Balenciaga นำเสนอคอลเลคชั่นกูตูร์ ครั้งที่ 52 ซึ่งถือเป็นโชว์กูตูร์ครั้งที่ 3 ของ Demna จัดแสดงขึ้นในห้องโถงอาคารหมายเลข 10 ถนนGeorge V กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศสนำเสนอความสมบูรณ์แบบของเสื้อผ้าแฟชั่นชั้นสูงในลุคต่างๆ ที่ผ่านการรังสรรค์ด้วยวิธีการตัดเย็บอันพิถีพิถัน โดยร่วมงานกับ BFRNDผู้อยู่เบื้องหลังเพลงโซนิคกูตูร์ (Sonic Couture) นำโอเปร่าของ Maria Callas มาเรียบเรียงใหม่ในรูปแบบอะแคปเปลลาเป็นครั้งแรกพร้อมเทคนิค AI ในการแยกเสียง เพิ่มอรรถรสความหรูหราให้ผู้เข้าชมงาน อีกทั้ง ยังยกระดับโชว์ครั้งนี้ให้สมบูรณ์แบบไร้ที่ติยิ่งขึ้น
ลุคแรกของโชว์ ได้รับการตีความจากการออกแบบดั้งเดิมของ Cristóbal Balenciaga ซึ่งเห็นได้จาก Danielle Slavik ผู้เป็นนางแบบที่กูตูริเยร์ชื่นชอบในช่วงปี 1964-1968 โดยเดรสตัวนี้เป็นดั่งผลงานชิ้นโปรดที่เคยสวมใส่ Grace Kelly ก็ชื่นชอบเดรสตัวนี้เช่นกัน Grace ซื้อมันเพื่อสวมใส่ในงานเลี้ยงวันเกิดครบรอบ 40 ปีของเธอในโมนาโก โดยเป็นเดรสผ้ากำมะหยี่ลายดอกไม้ พร้อมสร้อยคอมุกในตัว ซึ่งถ่ายทอดเรื่องราวระหว่างอดีตกับปัจจุบัน ผ่านโครงสร้างที่ยังคงสะท้อนกลิ่นอายดั้งเดิม
แนวคิดนี้นำไปสู่การตัดเย็บในเชิงสถาปัตยกรรม (Architectural Tailoring) โดดเด่นด้วย รูปทรงไหล่แบบแหลม คอวีทรงโค้งที่ได้รับแรงบันดาลใจจากชายเสื้อของแจ๊กเกตและเอวที่เข้ารูป ที่สั่งตัดตามแบบฉบับของกูตูริเยร์ สำหรับเครื่องแต่งกายสุภาพบุรุษ อย่างชุดสูทลายตารางหรือผ้าวูลลายทางที่ดูเหมือนกับเครื่องแต่งกายของเจ้าชายแห่งเวลส์ โดยทั้งสองสิ่งนี้ใช้วัสดุเป็นผ้าเดนิมญี่ปุ่นแท้ซึ่งทอบนเครื่องทอผ้าแบบโบราณ
เทคนิคภาพลวงตา (Trompel’œil)เป็นวิธีการสมัยใหม่ที่นำมาใช้ในการผลิตโดยผสานกับแบบวัสดุดั้งเดิมผ้าแคนวาสลินินได้รับการทาสีด้วยมือและประกอบเป็นเสื้อผ้า เช่น เสื้อโค้ทบุนวมที่ทำดูเหมือนประดับด้วยขนสัตว์หรือกางเกงที่เป็นกางเกงยีนส์หรือกางเกงหนัง พื้นผิวแบบฮาวด์สทูธ (Houndstooth) และหนังงูถูกจำลองขึ้นเช่นเดียวกับกระดุมและปกเสื้อเบลเซอร์ภายใต้ขอบเขตเหล่านี้ ยังมีการเพิ่มมิติด้วยพู่กันสีน้ำมัน ซึ่งใช้เวลาถึง 280 ชั่วโมง ในการทาโดยประมาณ
โครงสร้างปรากฏออกมาจากพื้นผิวสองมิติ แจ๊กเกตผ้าวูล เทรนช์โค้ทผ้าคอตตอน และผ้าพันคอแคชเมียร์ถูกตัดและเสริมให้ดูพลิ้วไหว แม้ในยามที่ทุกอย่างสงบนิ่ง โดยขั้นตอนนี้ดำเนินการผ่านการแกะสลักด้วยมือรวมเป็นเวลาถึงสองวัน และระยะเวลานี้ยังรวมถึงซับในผ้าทอที่ช่วยเสริมความแข็งแรงให้กับเนื้อผ้าภายนอกอีกด้วย
ในส่วนของชุดราตรี มีการใช้ผ้าทาฟตา (Taffeta) เพื่อเสริมการเคลื่อนไหวให้กับรูปร่างตั้งแต่ช่วงไหล่ หรือการได้รับการสร้างสรรค์ด้วยวิธีเฉพาะ เพื่อให้ความรู้สึกเสมือนของเหลว หรือพลาสติก อีกทั้ง ยังมีการใช้เทคนิคจับเดรปพันเป็นเกลียวรอบลำตัว ชุดเดรสรัดรูปหนึ่งชุดจะประดับด้วยคริสตัล 10,000 เม็ด และต้องตั้งค่าการพิมพ์แบบสามมิติสำหรับการสร้างหินเรซิ่นในแต่ละครั้ง โดยใช้ระยะเวลาในการผลิต 900 ชั่วโมง นอกจากนี้ ยังมีการใช้ผ้าลูกไม้ Swiss guipure สร้อยคอโซ่ด้วยเทคนิคการถักแบบ chainmail และลวดลายที่เย็บด้วยเลื่อม ซึ่งเป็นการตอกย้ำความเป็นเลิศด้านงานฝีมือที่เป็นที่ต้องการของสายอาชีพนี้
ปิดท้ายด้วยชุดฟินาเล่ ที่ใช้นวัตกรรมการดีไซน์ของโปรแกรมคอมพิวเตอร์ CAD-designed ในการขึ้นโครงชุดเกราะด้วยเทคนิคการพิมพ์แบบสามมิติและการใช้เรซิ่นกัลวาไนซ์ (galvanized resin) ที่เพิ่มความเงางามของชุดด้วยการชุบโครเมียม พร้อมใช้ผ้ากำมะหยี่ (black flock) เคลือบตกแต่งด้านในตัวชุด ชวนให้นึกถึงกล่องเครื่องประดับ โดยชุดนี้มอบความรู้สึกแข็งแกร่งและเปล่งประกาย จากการผสมผสานเทคนิคคลาสสิกเข้ากับความล้ำสมัยที่นำสู่โลกแห่งความเป็นจริงใบใหม่ การรังสรรค์เสื้อผ้าและการตัดเย็บของช่างชั้นสูงจะไม่สมบูรณ์หากปราศจากเสียงดนตรีประกอบและโชว์อันไร้ที่ติ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี