ทีมนักวิจัยคณะแพทยศาสตร์และคณะวิทยาศาสตร์ จุฬาฯ พบสารเคมีในกลิ่นเหงื่อบ่งบอกภาวะความเครียดสูงและซึมเศร้าได้ นำร่องศึกษานักผจญเพลิงในกรุงเทพฯ ผลทดสอบแม่นยำถึง 90% พร้อมเดินหน้าตรวจคัดกรองสุขภาพจิตในกลุ่มอาชีพเครียดจัดและเสี่ยงสูงอื่นๆ หวังลดปัญหาสุขภาพจิตและความรุนแรงในสังคม
หลังจากประสบความสำเร็จ ในการวิจัยและพัฒนาเครื่องมือตรวจคัดกรองเชื้อโควิด-19 จากกลิ่นสารเคมีในเหงื่อแล้ว ครั้งนี้ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ชฎิล กุลสิงห์ ภาควิชาเคมี คณะวิทยาศาสตร์ และทีมวิจัย ได้ต่อยอดงานวิจัยและร่วมมือกับแพทย์หญิงภัทราวลัย สิรินารา ภาควิชาเวชศาสตร์ป้องกันและสังคม คณะแพทยศาสตร์ จุฬาฯ ศึกษาหา “สารเคมีบ่งชี้ถึงความเครียดจากกลิ่นเหงื่อ” โดยนำร่องวิจัยกับนักผจญเพลิง 1,084 คน จากสถานีดับเพลิง 47 แห่ง ทั่วกรุงเทพมหานคร และนับเป็นครั้งแรกที่พบสารเคมีในกลิ่นเหงื่อที่สามารถบ่งชี้สภาวะความเครียดได้
จากสถิติล่าสุดจากกรมสุขภาพจิต ที่ระบุว่าคนไทยราว 1.5 ล้านคน มีปัญหาสุขภาพจิตและแนวโน้มดูจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ โดย 49.36% หรือครึ่งหนึ่งในจำนวนดังกล่าวมีภาวะเครียดและซึมเศร้า อันเกิดมาจากการทำงาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มผู้มีอาชีพเสี่ยงสูง ต้องรับผิดชอบความปลอดภัยของสาธารณะ หรือต้องตัดสินใจภายใต้แรงกดดันและความเร่งด่วนเช่น ตำรวจ ทหาร นักผจญเพลิง ฯลฯ
แพทย์หญิงภัทราวลัย สิรินารา
แพทย์หญิงภัทราวลัย กล่าวว่า “ปกติ ผู้ที่มีอาชีพที่ต้องรับผิดชอบต่อความปลอดภัยของสาธารณะจะได้รับการตรวจสุขภาพกายและจิตประจำปีอยู่แล้ว แต่การตรวจสุขภาพจิตปีละครั้งนั้นไม่น่าจะเพียงพอเพราะบางรายอาจมีอาการเครียดหรือซึมเศร้าระหว่างปี และการที่ทุกคนจะเข้าถึงและพบจิตแพทย์ก็ยากเนื่องจากข้อจำกัดด้านจำนวนบุคลากรด้านจิตเวชในประเทศไทย นอกจากนี้ แนวทางการตรวจคัดกรองและวินิจฉัยด้วยการสัมภาษณ์ยังขึ้นกับดุลยพินิจของจิตแพทย์และนักจิตวิทยา ทำให้ผลการวินิจฉัยอาจแตกต่างกันและไม่อาจสรุปได้อย่างแม่นยำ”
“เราจึงพยายามหาวิธีหรือนวัตกรรมใหม่ๆ ที่ตอบโจทย์และมีประสิทธิภาพสูง ราคาไม่แพง เพื่อใช้ในการคัดกรองสภาวะทางจิตก่อนพบจิตแพทย์ ซึ่งเราพบว่าวิธีการตรวจหาสารเคมีจากกลิ่นเหงื่อเป็นวิธีที่น่าสนใจศึกษา เพราะเป็นวิธีที่ไม่จำเป็นต้องเจาะเลือดให้เจ็บตัว และสามารถวัดผลจากสิ่งที่จับต้องได้จริงๆ มีความคลาดเคลื่อนน้อย”
นี่จึงเป็นจุดเริ่มต้นของโครงการความร่วมมือระหว่างภาควิชาเวชศาสตร์ป้องกันและสังคม คณะแพทยศาสตร์ และภาควิชาเคมี คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาฯ ในการวิจัยหาสารเคมีความเครียดจากกลิ่นเหงื่อในกลุ่มอาชีพนักผจญเพลิงทั่วกรุงเทพมหานคร ภายใต้การสนับสนุนทุนวิจัยจากแพทยสภาและได้รับการสนับสนุนเครื่องมือจากบริษัทซายน์สเปค จำกัดโดยมี ดร.ณัฐนี ตั้งกิจอนันต์สิน เป็นผู้ทำการทดลองวิเคราะห์สารเคมีในเหงื่อ
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ชฎิล กุลสิงห์
ผศ.ดร.ชฎิล กุลสิงห์ กล่าวว่า โครงการวิจัยนี้เป็นครั้งแรกที่มีการตรวจพบกลุ่มสารเคมีความเครียด (แบบระเหยง่าย) ในเหงื่อของคนกลุ่มใหญ่ที่ประกอบอาชีพเดียวกัน และเป็นความเครียดสะสมที่เกิดขึ้นโดยธรรมชาติจากการทำงานและในชีวิตประจำวันจริงๆ ไม่ได้เป็นความเครียดที่เกิดจากการควบคุมหรือจำลองสถานการณ์ขึ้นเหมือนการศึกษาอื่นๆที่ผ่านมา
“โดยหลักการ ผู้ที่เป็นโรคเดียวกันมักจะมีสารเคมีหรือกลุ่มสารเคมีที่เหมือนกันอยู่ คล้ายกันกับกรณีนี้ หากตรวจพบว่าใครที่มีสารเคมีกลุ่มนี้ในปริมาณที่เกินเกณฑ์หรือต่ำกว่าเกณฑ์ ทั้งหมดก็น่าจะสามารถระบุได้ว่าคนคนนั้นมีความเครียดสูงหรืออาจเป็นซึมเศร้าได้ โดยความแม่นยำในการระบุผลจากกลุ่มตัวอย่างที่ผ่านมาอยู่ที่ประมาณ 90%”
วิธีการตรวจคัดกรองภาวะเครียดจัดและซึมเศร้าจากเหงื่อเป็นวิธีที่สะดวก รวดเร็ว สามารถตรวจได้ครั้งละหลายๆ คนและใช้เวลาไม่นาน
ซึ่งขั้นตอนการเก็บตัวอย่างเหงื่อว่า “เราใช้ก้านสำลีที่สะอาดผ่านการฆ่าเชื้อแล้ว 2 ก้าน เหน็บใต้รักแร้ซ้าย-ขวา ทิ้งไว้ 10-15 นาที แล้วนำก้านสำลีที่มีเหงื่อไปใส่ในขวดปลอดเชื้อที่มีฝาปิด จากนั้น ส่งตัวอย่างมาห้องแล็บเพื่อตรวจด้วยเครื่องวิเคราะห์กลิ่นสารเคมี โดยฉีดอากาศในขวดเข้าไปในเครื่อง แล้วรอเครื่องวิเคราะห์ผลประมาณ 10-20 นาที ซึ่งผลจะแสดงออกมาในลักษณะบาร์โค้ดของสารเคมีในแต่ละตัวอย่าง”
และจากโครงการศึกษาวิจัยกลุ่มนักผจญเพลิง 1,084 คนในกรุงเทพมหานครระหว่างกุมภาพันธ์ 2565 ถึง ธันวาคม 2565ผลการตรวจพบแนวโน้มสุขภาพจิต ว่ามีปัญหาความเครียด และการนอนหลับจำนวนมาก
พญ.ภัทราวลัย กล่าวว่า กลุ่มนักผจญเพลิงที่อยู่ในเกณฑ์มีความเสี่ยงปานกลางถึงรุนแรงจะเข้าสู่กระบวนการยืนยันผลโดยอาจารย์จิตแพทย์อีกครั้ง โดยในโครงการวิจัยนี้ได้รับเกียรติจาก Professor Dr. Michael Maes, MD, Ph.D. ดร.นายแพทย์ชาวิท ตันวีระชัยสกุล จากภาควิชาจิตเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์จุฬาฯ และโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย เป็นที่ปรึกษาโครงการเพื่อตรวจวินิจฉัยยืนยันผลการศึกษารอบสุดท้าย ทั้งนี้ ผู้เข้าร่วมโครงการจะทราบผลตรวจของตัวเองซึ่งในรายที่มีความเครียดสูง ก็สามารถพบจิตแพทย์ของ รพ.จุฬาฯได้เลย
“ต่อไปเราจะขยายการตรวจคัดกรองความเครียดไปในกลุ่มอาชีพอื่นๆ ที่ต้องทำงานภายใต้ความกดดันสูง มีความเสี่ยงต่อปัญหาภาวะสุขภาพจิต เพื่อเพิ่มการเข้าถึงการตรวจคัดกรองสุขภาพจิตให้รวดเร็ว ซึ่งจะทำให้ผู้ที่มีภาวะเครียดจัดหรืออาจมีอาการซึมเศร้า ได้รับการดูแลบำบัดทันท่วงที” ผศ.ดร.ชฎิล กล่าวทิ้งท้าย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี