เมืองโบราณศรีเทพ
เมื่อวันที่ ๑๙ กันยายน เวลาประมาณ ๑๕.๓๐ น. ในไทยที่ผ่านมา คณะกรรมการมรดกโลกสมัยสามัญครั้งที่ ๔๕ ที่กรุงริยาด ประเทศซาอุดีอาระเบียได้ประกาศขึ้นทะเบียน “เมืองโบราณศรีเทพ” เป็นแหล่งมรดกโลกแห่งใหม่ของไทย ซึ่งนับเป็นแห่งที่ ๔ของแหล่งอุทยานประวัติศาสตร์ต่อจากเมืองประวัติศาสตร์สุโขทัยและเมืองบริวาร, นครประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา และแหล่งโบราณคดีบ้านเชียง ซึ่งนับเป็นแหล่งมรดกโลกแหล่งที่ ๗ของประเทศไทย แม้จะทำให้ชาวไทยพากันยินดีและตื่นรู้ถึงความสำคัญของโบราณสถานแห่งนี้กันมากขึ้นและมีการสืบค้นหาความรู้กันอย่างกว้างขวาง ดังนั้น ภูมิหลังของการทำงานในการนำเสนอเมืองโบราณศรีเทพ เป็นมรดกโลกนั้นจึงหาได้ใส่ใจถึงการทำงานของผู้เกี่ยวข้องโดยตรงมากนัก แม้ว่ากรมศิลปากรจะมีการค้นพบขุดแต่งบูรณะโบราณสถานเมืองโบราณศรีเทพมาตั้งแต่พ.ศ.๒๕๒๗ สืบต่อจากการค้นพบของสมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพ เมื่อ พ.ศ.๒๔๔๘ และหลวงวิจิตรวาทการ อธิบดีกรมศิลปากร ให้ขึ้นทะเบียนเมื่อพ.ศ.๒๔๗๘ แล้วก็ตาม การเป็นรูปร่างของเมืองให้ปรากฏพร้อมกับพบโบราณวัตถุและรู้ถึงสิ่งที่สูญหายไปนั้น จึงมีการทำงานอยู่เงียบๆ มาเนิ่นนานปี จนเมื่อได้มีการเริ่มต้นขึ้นจริงจังเมื่อคณะรัฐมนตรีได้มีมติในวันที่ ๙ เมษายน ๒๕๖๒ เห็นชอบต่อเอกสารที่นำเสนอเมืองโบราณศรีเทพ เพื่อบรรจุในบัญชีรายชื่อเบื้องต้น(Tentative List) ของศูนย์มรดกโลก โดยให้ประธานกรรมการแห่งชาติ ว่าอนุสัญญาคุ้มครองมรดกโลกคือ พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีขณะนั้น ลงนามในหนังสือถึงศูนย์มรดกโลก และในการประชุมคณะกรรมการมรดกโลกสมัยสามัญครั้งที่ ๔๓ เมื่อปี พ.ศ.๒๕๖๒ ที่ประชุมได้ให้การรับรองแหล่งมรดกทางวัฒนธรรมของไทย เมืองโบราณศรีเทพ ในบัญชีรายชื่อเบื้องต้น (Tentative List) ของศูนย์มรดกโลก ในการทำงานนั้น สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (สผ.)กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้สนับสนุนการจ้างที่ปรึกษาจัดทำเอกสารการนำเสนอเมืองโบราณศรีเทพ เป็นมรดกโลก ต่อมาเมื่อ ๑๐ ธันวาคม ๒๕๖๓ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม มีคำสั่งแต่งตั้งคณะทำงานขับเคลื่อนการนำเสนอเเหล่งมรดกทางวัฒนธรรมเมืองโบราณศรีเทพ เป็นมรดกโลก
ประติมากรรมสุริยะเทพ
ต่อมาในวันที่ ๑๙ มกราคม ๒๕๖๔ คณะรัฐมนตรีได้ประชุมปรึกษา และลงมติเห็นชอบเอกสารนำเสนอเข้าสู่บัญชีรายชื่อมรดกโลก เมืองโบราณศรีเทพ และเห็นชอบให้ประธานกรรมการแห่งชาติว่าด้วยอนุสัญญาคุ้มครองมรดกโลก ลงนามในเอกสารนำเสนอเมืองโบราณศรีเทพเข้าสู่บัญชีรายชื่อมรดกโลก ต่อศูนย์มรดกโลก กรุงปารีส สาธารณรัฐฝรั่งเศส ซึ่งเมื่อวันที่ ๑๙ มกราคม ๒๕๖๕ประธานกรรมการแห่งชาติฯได้ลงนามในหนังสือถึงศูนย์มรดกโลกจัดส่งเอกสารการนำเสนอเมืองโบราณศรีเทพ ฉบับสมบูรณ์ เข้าสู่บัญชีรายชื่อมรดกโลก ภายหลังจากการที่ได้ดำเนินการปรับปรุงแก้ไข ๒ ครั้ง
ต่อมาวันที่ ๑๖ กันยายน ๒๕๖๕ Ms.Jigna Desai ผู้เชี่ยวชาญชาวอินเดียจากองค์กรที่ปรึกษาด้านวัฒนธรรม (ICOMOS) ได้เดินทางมาตรวจประเมินพื้นที่เมืองโบราณศรีเทพ เพื่อประเมินความเป็นไปได้ในการนำเสนอเป็นแหล่งมรดกโลก ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ต่อมาวันที่๒๖ พฤศจิกายน ๒๕๖๕ ICOMOS ได้จัดการประชุมหารือ ICOMOS World Heritage Panelเพื่อประเมินการเสนอขึ้นทะเบียนแหล่งเมืองโบราณศรีเทพเป็นมรดกโลก ผ่านการประชุมทางไกลโดยมีผู้แทนกรมศิลปากร และ สผ. เข้าร่วม และมีข้อเสนอแนะให้เปลี่ยนชื่อแหล่งจาก TheAncient Town of Si Thep เป็นชื่ออื่นที่สามารถสื่อถึงแหล่งที่มีความเกี่ยวข้องและเชื่อมโยงกันในการนำเสนอ
วันที่ ๒๑ ธันวาคม ๒๕๖๕ สภาการโบราณสถานระหว่างประเทศ (ICOMOS) มีหนังสือถึงเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงปารีส ในฐานะผู้แทนถาวรไทยประจำยูเนสโก จัดส่งรายงานความก้าวหน้าการประเมินการนำเสนอเมืองโบราณศรีเทพเป็นมรดกโลก พร้อมขอรับข้อมูลในประเด็นต่างๆ และ สผ.ได้จัดส่งข้อมูลเพิ่มเติมประกอบการนำเสนอเมืองโบราณศรีเทพเป็นมรดกโลกตามที่ ICOMOS ร้องขอ ซึ่งการประชุมคณะกรรมการมรดกโลกสมัยสามัญ ครั้งที่ ๔๕ นั้นได้ขยายเวลาออกมา โดยมีการพิจารณาการนำเสนอเมืองโบราณศรีเทพ เป็นมรดกโลก ในวาระการประชุมที่ 45COM 8B.41 (ร่าง) ข้อมติเสนอให้ขึ้นทะเบียนเมืองโบราณศรีเทพ เป็นมรดกโลก(Inscribe) พร้อมขอให้ไทยดำเนินการในเรื่องต่างๆ รวม ๑๑ ข้อ จนกระทั่งได้รับการขึ้นทะเบียนมรดกโลกแห่งใหม่ด้วยการทำงานของคนที่อยู่เบื้องหลังทุกฝ่ายที่ชาวไทยทั้งประเทศต้องขอบคุณและนึกถึงบุคลากรผู้ทำงานให้ประสบความสำเร็จทุกคน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี