หนึ่งในไฮไลท์ของงาน “โครงการหลวง54” ที่ เซ็นทรัลเวิลด์ และกำลังเป็นที่กล่าวขานถึงก็คือ มื้ออาหารสุดพิเศษ Royal Project Bistro ในรูปแบบ Fine Dining โดย เชฟแป๊บ-สหฤกษ์ ศรีบุญเรือง creative chef ได้รังสรรค์เมนู อย่างพิถีพิถันจากวัตถุดิบโครงการหลวง ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว เป็นการยกระดับวัตถุดิบที่คุณภาพจากโครงการหลวง มาสร้างสรรค์ให้น่ารับประทานยิ่งขึ้น เรียกว่า ทั้งอร่อยและสวยงาม โดยประสบการณ์ใหม่แบบ Exclusive นี้มี 5 คอร์ทด้วยกัน และจะมีให้ลิ้มลองไปจนถึงวันที่ 14 สิงหาคม นี้ ที่ โซนอีเดน ชั้น 3 เซ็นทรัลเวิลด์
เชฟแป๊บ-สหฤกษ์ ศรีบุญเรือง creative chef เล่าว่า “แต่และเมนูที่เรานำมารังสรรค์ใหม่ เป็นวัตถุดิบและส่วนผสมจากทางโครงการหลวง ซึ่งเป็นโครงการพระราชดำริจากในหลวง รัชกาลที่ 9 บางเมนูเชฟของโครงการหลวงเองก็สร้างสรรค์ขึ้นมาเพื่องานนี้โดยเฉพาะ ในส่วนของผมที่เป็น Creative chef ของงานนี้ ก็อยากที่จะนำเสนออาหารแต่ละจานให้ออกมาอย่างสวยงามตามคุณภาพของวัตถุดิบต่างๆ นอกจากนี้ ผมยังอยากที่จะบอกเล่าเรื่องราวของโครงการหลวงผ่านทางอาหารแต่ละจานที่เสิร์ฟ โดยทุกจานจะมีเรื่องราวที่ต่อเนื่องกัน ให้ทุกคนได้เห็นถึงการเดินทางของโครงการหลวงตั้งแต่จุดเริ่มต้นจนถึงทุกวันนี้ครับ”
เมนูอาหาร 5 คอร์ส ในรูปแบบ Fine Dining เริ่มคอร์สแรก จะเป็น afternoon tea เป็นเมนูแรก แทนจุดเริ่มต้นของโครงการหลวง โดยมี แนวคิดของเมนูนี้ว่า “สายหมอกแห่งขุนเขา” เพราะจุดเริ่มต้นของโครงการหลวง คือขุนเขานั่นเอง เมนูนี้จะประกอบไปด้วย ชาสมุนไพรสด 7 ชนิด คือ หญ้าหวาน, ชาหอม, เลมอนบาล์ม, คาโมมายด์, เลมอนไทม์, ยูเอสเอมินต์, เจแปนนิสมินต์ ที่มีสรรพคุณช่วยเรื่องความผ่อนคลาย และการนอนหลับ
สายหมอกแห่งขุนเขา
รวมทั้ง ไดฟุกุไส้แยมมะม่วงเสาวรส ตัวไส้จะใช้มะม่วงมวลคำจากโครงการหลวงผสมกับเสาวรสสายพันธ์ุไทนุง ที่ให้รสชาติเปรี้ยวอมหวาน ส่วนตัวแป้งไดฟุกุจะใส่สีส้มจากแครอท มาทำให้สีสันน่ารับประทานยิ่งขึ้น และ ไดฟุกุไส้หมูคีนัว ตัวไส้จะทำมาจากหมูสับผัดกับคีนัว ปรุงรสให้ออกเค็มหวาน และเพิ่มเผ็ดด้วยพริกไทย ให้รสชาติกับไส้ของสาคูไส้หมู แต่นำเสนอในรูปแบบของขนมสไตล์ญี่ปุ่น, เค้กคีนัวมันเทศญี่ปุ่น ตัวเค้กทำจากข้าวเหนียวผสมกะทิ และคีนัว ตัวไส้ใช้มันเทศญี่ปุ่นโครงการหลวงกวน ที่ให้รสชาติหวานมัน เป็นขนมหวานสไตล์ไทยที่ตั้งใจทำออกมาในรูปแบบของข้าวปั้นญี่ปุ่น, สโคนและแยมสตรอว์เบอร์รี่กุหลาบ ตัวสโคนพิเศษด้วยการผสมกลีบกุหลาบที่ปลูกด้วยระบบอินทรีย์ เพิ่มความเปรี้ยวด้วยสตรอว์เบอร์รี่อบแห้ง และเพิ่มความหอมด้วยมะตูมเชื่อม เสิร์ฟพร้อมแยมสตรอว์เบอร์รี่กุหลาบ ซึ่งใช้สตรอว์เบอร์รี่สายพันธุ์พระราชทาน 80 กับกลีบกุหลาบอินทรีย์ ซึ่งเป็นแยม Home made ปกติแล้วแยมนี้จะมีเสิร์ฟแค่เฉพาะที่โครงการหลวงทุ่งเริงเท่านั้น แต่นำมาจัดเป็น After noon tea Set พิเศษเพื่อทุกคน
ต่อด้วย คอร์สที่ 2 น้ำเสาวรสสดน้ำผึ้ง โดยแนวคิดของเมนูนี้คือ ประกายแสงแห่งชีวิต เปรียบเสมือนเมื่อครั้งในหลวง รัชกาลที่ 9 ทรงเริ่มโครงการหลวงก็เหมือนการ จุดประกายความหวังให้กับชาวบ้านและชุมชน โดยใช้เสาวรสพันธ์ุไทนุง ที่มีความหอม หวานอมเปรี้ยวเฉพาะตัวของเสาวรสพันธุ์นี้นำมาผสมกับน้ำผึ้งเพิ่มความสดชื่น และมีกิมมิคคือ เจลลี่ขิง ที่สามารถรับประทานด้วยกันได้อย่างลงตัว สำหรับตัวน้ำเสาวรสนั้นจะช่วยในเรื่องของการเปิดต่อมรับรสสำหรับการรับประทานอาหารในจานต่อๆ ไปด้วย
คอร์สที่ 3 เป็นสลัดผลไม้คีนัวกุ้งทอดครีมเสาวรสในแนวคิด “ไออุ่นจากโครงการหลวง” เป็นสลัดที่รวมของเด่นจากโครงการหลวงมาไว้ในจานเดียวไม่ว่าจะเป็นผักหรือผลไม้ต่างๆ เช่นเมล่อนเนื้อส้มและเนื้อเขียวจากโครงการหลวงที่ทั้งหวานแล้วก็กรอบ เพิ่มความแตกต่างด้วยคีนัวแคร็กเกอร์ ละ Fruit Gum ที่นำผลไม้จากโครงการหลวงมาเพิ่มลูกเล่นให้กับสลัดจานนี้
ถึงคอร์สที่ 4 หรือ อาหารจานหลัก ข้าวซอยปลาเทราต์ทอด ในแนวคิด “ทรัพย์ในดินสินในน้ำ” ที่ว่าพอเกิดเป็นโครงการหลวงขึ้นมาแล้ว ก็เกิดเป็นรายได้เป็นอาชีพที่มาจากพื้นดินและท้องน้ำ เมนูนี้เป็นข้าวซอยที่หอมเครื่องแกงสูตรเฉพาะจากโครงการหลวง และพิเศษยิ่งขึ้นด้วยเนื้อปลาเทราต์ทอดจากโครงการหลวงดอยอินทนนท์ ที่ไม่สามารถรับประทานข้าวซอยสูตรที่อื่นได้ นอกจากงานนี้เท่านั้น ข้าวซอยสูตรพิเศษนี้จะใช้ Sauerkraut (เซาเออร์เคราท์) แทนผักดอง และ ตัวหอมแดงจะมาในรูปแบบ Shallot Foam ด้วย
ไออุ่นจากโครงการหลวง
คอร์ตสุดท้าย เป็นขนมหวาน ไอศกรีมอะโวคาโดในแนวคิด หยดน้ำแห่งแผ่นดิน เปรียบเสมือนหยาดพระเสโทของในหลวง รัชกาลที่ 9 ที่ทรงทำให้ได้มีโครงการหลวงอย่างเช่นทุกวันนี้ เมนูนี้จะเสิร์ฟพร้อมกับไอศกรีม 2 รส คือ ไอศกรีมน้ำตาลมะพร้าว ที่เป็นไอศกรีมรสพิเศษ เป็นรสวานิลลา และไอศกรีมผสมเนื้ออะโวคาโด จาก ร้านณภาฯ ในเครือโครงการหลวงเช่นกันอะโวคาโดที่เสิร์ฟจะเป็นพันธ์ุปีเตอร์สัน จุดเด่นคือ เนื้อที่หนาและรสชาติฉ่ำมัน ไม่หวาน ทำให้พอรับประทานคู่กับไอศกรีมแล้วรสชาติลงตัวมาก ซึ่งเมนูนี้เป็นเมนูขายดี ที่มีขายแค่เฉพาะงานโครงการหลวงเท่านั้น แต่เราจะได้รับประทานกันในแบบพิเศษยิ่งขึ้น ด้วยการเพิ่ม Crumble Cocao, Sponge Matcha และ Sponge Earlgrey ที่มาช่วยเพิ่มเนื้อสัมผัสให้เมนูนี้
มื้ออาหารสุดพิเศษ Royal Project Bistro เสิร์ฟเฉพาะลูกค้า Exclusive เท่านั้น เพียงช้อปสินค้าภายในงานโครงการหลวงและในศูนย์การค้าครบ 4,000 บาท ระหว่างนี้จนถึงวันที่ 14 สิงหาคม 2566 เปิดวันละ 2 รอบ เวลา 14.30-15.30 น.กับเวลา 16.30-17.30 น. รอบละ 30 คน โดยนำใบเสร็จมายื่นที่เคาน์เตอร์ Bistro หน้างานโซนอีเดน ชั้น 3 เพื่อลงทะเบียนรับสิทธิ์
นอกจากนี้ ในงาน “โครงการหลวง54” ที่กำลังจัดขึ้นจนถึงวันที่ 14 สิงหาคม นี้ ยังสามารถ ชม-ช้อปสินค้าไฮไลท์ ได้แก่ ไอศกรีมอะโวคาโด, ไอศกรีมณภาฯ, คาร์เวียร์, วานิลลา, ข้าวโพดหวานสองสี, เมล่อนสีทอง, มะเขือเทศเชอร์รีเหลืองหวาน, พลับ, น้ำผึ้งในสวนกาแฟ, ชาผู๋เออร์, ชาสกัดเย็นพร้อมดื่ม(Cold Brew Tea), กาแฟสกัดเย็นพร้อมดื่ม (Cold Brew Coffee), ชาเขียวอบข้าวกล้องคั่ว, ชาเขียวอบคีนัวคั่ว, ชีวภัณฑ์กำจัดศัตรูพืช “ฟีโรด้วงหมัดผัก”
ชมนิทรรศการผลสำเร็จในยุค สืบสาน รักษา ต่อยอด เพื่อสิ่งแวดล้อมที่ยั่งยืน ภายใต้โครงการสวมหมวกให้ดอย, ศูนย์พัฒนาโครงการหลวงเลอตอ ต้นแบบชุมชนมั่นคง มีสุข, “ชา” ผลสำเร็จจากงานวิจัยของโครงการหลวง พร้อมดื่มด่ำกับเครื่องดื่มชาเพื่อสุขภาพ และเบเกอรี่ ดี อร่อย จากโครงการหลวง, นิทรรศการ และสินค้าหัตถกรรม เครื่องแต่งกายจากเส้นใยกัญชงผลิตภัณฑ์จากโครงการส่วนพระองค์, ผลิตภัณฑ์ดอยคำและสถาบันค้นคว้าและพัฒนาผลิตภัณฑ์อาหาร มก. พร้อมชมความงดงามของดอกเอเดลไวส์ สื่อสายใยรักพระราชทานจาก สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี พร้อมหมู่มวลดอกไม้นานาพรรณจากยอดดอย อาทิ ไฮเดรนเยีย, กุหลาบ, ปทุมมา, มาลีรัตน์ และคาลล่าลิลลี่ เป็นต้น
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี