โรงพยาบาลจุฬาภรณ์ ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ ร่วมกับสมาคมมะเร็งนรีเวชไทย บูรณาการความร่วมมือเดินหน้ารณรงค์ให้ประชาชนได้ตระหนักและสร้างภูมิคุ้มกันป้องกันไวรัสเอชพีวี โดยเฉพาะกลุ่มผู้ที่มีความหลากหลายทางเพศ จัดกิจกรรมรณรงค์ภายใต้แคมเปญ “HPV Pride Month” NO HPV NO LIMIT #ชีวิตไม่สะดุดถึงวันหยุดเอชพีวี เพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้อง ตระหนักถึงความสำคัญในการป้องกันเชื้อเอชพีวีซึ่งติดต่อได้จากการมีเพศสัมพันธ์หรือการสัมผัสใกล้ชิด และเชื้อเอชพีวีจะสามารถพัฒนากลายเป็นโรคหูดหงอนไก่ หรือมะเร็งต่างๆ ได้ในอนาคต อาทิ มะเร็งปากมดลูก มะเร็งช่องคลอด มะเร็งปากช่องคลอด มะเร็งอวัยวะเพศชาย มะเร็งทวารหนัก มะเร็งช่องปากและลำคอ โดยโรคเหล่านี้สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกกลุ่มความหลากหลาย
ปิดท้ายเดือนมิถุนายน ซึ่งตรงกับ Pride Month เดือนแห่งความภาคภูมิใจของกลุ่มผู้ที่มีความหลากหลายทางเพศ โรงพยาบาลจุฬาภรณ์ ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ และสมาคมมะเร็งวิทยานรีเวชไทย เชิญชวนให้คนไทยทุกเพศไม่ว่าจะเป็นผู้หญิง ผู้ชาย และเพศหลากหลาย หันมาตระหนักถึงภัยร้ายของโรคมะเร็งที่เกิดจากเชื้อเอชพีวี และมาร่วมขบวนรณรงค์แสดงพลังหยุดเชื้อเอชพีวีไปด้วยกันในกิจกรรม “HPV Pride Month” NO HPV NO LIMIT #ชีวิตไม่สะดุดถึงวันหยุดเอชพีวี
ภายในงานมีกิจกรรมเสวนาให้ความรู้ในหัวข้อ “ชีวิตไม่สะดุดถึงวันหยุดเอชพีวี” โดย ศ.พญ.ศิริวรรณ ตั้งจิตกมล ผู้รั้งนายกสมาคมมะเร็งนรีเวชไทย และ ผช.ศ.ณัฐวุฒิ กันตถาวรรักษาการผู้ช่วยคณบดีฝ่ายบริการวิชาการและสังคม วิทยาลัยแพทยศาสตร์ศรีสวางควัฒน ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์และหัวหน้าศูนย์สุขภาพสตรี โรงพยาบาล จุฬาภรณ์ ร่วมรณรงค์หยุดเชื้อเอชพีวีไปกับดารานักร้องสองหนุ่มคู่จิ้นสุดฟิน “บุ๋น-นพณัฐ กันทะชัย” และ “เปรม-วรุศ ชวลิตรุจิวงษ์” พร้อมด้วย “กร วรรณไพโรจน์” ศิลปินวง Proxie นักศึกษาแพทย์จากราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ ตัวแทนคนรุ่นใหม่อาสาร่วมขบวนหยุดเชื้อเอชพีวี มาร่วมพูดคุยส่งความห่วงใยให้กับทุกคน เพราะไม่อยากให้ทุกคนต้องพบกับการสูญเสียที่เกิดจากโรคมะเร็ง โดยมี “ได๋-ไดอาน่า จงจินตนาการ” รับหน้าที่พิธีกร
ศ.พญ.ศิริวรรณ ตั้งจิตกมล นายกสมาคมมะเร็งนรีเวชไทย กล่าวว่าในเดือนมิถุนายนนี้ นับเป็นโอกาสอันดีซึ่งตรงกับเดือน Pride Month จึงได้ร่วมกันจัดบริการวิชาการโครงการรณรงค์ประชาสัมพันธ์ส่งเสริมความรอบรู้ทางสุขภาพแก่ประชาชน สร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับเชื้อไวรัสเอชพีวีในวงกว้างซึ่งทางสมาคมฯ และราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ได้รณรงค์มาอย่างต่อเนื่องทุกปี เพื่อลดโอกาสเสี่ยงของการเกิดโรคมะเร็งปากมดลูกในสตรี และปีนี้ภายใต้แคมเปญ HPV Pride Month NO HPV NO LIMIT #ชีวิตไม่สะดุดถึงวันหยุดเอชพีวี เราจึงได้ขยายกลุ่มเป้าหมายในการรณรงค์สู่เพศหลากหลายกับเชื้อ HPV โดยสารรณรงค์ประชาสัมพันธ์เน้นให้ความสำคัญต่อการสร้างการรับรู้เกี่ยวกับการป้องกันการติดเชื้อไวรัสเอชพีวี และเพราะการมีเพศสัมพันธ์คือสาเหตุสำคัญของการติดเชื้อ HPV การมีเพศสัมพันธ์ไม่ว่าใคร หรือไม่ว่าจะทางไหนหากไม่ใส่ใจป้องกัน ก็อาจมีความเสี่ยงด้วยกันทั้งนั้น ทำให้ความเสี่ยงในการติดเชื้อ HPV ทุกเพศไม่ต่างกัน และทุกคนที่มีเพศสัมพันธ์มีสิทธิ์ติดเชื้อ HPV ได้ โดยพบว่า กว่า 8 ใน 10 คนเคยได้รับเชื้อ HPV ในช่วงใดช่วงหนึ่งของชีวิต โดยเฉพาะในกลุ่มผู้ชายที่มีเพศสัมพันธ์กับผู้ชาย พบการติดเชื้อ HPV สูงกว่าผู้ชายที่มีเพศสัมพันธ์กับผู้หญิงถึง 2-5 เท่า
ผศ.นพ.ณัฐวุฒิ กันตถาวร รักษาการผู้ช่วยคณบดีฝ่ายบริการวิชาการและสังคม วิทยาลัยแพทยศาสตร์ศรีสวางควัฒน ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ และหัวหน้าศูนย์สุขภาพสตรี โรงพยาบาลจุฬาภรณ์ ได้ให้ข้อมูลว่า เชื้อเอชพีวีเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้เกิดมะเร็งปากมดลูกได้มากที่สุดถึง 70% และมีโอกาสพัฒนาเป็นมะเร็งปากมดลูกได้มากกว่าคนที่ไม่ติดเชื้อ HPV ถึง 35 เท่า โดยวิทยาการทางการแพทย์ได้เจริญก้าวหน้า มีวิธีการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกสำหรับสตรีด้วยเทคโนโลยีขั้นสูงจากการตรวจหาดีเอ็นเอของเชื้อไวรัสเอชพีวี (HPV DNA) ซึ่งการตรวจคัดกรองด้วยวิธีแปปสเมียร์แบบเดิมสามารถตรวจพบการเปลี่ยนแปลงในเซลล์ซึ่งอาจใช้เวลานานถึง 10 ปีถึงจะเกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้น และบางครั้งกว่าจะตรวจพบก็เข้าสู่มะเร็งระยะสุดท้ายแล้ว ดังนั้น ในปัจจุบันจึงแนะนำให้สตรีในช่วงอายุ 30 ปีขึ้นไป หรือในกลุ่มสตรีที่เคยมีเพศสัมพันธ์แล้ว ควรปรึกษาแพทย์เพื่อเข้ารับการตรวจหาเชื้อไวรัสเอชพีวี ซึ่งสามารถตรวจได้ถึง 14 สายพันธุ์ และสามารถระบุได้ว่าเป็นการติดเชื้อ HPV สายพันธุ์ที่มีความเสี่ยงสูงในการพัฒนารอยโรคหรือไม่ รวมถึงตอนนี้มี HPV Self Sampling ที่สามารถตรวจคัดกรองได้ด้วยตนเอง การตรวจหารอยโรคก่อนมะเร็งแต่เนิ่นๆ จะช่วยให้แพทย์ควบคุมความเสี่ยงในการเป็นมะเร็งปากมดลูก และตัดสินใจเลือกวิธีรักษาโดยมีข้อมูลที่ถูกต้อง
สำหรับ มะเร็งทวารหนัก การติดเชื้อ HPV ก็เป็นหนึ่งปัจจัยสำคัญของการก่อโรคมะเร็งทวารหนักในกลุ่มผู้ที่มีเพศสัมพันธ์ทางทวารหนัก โดยในกลุ่มผู้ชายที่มีเพศสัมพันธ์กับผู้ชาย พบว่ามีการกำจัดเชื้อ HPV ที่บริเวณทวารหนักได้ต่ำกว่าในกลุ่มผู้ชายที่มีเพศสัมพันธ์กับผู้หญิงทำให้มีโอกาสพัฒนาเป็นมะเร็งทวารหนักได้สูงกว่าถึง 20 เท่า และมะเร็งช่องปากและลำคอ สำหรับในประเทศไทย จากการศึกษาแบบ Meta-Analysis ที่เก็บข้อมูลจากหลายประเทศในเอเชีย พบความชุกของมะเร็งช่องปากและลำคอประมาณ 37% และพบว่ามีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
สำหรับประเด็นเพศหลากหลายฉีดวัคซีน HPV ได้ไหม ผศ.นพ.ณัฐวุฒิ ได้ให้ข้อมูลว่า การมีเพศสัมพันธ์คือสาเหตุสำคัญของการติดเชื้อ HPV ทุกเพศไม่ว่าจะเป็นผู้หญิง ผู้ชาย และทุกกลุ่มเพศหลากหลายหรือใครก็ตามที่ยังมีเพศสัมพันธ์อยู่ ก็มีโอกาสเสี่ยงติดเชื้อ HPV ได้ไม่แตกต่างกัน ดังนั้น การฉีดวัคซีน HPV เพิ่มภูมิต้านทานจึงมีประโยชน์สำหรับทุกเพศทุกวัย และยังช่วยลดปัจจัยเสี่ยงป้องกันมะเร็งปากมดลูก มะเร็งช่องคลอด มะเร็งปากช่องคลอด มะเร็งอวัยวะเพศชาย มะเร็งทวารหนัก มะเร็งช่องปากและลำคอด้วย สำหรับการรณรงค์ฉีดวัคซีน HPV ในประเทศไทยได้มีมาอย่างต่อเนื่อง โดยแพทย์แนะนำให้เริ่มฉีดได้ในเด็กตั้งแต่อายุ 9 ปีขึ้นไป ทั้งผู้หญิงและผู้ชาย หากไม่ป้องกันด้วยการฉีดวัคซีน HPV รวมทั้งมีพฤติกรรมเสี่ยงอย่างการมีคู่นอนหลายคน ก็จะยิ่งเพิ่มความเสี่ยงต่อการติดเชื้อ HPV มากขึ้นด้วย นอกจากนี้ ในกลุ่ม Transmenผู้ชายข้ามเพศ บางคนที่ใช้ Hormone อย่างเดียว ไม่ได้ผ่าตัด จะยังมีมดลูกอยู่ก็สามารถติดเชื้อ HPV ได้ และเป็นมะเร็งปากมดลูกได้เช่นกัน และมีโอกาสเป็นมะเร็งช่องคลอดได้หากยังมีเพศสัมพันธ์แบบเพศหญิงทั่วไปในกลุ่ม Transwomen สตรีข้ามเพศ สามารถติด HPV ได้เช่นกันและก็เป็นสาเหตุของมะเร็งทวารหนักได้ โดยกลุ่มที่ผ่าตัดแปลงเพศที่มีช่องคลอดใหม่แล้ว พบว่า HPV เป็นสาเหตุของมะเร็งที่ช่องคลอดใหม่ได้เหมือนกันดังนั้น Transwomen ที่ผ่าตัดแปลงเพศแล้วควรตรวจภายในทุกปี ร่วมกับการป้องกันด้วยการฉีดวัคซีน HPV ให้มีภูมิต้านทานก็มีประโยชน์ลดเสี่ยงการโรคร้ายในอนาคต”
ปัจจุบันวัคซีนป้องกันการติดเชื้อ HPV มีการใช้กันอย่างแพร่หลายทั่วโลก โดยสามารถฉีดได้ตั้งแต่อายุ 9 ปีขึ้นไป โดยเด็กช่วงอายุ 9-15 ปี จะเป็นช่วงวัยที่สร้างภูมิคุ้มกันได้ดีที่สุด เนื่องจากกระตุ้นภูมิคุ้มกันได้สูงและยังไม่มีเพศสัมพันธ์ สำหรับผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 15 ปีขึ้นไป รับวัคซีนทั้งหมด 3 เข็ม ทั้งนี้ ผู้ที่สนใจสามารถนัดหมายเข้ารับบริการได้ที่ศูนย์สุขภาพสตรีโรงพยาบาลจุฬาภรณ์ เปิดให้บริการทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 08.00-20.00 น. และเสาร์-อาทิตย์ เวลา 08.00-16.00 น. Add LINE นัดหมายผ่านทาง LINE Official @chulabhornhospital กดเมนู “ศูนย์การรักษา” เลือกศูนย์ “สุขภาพสตรี” และกดติดต่อนัดหมายการตรวจคัดกรองและการฉีดวัคซีนป้องกันเอชพีวี
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี