Still Life 1899 detail
นักท่องเที่ยวที่มีโอกาสเยือน Kunsthaus Zurich นอกจากจะได้ชื่นชมผลงานหลากหลายแนว อาทิ Impressionism, Post Impressionismของศิลปินฝรั่งเศสแล้ว ที่นี่ยังมีผลงานของศิลปินฝรั่งเศสอีกผู้หนึ่งที่มีชื่อเสียงที่สุดในคริสต์ศตวรรษที่ 21 นั่นคือ Henri Emile Benoit Matisse เขาเกิดในวันสิ้นปี 1869 ทางตอนเหนือของฝรั่งเศสโดยเป็นบุตรคนโตของครอบครัวพ่อค้าขายพืชผลในปี 1887 เขาย้ายไปอยู่ปารีสเพื่อเรียนกฎหมายและทำงานเป็นเจ้าหน้าที่ในศาลหลังจบการศึกษา ต่อมาในปี 1889 ระหว่างพักรักษาตัวจากการผ่าตัดไส้ติ่ง แม่ของเขาได้นำอุปกรณ์วาดรูปมาให้ทำให้เขาเริ่มมีโอกาสหัดวาดภาพ เขาพบว่าการทำงานศิลป์เป็นสวรรค์สำหรับเขาเลยทีเดียวส่งผลให้เขาตัดสินใจเป็นศิลปินแทนที่จำเป็นนักกฎหมายซึ่งสร้างความผิดหวังอย่างรุนแรงกับบิดา
ปี 1891 เขาตัดสินใจย้ายกลับมาปารีสเพื่อเข้าเรียนศิลปะที่ Academia Julian กับ William-Adolphe Bouguereau แล้วเข้าศึกษาต่อที่ Ecole Nationale des Beaux-Arts ภายใต้การดูแลของ Gustave Moreau ในช่วงแรกเขาชอบสร้างสรรค์งาน Still life และทิวทัศน์ตามแบบอย่างที่เรียนมาจากมหาวิทยาลัยโดยได้รับอิทธิพลมาจาก Jean-Baptiste-Simeon Chardin, Nicolas Poussin และ Antoine Watteau รวมทั้ง Edouard Manet ซึ่งโด่งดังมากในช่วงเวลานั้น ในปี 1896 เขาเดินทางไปยังเกาะริมฝั่งของ Brittany และได้รู้จักกับศิลปินแนว Impressionism และ John Russel และ Vincent Van Gogh ส่งผลให้เขาเปลี่ยนแนวทางการสร้างสรรค์งานไปอย่างเด็ดขาดจนหันมาสร้างงานที่มีสีสันสดใสมากขึ้น
เมื่อเขาได้รู้จักกับ Russell เขาก็เลยได้เรียนทฤษฎีสีจาก Russell และได้มีโอกาสจัดแสดงผลงานครั้งแรกที่ Societe Nationaledes Beaux-Arts จำนวน 5 ชิ้น และสามารถขายให้รัฐได้ถึง 2 ชิ้น เขามีลูกสาวจาก Caroline Joblau นางแบบของเขาในปี 1894 แต่กลับแต่งงานกับ Amelie Noellie Parayreนางแบบอีกคนในปี 1898 และมีลูกชาย 2 คนในปี 1898 Camille Pissarro ได้แนะนำให้เขาเดินทางไปลอนดอนเพื่อเรียนรู้การวาดกับ J.M.W. Turner ซึ่งเป็นศิลปินที่มีชื่อเสียงมากในอังกฤษและเชี่ยวชาญการวาดภาพทิวทัศน์ หลังจากนั้นเขาทุ่มเทเงินมากมายเพื่อซื้อผลงานของศิลปินที่เขาชื่นชอบจนติดหนี้สินรุงรัง ในปี 1902 ครอบครัวของภรรยาประสบปัญหาทางการเงินทำให้เขาต้องกลายเป็นคนหาเลี้ยงครอบครัวเพียงคนเดียวซ้ำยังต้องหาเลี้ยงครอบครัวภรรยาด้วยส่งผลให้เขาเปลี่ยนแนวทางการสร้างสรรค์งานเพื่อตอบสนองต่อตลาดมากขึ้นเขาเริ่มสร้างสรรค์งานแนว Fauvismซึ่งใช้สีสดใสจากหลอดและกระแทกฝีแปรงตรงๆ ลงบนผืนผ้าใบเพื่อสะท้อนอารมณ์รุนแรงของศิลปิน เขาสามารถที่จะมีโอกาสจัดนิทรรศการได้ถึง 3 ครั้ง ในช่วงระหว่าง 1904-8 แม้นิทรรศการเดี่ยวของเขาในปี 1905 จะไม่ประสบความสำเร็จมากนักแต่งานบางชิ้นก็ได้รับการวิจารณ์ในแง่บวก และส่งผลให้เขากลายเป็นผู้นำของแนวทางศิลปะแบบ Fauvism
นับจากปี 1906 แนวทางศิลปะแบบ Fauvism เริ่มไม่เป็นที่นิยม เขาจึงเริ่มเดินทางไปศึกษาศิลปะยังประเทศต่างๆ และจัดแสดงผลงานไปในเมืองต่างๆ นอกฝรั่งเศส อาทิ มิวนิค เยอรมัน สเปนเพื่อศึกษาศิลปะแนว Moorishและโมร็อกโก ในปี 1917 เขาย้ายไปอยู่ Cimiez แถวริเวียร่า
ฝรั่งเศส และสร้างสรรค์ผลงานที่อ่อนโยนมากขึ้นส่งผลให้งานของเขาเป็นที่นิยมขึ้นมาใหม่ ในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง เมื่อเยอรมันยึดครองฝรั่งเศส แทนที่เขาจะหนีไปสหรัฐฯ เพื่ออยู่กับลูกชาย แต่เขากลับอยู่ในฝรั่งเศส เพราะเขาเห็นว่า ฝรั่งเศสจะมีอะไร ถ้าปราศจากคนมีความสามารถ การที่เขายอมอยู่ฝรั่งเศส ทำให้เขามีโอกาสจัดแสดงงานศิลปะบ้างเช่นกัน
ในปี 1941 เขาได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็งลำไส้เล็ก แม้การผ่าตัดจะประสบความสำเร็จ แต่เกิดผลข้างเคียงมากมายจนทำให้เขาต้องนอนติดเตียงนานถึง 3 เดือน เขาจึงได้พัฒนาศิลปะแบบใหม่ที่ใช้กระดาษและกรรไกรแทนที่เรียกว่า Collages หรือ Decoupage เขาตัดกระดาษและให้ผู้ช่วยทาสีผสมกาวเป็นรูปร่างและขนาดต่างๆ ก่อนเอามาประกอบรวมกันใหม่ เขาเรียกช่วงเวลาในการสร้างสรรค์งานแนวนี้ว่า second life ด้วยความจำกัดทางกายภาพ เขาให้ความเห็นไว้อย่างน่าสนใจว่า ศิลปินต้องไม่ติดคุกที่ตัวเองเคยสร้างไว้ไม่ว่าจะเป็น คุกของรูปแบบ ชื่อเสียง หรือความสำเร็จ ในปี 1948 เขาเริ่มออกแบบ Chapelle du Rosaire de Vence ด้วยการนำเทคนิคใหม่นี้มาใช้ตกแต่ง นับจากนั้นมาเขาก็ใช้เทคนิคนี้ไปจวบจนเสียชีวิตในเดือนพฤศจิกายน 1954 จากโรคหัวใจล้มเหลวด้วยอายุ 84 ปี
นักท่องเที่ยวจะเห็นว่า Matisse เป็นศิลปินที่เริ่มต้นชีวิตด้วยการเป็นนักกฎหมายเฉกเช่นเดียวกันกับศิลปินฝรั่งเศสหลายคนในช่วงเวลานั้น จากประวัติของเขานั้น ไม่เพียงเขาจะเป็นศิลปินที่มีความสามารถ การเริ่มต้นชีวิตศิลปิน และเปลี่ยนแปลงแนวทางการสร้างสรรค์งานของเขาเกิดจากข้อจำกัดของร่างกายทั้งนั้น การที่เขาเป็นคนหมั่นฝึกฝน มองโลกในแง่ดีและมีทัศนคติที่เป็นเลิศจึงสมควรเป็นแบบอย่างให้กับคนรุ่นใหม่อย่างแท้จริง
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี