ช่วงชีวิตของคนเราคนหนึ่ง (Lifespan) อาจมีเวลาเวลา70-100ปีโดยเฉลี่ย คนสูงวัยที่มีคุณภาพชีวิตดี เดินเหินได้ ไปไหนมาไหนได้เอง สุขภาพดีตามวัย ก็คงอยากจะมีอายุยืนยาว แต่บางคนที่เจ็บไข้ได้ป่วย ยากจนเงินทอง ไม่มีใครดูแล ความเป็นอยู่ไม่ได้สุขสบาย การที่มีอายุยืนก็เหมือนจะเป็นทุกข์เสียมากกว่า ถ้าอย่างนั้นแล้ว ก็หมายความว่า การมีชีวิตที่ยืนยาวนั้นไม่สำคัญเท่าการที่มีช่วงที่ชีวิตมีความสุขและสุขภาพดี (Helthspan)
ในอดีต สาเหตุการตายของคนบนโลกคือเกิดจากการเป็นโรคติดเชื้อ และได้และได้คร่าชีวิตคนไปจำนวนมาก แต่อย่างไรก็ตามความเจริญทางการแพทย์ก็ทำให้โรคติดเชื้อนี้สามารถรักษาและควบคุมได้ในที่สุด แม้แต่โควิด-19 แต่ความจริงแล้วโรคติดเชื้อหรือติดต่อไม่ใช่สาเหตุการเสียชีวิตหลักอีกต่อไป สาเหตุการตายและพบว่าเป็นปัญหามากที่สุดในขณะนี้คือโรคที่ไม่ติดต่อ
จากสถิติล่าสุด การเสียชีวิตของคนบนโลกจากโรคไม่ติดต่อดังกล่าวคือ โรคหัวใจและหลอดเลือดอันดับหนึ่ง และสูงขึ้นเรื่อยๆเนื่องจากพฤติกรรมการกินการใช้ชีวิตของคน อันดับสองคือมะเร็ง ที่ทฤษฏีในปัจจุบันเปลี่ยนไป เริ่มเชื่อว่าโรคนี้มาจากสาเหตุเหนือพันธุกรรม (Epigenetic) เกิดจากพฤติกรรมมนุษย์ที่ทำให้เกิดการอักเสบเรื้อรังเกิดขึ้นในร่างกาย หรือเกิดจากภูมิคุ้มกันผิดเพี้ยน ซึ่งสาเหตุก็มาจากเรื่องอาหารการกิน การออกกำลัง การพักผ่อน
จากข้อมูลเหล่านี้ คงจะพอรู้ว่าภัยเงียบใกล้ตัวกำลังคืบคลานเข้ามา พวกเราประมาทกับโรคและความเสี่ยงที่ยังไม่แสดงอาการในปัจจุบัน การสูบบุหรี่ การดื่นสุรา ซึ่งโรคเหล่านี้เป็นต้นเหตุของภาวะทุพพลภาพในอนาคตอันใกล้และเสี่ยงเสียชีวิต มีการเก็บสถิติที่น่าสนใจพบว่า ผู้ที่เสียชีวิตตอนอายุ 80 นั้นจะมีช่วงสุดท้ายของชีวิตประมาณ10ปี ที่ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้และนอนติดเตียง ซึ่งเป็นสิ่งที่ทั้งคนป่วยและคนดูแลไม่ต้องการให้เกิดขึ้น
ทั้งหมดเป็นข้อเท็จจริงจาก "นพ.วีระพันธ์ สุวรรณนามัย" ผู้เขียนหนังสือ Healthspan กายใจสุขดี ชีวียืนยาว by Dr.V แพทย์ผู้เชี่ยวชาญโรคทางสมองระบบประสาท ศัลยแพทย์ระบบประสาท ดูแลคนไข้อัมพฤกษ์ อัมพาตจำนวนมาก จึงแสดงความห่วงใย และได้บอกเล่าเรื่องโรคภัยใกล้ตัว โดยการนำข้อมูลความรู้ อาการที่พบบ่อย การสังเกต อันตราย เกี่ยวกับโรคไม่ติดต่อที่สำคัญ มานำเสนอให้ผู้อ่านได้รู้อย่างละเอียด ฯ คือโรคความดันโลหิตสูง ,เบาหวาน ไขมัน และหลอดเลือดหัวใจ ,อัมพฤกษ์ อัมพาต กล้ามเนื้ออ่อนแรง สมองเสื่อม และปวดหัว ปวดหน้า ปวดไมเกรน โดยทั้งหมดเรียบเรียงจากยูทูบช่อง "Dr.V Channel" ของคุณหมอวีระพันธ์ ผู้ได้รับรางวัล Thailand Influencer Awards 2021 ประเภท Best Healthcare Professional Influence และเป็นเจ้าของช่อง YouTube : Dr.V Channel (ผู้ติดตามกว่า 760,000 คน) ผู้อ่านสามารถใช้เป็นคู่มือในการดูแลสุขภาพกายให้ดีตามวัย ด้วยสุขภาพใจที่มีสุข ซึ่งส่งผลถึงช่วงชีวิตที่มีความสุข สุขภาพดี (Healthspan) ดังใจปรารถนาได้
หนังสือเล่มนี้มีประโยชน์มาก เพราะว่าบอกเรื่องราวที่สำคัญเกี่ยวกับโรคครบถ้วน อยากให้อ่านกันโดยละเอียด ไม่อยากให้ปล่อยผ่าน ประเด็นสำคัญคือ อาการหรือโรคบางอย่างหากเราได้รับรู้ก่อน ก็จะสามารถหาทางป้องกัน หรือ ก็จะได้แยกแยะได้ว่า อาการแบบไหนไม่อันตราย อาการแบบไหนที่น่าห่วง และต้องรีบไปโรงพยาบาลทันที ช่วยให้ลดความวิตกกังวลโดยไม่จำเป็น ทำใจได้และเข้าใจธรรมชาติและความสำคัญของการดูแลรักษาสุขภาพตัวเองเพื่อครอบครัว และไม่เป็นภาระคนรอบข้าง หนังสือจัดทำโดยสำนักพิมพ์ไลฟ์พลัส จัดจำหน่ายโดย ซีเอ็ด ยูเคชั่น ราคาเล่มละ 235บาท มีจำหน่ายในรูป e-book ด้วย
เรียนรู้การทำธุรกิจยุคใหม่ของญี่ปุ่น
ที่เติบโตอย่างแข็งแกร่งในสังเวียนโลก
“ญี่ปุ่นใหม่ พลิกเกมธุรกิจพิชิตโลก” ผู้เขียน Ulrike Schaede ผู้แปล นุชนาฎ เนตรประเสริฐศรี ประมาณสองศตวรรษที่ญี่ปุ่นเหมือนหายไปจากสังเวียนธุรกิจระดับโลก แต่จริงๆแล้วในทุกวันนี้ เศรษฐกิจญี่ปุ่นยังคงใหญ่เป็นอันดับ 3 ของโลก และหากดูในแง่การผลิตและจำนวนบริษัทยอดเยี่ยมที่ติดอันดับฟอร์จูนโลก 500 ญี่ปุ่นอยู่ในอันดับ 3 ตามหลังแค่ยักษ์ใหญ่อย่างสหรัฐอเมริกาและจีน ที่มีประชากรมากกว่าหลายเท่า ซ้ำยังต้องเจอวิกฤติใหญ่นับครั้งไม่ถ้วน รวมถึงความตกต่ำทางเศรษฐกิจและภัยพิบัติรุนแรง Uirike Schaede ศาสตราจารย์ผู้คร่ำหวอดด้านธุรกิจญี่ปุ่นมายาวนาน ได้มาบอกถึงกลยุทธ์ธุรกิจปัจจุบันที่ญี่ปุ่นใช้ตอบโต้คู่แข่งสำคัญอย่างสหรัฐอเมริกา จีน เกาหลีใต้ และไต้หวัน โดยญี่ปุ่นเลือกที่จะไปผลิตเทคโนโลยีขั้นสูง เพื่อตลาดสินค้าเฉพาะกลุ่มที่สำคัญมากต่อห่วงโซ่อุปทาน แม้มองไม่เห็นป้าย "ผลิตในญี่ปุ่น" แต่อุปกรณ์ส่วนใหญ่รอบตัวคนทั่วโลก ล้วนแต่มีชิ้นส่วนจากญี่ปุ่นอยู่เป็นจำนวนมาก ไม่ใช่แค่เปลี่ยนกลยุทธ์ธุรกิจ แต่ญี่ปุ่นเรียนรู้ว่า หากจะอยู่รอดและนำหน้าได้ จำเป็นต้องพลิกสร้างธุรกิจใหม่ทั้งหมด ล้างระบบการทำธุรกิจแบบเก่าๆ ออกแบบโครงสร้างองค์กร การจ้างงาน และการกำกับดูแลกิจการเสียใหม่ อาจมองว่าญี่ปุ่นเคลื่อนตัวช้า แต่ญี่ปุ่นมีวิถีทางของตัวเอง เสถียรภาพของสังคมและความเท่าเทียมทางเศรษฐกิจมาก่อนการเติบโต ขณะที่ทั้งโลกชะล่าใจ หันไปอีกทีญี่ปุ่นก็ปรากฎโฉมใหม่เป็นผู้เล่นสำคัญ ที่สอนให้โลกได้เข้าใจบทเรียนใหม่ของการเติบโตอย่างแข็งแกร่งในอุตสาหกรรมโลก โดยไม่ต้องเดินตามจังหวะก้าวของใคร หนังสือราคา 365 บาท
เคล็ดลับการสร้างธุรกิจยุคดิจิทัล
เครื่องมือและข้อควรระวัง
"อย่าคิดว่าใช่" ผู้เขียน มาโนช พฤฒิสถาพร ผู้เขียนเป็นผู้มีประสบการณ์ร่วมสร้าง Digital Product/Business มากกว่า 10 ธุรกิจ และถือเป็นเคล็ดวิธีสร้างธุรกิจที่ใช่ในยุคดิจิทัล ใช้เงินน้อย แต่มีลูกค้าชัวร์ หนังสือได้รวมเทคนิค วิธีคิด บทเรียนที่ผู้เขียนได้จากหนังสือด้านนวัตกรรมและสตาร์ตอัปชั้นนำ นำไปใช้จริงในการสร้างธุรกิจใหม่ที่เป็นธุรกิจดิจิทัล และได้แนะนำเครื่องมือและข้อควรระวังในแต่ละขั้นตอนในการทำธุรกิจ นอกจากนี้จะมาบอกเล่าเทคนิคและเคล็ดลับในการสร้างธุรกิจใหม่ยุคดิจิทัล ตั้งแต่การหาไอเดีย การคุยกับลูกค้าให้รู้สิ่งที่ลูกค้าไม่ได้บอก การทดสอบไอเดีย การลอนช์ธุรกิจ และการปรับธุรกิจจนเจอจุดที่ลูกค้าเลือกใช้ และสามารถแก้ปัญหา Pain point ได้ดีกว่าปัจจุบันจริงๆ หนังสือสามารถเป็นเหมือนคู่มือการสร้างของใหม่ (New Product/New Business) ที่มีข้อมูลที่ทำให้คนอ่านได้รู้ว่า ตอนไปลองทำจริง จะเจออะไรที่ยากบ้าง แล้วต้องทำอย่างไร อะไรเวิร์ก อะไรไม่เวิร์กกับคนไทย กับบริษัทไทย เป็นต้น หนังสือราคา 245 บาท
ประสบความสำเร็จในชีวิตได้
โดยเริ่มจากทำสิ่งเล็กน้อยประจำวัน
“เก็บที่นอนก่อนจะออกไปเปลี่ยนโลก” เรื่องเล็กน้อยที่ไม่คาดคิด อาจพลิกชีวิตได้อย่างไม่น่าเชื่อ ผู้เขียน William H. McRaven (พลเรือเอก วิลเลียม เอช. แม็คเรเวน) ผู้แปล นุชนาฎ เนตรประเสริฐศรี ผู้เขียนขณะนั้นเป็นผู้บัญชาการหน่วยรบพิเศษของกองทัพสหรัฐคนที่ 9 ได้ขึ้นพูดในงานรับปริญญาที่ University of Texas ในปี 2014 ที่ว่าด้วยเรื่องความสำเร็จกับการตื่นมาเก็บที่นอน เป็นคำกล่าวที่โด่งดังที่เป็นไวรัลที่หลายๆคนก็คงเคยได้ยินมาบ้างแล้ว เพราะถ้าเก็บที่นอนให้เรียบร้อยทุกเช้า เท่ากับว่าเราได้ทำงานชิ้นแรกสุดของวันสำคัญลุล่วง ก็จะรู้สึกภาคภูมิใจเล็กๆ และมีกำลังใจทำงานต่อ ๆ ไป ให้สำเร็จอีกชิ้น และอีกชิ้น พอสิ้นสุดวัน งานชิ้นเดียวที่สำเร็จลุล่วง จะกลายเป็นงานที่เสร็จสมบูรณ์หลาย ๆ ชิ้น การเก็บที่นอนยังตอกย้ำด้วยว่า แท้จริงแล้วสิ่งเล็กน้อยในชีวิตนั้นสำคัญ ถ้าคนเราทำงานเล็ก ๆ น้อย ๆ ให้เสร็จลงอย่างดีไม่ได้แล้ว โอกาสที่จะทำงานใหญ่ให้ดีนั้นเป็นไปได้ยาก ในเล่มจะมาเล่าถึงกลวิธีและสร้างแรงบันดาลใจที่จะทำให้ต่อสู้กับปัญหาและอุปสรรค และประสบผลสำเร็จตามแนวทางของผู้เขียน เช่นเริ่มต้นวันด้วยภารกิจที่สมบูรณ์ การทำคนเดียวไม่สำเร็จ ขนาดหัวใจเท่านั้นที่สำคัญ ความล้นเหลวทำให้คุณแกร่งขึ้น ยืนต้านอันธพาล เป็นต้น ถือเป็นหนังสือที่ดี และมีคุณค่า อ่านแล้วเกิดพลังและแรงบันดาลใจอีกเล่มหนึ่ง หนังสือราคา 235 บาท
ฝึกมีสมาธิกับเรื่องสำคัญในชีวิต
ในยุคที่มีสมาร์ทโฟน และสื่อโซเชียล
“Concentration บอกลาสมาธิสั้น” ผู้เขียน Kam Knight (คาม ไนต์) ผู้แปล นุชนาฎ เนตรประเสริฐศรี การมีสมาธิเป็นเรื่องที่สำคัญในชีวิต เพราะหากขาดสมาธิ เราจะทำอะไรไม่ได้เลยแม้แต่อย่างเดียว แต่เพราะเราทุกคนทำบางอย่างเสมอ ไม่ว่าจะขี้เกียจหรือขยัน เก่งหรือไม่เก่ง นั่นก็แปลว่าจริง ๆ เราทุกคนมีสมาธิ อยู่แล้ว อย่างเช่นนั่งดูซีรี่ส์โปรดต่อเนื่องเป็นชั่วโมงหรือทั้งคืนได้ นั่นคือสมาธิ ไปเตะบอลกับเพื่อนทุกเย็นจนเหนื่อย นั่นคือสมาธิ แต่ถ้าให้อ่านหนังสือสอบต่อเนื่องสักแค่ครึ่งชั่วโมง กลับทำกันไม่ค่อยได้ ที่เป็นเช่นนั้นเพราะเราไม่ใช้สมาธิที่มีอยู่ในเรื่องที่สำคัญนั่นเอง หนังสือเล่มนี้ จะมาบอกวิธีฝึกเกลาการใช้สมาธิในหลายรูปแบบ โดยพิเศษคือจะเจาะลึกเข้าสู่กลไกลในใจที่ปิดกั้นสมาธิและทำให้ไม่เคยทำอะไรสำเร็จสักทีในสิ่งที่มักเป็นสิ่งสำคัญ เมื่ออ่านแล้วก็จะเข้าใจถึงการทำงานของใจตัวเอง รู้ว่าจะหลอกล่อให้มีสมาธิได้อย่างไร เมื่อฝึกสมาธิได้แล้ว ก็จะสามารถไปถึงเป้าหมายใดก็ตามที่เล็งไว้ และสำเร็จได้แน่นอน หนังสือเล่มนี้ขายดีอันดับหนึ่งในหมวด Concentration บน Amazon สองปีซ้อน เป็นหนังสือ Amazon Bestseller ที่เป็นหัวข้อทันยุคที่สมาร์ทโฟนและสื่อโซเชียล ทำให้คนพบว่าตัวเอง มีปัญหาเรื่องสมาธิ และควรปรับปรุงตัวเอง หนังสือราคา 295 บาท
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี