที่จะต่อสู้กับโรคภัยไข้เจ็บ เวลาคนเราตัวหอม ก็จะส่งผลต่อบุคลิกภาพ รู้สึกมั่นใจ เกิดความเชื่อมั่นคลายเครียด และมีความสุขอย่างสมบูรณ์
เครื่องหอมของวังวรดิศที่ทำขึ้นจากสูตรพิเศษอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของวังแห่งนี้คุณอัมพร ดิศกุล ณ อยุธยา กล่าวว่า จึงมีความหอมที่ติดทนนานแล้วยังช่วยรักษาผดผื่นคัน ป้องกันสิวฝ้า และกลิ่นหอมยังสามารถช่วยผ่อนคลายความตึงเครียดได้อีกด้วย หลายคนอาจเคยได้ยินเรื่องเล่าต่อกันมาว่าหญิงไทยสมัยโบราณนั้นมีกลิ่นกายหอมมาก ขนาดลุกออกไปจากที่นั่งแล้วกลิ่นหอมยังติดอยู่ แสดงถึงคุณสมบัติโดดเด่นของเครื่องหอมไทยที่พิเศษสุด คือ ความหอมติดทนนาน หรือความหอมแบบยั่งยืนนั่นเอง ที่ทำให้หญิงไทยมีความเป็นกุลสตรีศรีสวัสดิ์ในความทรงจำของชาวโลก
สำหรับเครื่องหอมของวังวรดิศ จะปรุงขึ้นเพียงปีละหนึ่งครั้ง เพื่อใช้ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ในการสรงน้ำพระและห้องบรมอัฐิ บนตำหนักใหญ่วังวรดิศ และมอบเป็นของขวัญแก่ผู้ใหญ่ คนใกล้ชิด โดยจะไม่ปรุงขึ้นเยอะและมีจำนวนจำกัดมาก ทั้งนี้ ทางวังไม่ได้มีการจัดจำหน่ายเครื่องหอมสูตรของวังตามห้างร้านทั่วไปหรือสินค้าออนไลน์แต่อย่างใด คงมีให้เยี่ยมชมเป็นการเฉพาะเมื่อมีการอนุญาตให้เข้าทัศนศึกษาพิพิธภัณฑสถานวังวรดิศแห่งนี้เท่านั้น
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี