กรมการพัฒนาชุมชน ยกระดับศักยภาพผู้ผลิต ผู้ประกอบการประเภทผ้าและหัตถกรรม เพิ่มมูลค่าสินค้า กระจายรายได้สู่ชุมชน สร้างงาน สร้างรายได้ สร้างคุณภาพชีวิตที่ดีได้อย่างต่อเนื่องและยั่งยืน
นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน มอบหมายให้ นายชูชีพ พงษ์ไชย รองอธิบดีกรมการพัฒนาชุมชนเป็นประธานในพิธีเปิดโครงการพัฒนาศักยภาพผู้ผลิต ผู้ประกอบการ ประเภทผ้าและหัตถกรรมโดยมี นางสาวณัฐนิช อินทสระ ผู้อำนวยการสำนักส่งเสริมภูมิปัญญาท้องถิ่นและวิสาหกิจชุมชน กล่าวรายงาน ณ หอประชุมกองทัพเรือ ถนนอรุณอมรินทร์
ภายในงานได้รับเกียรติจากคณะผู้ทรงคุณวุฒิ ผู้เชี่ยวชาญด้านผ้าไทย และดีไซเนอร์ที่มีชื่อเสียงระดับประเทศ อาทิ นายธนันท์รัฐ ธนเสฏฐการย์ ผู้เชี่ยวชาญด้านการออกแบบลายผ้าและพัฒนาผ้าไทย, นายศิริชัย ทหรานนท์ผู้เชี่ยวชาญด้านการออกแบบแฟชั่น เจ้าของแบรนด์ THEATRE, นายวิชระวิชญ์ อัครสันติสุข ผู้เชี่ยวชาญด้านการออกแบบแฟชั่น, อาจารย์ ดร.กิติศักดิ์ เยาวนานนท์ ผู้เชี่ยวชาญด้านการออกแบบบรรจุภัณฑ์การต่อยอดภูมิปัญญาท้องถิ่น, นายนุวัฒน์ พรมจันทึก ผู้เชี่ยวชาญด้านการผลิตเส้นใยและการย้อมสีธรรมชาติ, ผศ.ดร.มยุรี ศรีกุลวงศ์ ผู้เชี่ยวชาญด้านการสร้างแบรด์, ผศ.ดร.รวิเทพ มุสิกะปาน และอาจารย์ ดร.กรกลด คำสุข, นายภูภวิศ กฤตพลนารา ผู้เชี่ยวชาญด้านการออกแบบแฟชั่น และคณะผู้บริหารกรมการพัฒนาชุมชน ประกอบด้วย นายวรงค์ แสงเมือง รองอธิบดีกรมการพัฒนาชุมชนผู้ตรวจราชการกรมการพัฒนาชุมชนนางสาวริตยา รอดนิ่ม ผู้อำนวยการกลุ่มงานส่งเสริมภูมิปัญญาท้องถิ่นและวิสาหกิจชุมชน เจ้าหน้าที่กรมการพัฒนาชุมชน ร่วมงาน
นายชูชีพ พงษ์ไชย รองอธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน กล่าวว่า ในการจัดโครงการครั้งนี้ เป็นการพัฒนาศักยภาพแก่กลุ่มผู้ผลิต ผู้ประกอบการ OTOP ประเภทผ้าและงานหัตถกรรมตามแนวพระดำริ “ผ้าไทยใส่ให้สนุก”เพิ่มช่องทางการตลาด สร้างรายได้เพิ่มให้กลุ่มผู้ผลิต ผู้ประกอบการ OTOP รวมถึงเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจในการพัฒนาต่อยอดสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผลิตภัณฑ์ตามอัตลักษณ์พื้นถิ่น โดยมีกลุ่มเป้าหมายเป็นกลุ่มผู้ผลิต ผู้ประกอบการ OTOP จำนวน 50 กลุ่ม/ราย ซึ่งขับเคลื่อนดำเนินการ 3 จุด ประกอบด้วย จุดที่ 1 กรุงเทพมหานคร จุดที่ 2 สงขลาจุดที่ 3 นครราชสีมา ประกอบด้วย 2 กิจกรรม คือ กิจกรรมที่ 1 การจัดประชุมเชิงปฏิบัติการ (Coaching) กิจกรรมที่ 2 การจัดแสดงและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ผ้าและงานหัตถกรรม ซึ่งกรมการพัฒนาชุมชน ได้น้อมนำแนวพระดำริในสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา “ผ้าไทยใส่ให้สนุก” คือ ความสุขที่ได้เลือกใช้ศิลปหัตถกรรมไทย เพื่อให้รายได้ กลับเข้าสู่ชุมชน เป็นวงจรเศรษฐกิจเชิงมหภาค และส่งเสริม กระตุ้นผ้าไทยให้ทันสมัยสู่สากล เป็นที่นิยมในทุกเพศทุกวัย และทุกโอกาส อีกทั้งได้ให้ความสำคัญในการพัฒนาศักยภาพกลุ่มผู้ผลิต ผู้ประกอบการOTOP ประเภทผ้า และงานหัตถกรรมโดยการสร้างองค์ความรู้ นำไปสู่การพัฒนาต่อยอดเพื่อเพิ่มมูลค่าให้กับผลิตภัณฑ์ในทุกภูมิภาค ให้ร่วมสมัยนำไปสู่การสร้างงาน สร้างรายได้กระจายสู่ชุมชนอย่างทั่วถึง เป็นวงจรเศรษฐกิจเชิงมหภาค สร้างวิถีชุมชนที่ยั่งยืนและสนองตอบต่อมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 9 มิถุนายน 2563 ที่เห็นชอบมาตรการส่งเสริม และสนับสนุนการใช้และสวมใส่ผ้าไทยตลอดจนส่งเสริมและอนุรักษ์มรดกทางวัฒนธรรม อันเป็นรากเหง้าภูมิปัญญาของบรรพบุรุษ ให้ดำรงคงอยู่คู่สังคมไทยสืบไป
นายชูชีพ พงษ์ไชย กล่าวต่อว่า โครงการพัฒนาศักยภาพผู้ผลิตผู้ประกอบการ ประเภทผ้า และหัตถกรรม ได้รับเกียรติจากวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิจากหลากหลายสาขาวิชาชีพมาร่วมกันให้คำแนะนำ ปรึกษา เป็นประโยชน์ในการพัฒนาศักยภาพผู้ผลิตผู้ประกอบการ สามารถยกระดับ พัฒนาศักยภาพตนเองให้เป็นผู้ผลิต ผู้ประกอบการที่มีองค์ความรู้ นำไปต่อยอดและพัฒนาภูมิปัญญาที่มีอยู่ ให้สามารถแข่งขันได้ในตลาดสากล และหวังเป็นอย่างยิ่งว่า หลังจากผ่านการฝึกอบรมแล้วผู้เข้ารับการอบรมทุกท่าน จะได้นำความรู้ ความสามารถ หรือประสบการณ์ที่ได้รับจากการฝึกอบรม ไปใช้ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้มีความสร้างสรรค์ทันสมัยโดดเด่นด้วยอัตลักษณ์ ตลอดจนเข้าถึงช่องทางการตลาด ทั้งในประเทศและต่างประเทศ นำไปสู่การสร้างงาน สร้างรายได้ สร้างคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับครอบครัวและชุมชน ได้อย่างต่อเนื่องและยั่งยืนต่อไป
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี