กรณีตำรวจฝรั่งเศสยิง นาเอล เอ็ม วัยรุ่นอายุ 17 ปี เสียชีวิต จนทำให้เกิดการประท้วงใหญ่ในหลายพื้นที่ของประเทศในสัปดาห์ที่ผ่านมา ส่งผลให้หลายฝ่ายกลับมาตั้งคำถาม และวิพากษ์วิจารณ์การทำหน้าที่ของตำรวจ ที่ดูเหมือนจะใช้ความรุนแรงเกินกว่าเหตุต่อประชาชนมากยิ่งขึ้น เพราะจากข้อมูลพบว่า นี่คือเหตุการณ์ที่ตำรวจฝรั่งเศสยิงคนขับรถที่ไม่หยุดให้ตรวจ จนทำให้มีผู้เสียชีวิตเป็นครั้งที่ 3 แล้วในปีนี้ ขณะที่ในปี 2022 มีรายงานว่า ประชาชน 13 คนถูกตำรวจยิงเสียชีวิตจากการที่ไม่ยอมหยุดรถให้ตำรวจ เหยื่อกระสุนส่วนใหญ่หนีไม่พ้นผู้ที่มีเชื้อสายอาหรับ ไม่ก็เป็นคนผิวดำ
บรรดาผู้เชี่ยวชาญหลายคนมองว่า การเพิ่มขึ้นของการเสียชีวิตจากการถูกยิงได้ แต่น่าจะเป็นปัจจัยมาจาก กฎหมายความมั่นคง ที่รัฐบาลฝรั่งเศสผ่านในปี 2017 กฎหมายดังกล่าวถูกออกแบบมาเพื่อใช้ต่อต้านการก่อการร้ายหลังเหตุการณ์โจมตีปารีสครั้งใหญ่ในปี 2015 และมีการประกาศใช้มาตรการคุมเข้มและสถานการณ์ฉุกเฉินอยู่ช่วงเวลาหนึ่ง
ในตอนนั้น บรรดานักเคลื่อนไหวสิทธิมนุษยชนวิจารณ์กฎหมายนี้ว่า เป็นกรอบกฎหมายที่กว้างเกินไปอย่างอันตรายว่าตำรวจสามารถใช้อาวุธปืนได้เมื่อใดบ้าง ขณะที่บรรดานักวิเคราะห์และผู้สันทัดกรณี ได้ศึกษาว่าทำไม ตำรวจฝรั่งเศสจึงยิงคนเสียชีวิตมากขึ้น หลังจากพบว่า คนที่อยู่ในรถยนต์ถูกตำรวจยิงมากขึ้นถึง 5 เท่า หลังมีการบังคับใช้กฎหมายความมั่นคงใหม่ซึ่งอนุญาตให้ตำรวจใช้ปืนได้หากคนขับรถดูเหมือนจะเป็นอันตรายต่อร่างกายและชีวิตของผู้อื่น ขณะที่ก่อนมีกฎหมายดังกล่าว ตำรวจในฝรั่งเศสต้องปฏิบัติหน้าที่ด้วยหลักการการป้องกันตนเอง และสามารถตอบโต้ได้ตามสัดส่วนที่เหมาะสมเท่านั้นในกรณีที่มีภัยหรือถูกโจมตีจริงๆ
ผู้เชี่ยวชาญยังมองด้วยว่า การขยายขอบเขตในการใช้อาวุธโดยให้รักษาสองเสาหลักคือ “ความจำเป็นอย่างยิ่ง” และ “ความพอสมควรแก่เหตุ”ของความชอบธรรมในการป้องกันตนเองนำไปสู่ความสับสนด้วยเช่นกัน และความกำกวมนี้ทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจรู้สึกว่าได้รับอนุญาตให้ใช้อาวุธเพื่อแก้ไขสถานการณ์ ส่งผลให้บรรดานักเคลื่อนไหวเริ่มออกมาเรียกร้องให้แก้ปัญหาการใช้อำนาจในทางที่ผิดเชิงระบบ โดยเฉพาะในบางชุมชน เช่น ย่านนองแตร์ นอกกรุงปารีส ที่นาเอล เหยื่อกระสุนคนล่าสุดพำนักอยู่ ซึ่งเป็นย่านที่ผู้คนอาศัยนั้นเผชิญปัญหาความยากจนควบคู่ไปกับปัญหาสีผิวและการเหยียดอื่นๆ อยู่แล้ว
ขณะที่สหภาพตำรวจแห่งฝรั่งเศสแย้งว่า การเสียชีวิตที่เพิ่มขึ้นนั้นมาจากการที่ไม่ปฏิบัติตามกฎจราจรมากขึ้น นอกจากนี้ ยังพบว่า มีกรณีการละเมิดกฎเกิดขึ้นทุกๆ 20 นาทีในฝรั่งเศส และต้องไม่ลืมว่า ตำรวจเองก็ทำงานอยู่กับความเสี่ยงทุกวัน อีกทั้งฝรั่งเศสเอง ก็เกิดเหตุก่อการร้ายจากผู้ก่อเหตุลุยเดี่ยว (Lone Wolf) อยู่บ่อยครั้ง
ทั้งนี้ ประมวลกฎหมายว่าด้วยทางหลวงของฝรั่งเศส กำหนดว่าตำรวจสามารถเรียกให้คนขับหยุดรถเพื่อตรวจสอบเอกสารการขับขี่เมื่อใดก็ได้ โดยไม่จำเป็นต้องมีการละเมิดกฎหมาย นอกจากนี้ ยังพบว่า กรณีการไม่ปฏิบัติตามกฎหมายนั้นเพิ่มขึ้นอย่างมาก นับตั้งแต่ฝรั่งเศสใช้ระบบคะแนนสำหรับใบขับขี่ในช่วงทศวรรษที่ 90
ผู้ขับขี่ในฝรั่งเศสจะมีคะแนน 12 คะแนน เมื่อใดที่ฝ่าฝืนจราจรก็จะถูกตัดคะแนน ทำให้สหภาพตำรวจแย้งว่า ระบบนี้ทำให้คนขับรถมักหนีตำรวจ เพราะไม่ต้องการโดนริบใบขับขี่และกลัวจะตกงาน เพราะมีหลายอาชีพจำเป็นต้องใช้ใบขับขี่ จากสถิติพบว่าในปี 1993 หรือ 1 ปีหลังมีการใช้ระบบคะแนนใบขับขี่มีผู้ฝ่าฝืนกฎ 1,099 ราย และ 30 ปีต่อมาตัวเลขเพิ่มขึ้น 25 เท่า ขณะที่นิยามของคำว่า “ล้มเหลวในการปฏิบัติตาม” นั้นครอบคลุมหลายสถานการณ์ เช่น การตรวจรถตามข้างทางธรรมดา ไปจนถึงการทำผิดกฎจราจร หรือนักซิ่งที่ทำทุกทางที่จะหลบหนีการจับกุม
นอกจากนี้ การเรียกรถเพื่อตรวจหายาเสพติดก็มีส่วนทำให้เกิดกรณีการไม่ปฏิบัติตามคำสั่งเจ้าหน้าที่ โดยในปี 2020 พบว่า มีการตรวจหายาเสพติดถึง 453,000 กรณี และท้ายสุดการที่รถไม่มีประกัน ก็ทำให้คนขับรถหลีกหนีการตรวจของเจ้าหน้าที่ด้วย โดยสถิติพบว่า ในปี 2019 มีผู้ได้รับอุบัติเหตุทางรถยนต์เกือบ 30,000 คน จากคนขับรถที่ไม่ได้ทำประกัน
ขณะที่เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา อัยการของเขตนองแตร์ ประกาศว่า จะมีการจับกุมตำรวจที่ยิงนาเอล ด้วยข้อหาเจตนาฆ่าด้วยการใช้อาวุธปืนต่อเยาวชน โดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย
การเสียชีวิตของนาเอล ทำให้เกิดการจลาจลในกรุงปารีส ย่านชานเมือง และหลายเมืองทั่วประเทศมา 4 คืนติดต่อกันแล้ว นำไปสู่การปะทะกันระหว่างผู้ประท้วงกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ มีผู้ถูกจับกุมทั่วประเทศเกือบ 700 คน ขณะที่เมื่อคืนวันศุกร์ที่ผ่านมา กระทรวงมหาดไทยฝรั่งเศสส่งกำลังตำรวจ 44,000 นายออกประจำการทั่วประเทศ หวังป้องกันไม่ให้เกิดจลาจลรุนแรงขึ้นมาอีก เนื่องจากด้านความมั่นคงของฝรั่งเศสเตือนว่าในอีกไม่กี่วันข้างหน้าการประท้วงจะทวีความรุนแรงมากขึ้น โดยเป้าหมายหลักที่คาดว่าจะตกเป็นเป้าโจมตีคือหน่วยงานและสิ่งที่ถือเป็นสัญลักษณ์ของรัฐบาล
มีรายงานว่าการประท้วงในย่านนองแตร์เมื่อวันพฤหัสบดี แม่ของนาเอลมาร่วมชุมนุมด้วย โดยสวมเสื้อที่มีข้อความเรียกร้องความยุติธรรมให้กับลูกชายของเธอ และนั่งรถเคลื่อนขบวนไปรอบๆ เมือง เพื่อนบ้านที่รู้จักครอบครัวของผู้เสียชีวิต ยืนยันว่าวัยรุ่นชายที่ถูกตำรวจยิงเสียชีวิตเป็นคนที่จิตใจดีเหมือนกับแม่ของเขา การที่เขาขับรถหนีตำรวจเพราะไม่มีใบอนุญาตขับรถยนต์ ไม่ใช่เหตุผลที่ทำให้เขาสมควรถูกยิง
ที่ผ่านมา ฝรั่งเศสเคยเกิดการประท้วงครั้งใหญ่ ที่ถือเป็นรอยด่างของวงการตำรวจ ในปี 2547 เมื่อวัยรุ่นชาย 2 คน ที่มีเชื้อสายแอฟริกัน เสียชีวิตระหว่างที่ถูกตำรวจไล่ตาม เหตุการณ์ในครั้งนั้น นำไปสู่การประท้วงและเหตุจลาจล ที่มีผู้ประท้วงถูกจับกุมมากถึง 6,000 คน
หลายฝ่ายมองว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในตอนนี้มีปัจจัยหลายอย่างที่คล้ายกับเหตุการณ์เมื่อเกือบ 19 ปีก่อน จึงแนวโน้มว่าจะนำไปสู่การประท้วงครั้งใหญ่
โดย ดาโน โทนาลี
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี